ตอนที่ 878: สองต่อแปด
“ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลับมาและยังมาพร้อมกับทูตอีก 3 คน” ผู้นำเผ่าแห่งความกล้าอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งหลังจากที่ได้เห็นทูต 4 คนบนท้องฟ้า การปรากฎตัวของพวกเขาทำให้เขากดดันอย่างมาก
“เจ้าทูตบ้าบออะไรกัน ? กล้ามาวางท่าโอ้อวดเช่นนี้ต่อหน้าข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ ? ” นูบิสไม่รู้สึกกลัวอะไร เขาพุ่งไปบนท้องฟ้าพร้อมทั้งปล่อยกลิ่นอายของเขาออกมา และไปเผชิญหน้ากับกลุ่มของเยิ่นเซินที่อยู่ร้อยเมตรเหนือท้องฟ้าพร้อมกับเจี้ยนเฉิน
เยิ่นเซินจ้องอย่างเย็นชาไปที่พวกเขาทั้งสองและคำรามออกมา “เจ้าทั้งสองคนเป็นคนที่ทำให้ผู้อาวุโสและผุ้นำเผ่าของข้าบาดเจ็บใช่หรือไม่ ? “
“ถ้าพวกเราทำแล้วเจ้าจะทำไม ? เจ้าหนู เจ้าจะแก้แค้นให้พวกนั้นอย่างนั้นหรือ ? แย่หน่อยนะที่เจ้าอาจจะทำไม่ได้ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า” นูบิสกอดอกและเหยียดหยามเยิ่นเซิน น้ำเสียงของเขาดูถูกมาก
เยิ่นเซินเป็นอัจฉริยะที่ปรากฏขึ้นมาได้ยากในรอบพันปีภายในอาณาจักรทะเล เขาโตขึ้นมาในมือของผู้อาวุโสและถูกเลือกให้เป็นทูตประจำศาลา เขายังได้คารวะผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ของเขาด้วย มีน้อยคนนักในศาลาเทพเจ้าอสรพิษที่จะเทียบสถานะกับเขาได้ เขาเป็นคนที่สะดุดตามาก แม้แต่นักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวธรรมดายังจำเป็นที่จะต้องนอบน้อมกับเขา แล้วอัจฉริยะที่เป็นที่สนใจอย่างมากอย่างเขาจะไปทนกับคำดูถูกของนูบิสได้อย่างไร ? เขาเริ่มที่จะเกรี้ยวกราดและจิตสังหารที่หนาแน่นก็หลั่งไหลออกมาจากหัวใจของเขา
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าอยู่องค์กรไหน ข้าจะเอาชีวิตเจ้าในวันนี้ เจ้าต้องได้รับบทเรียนที่มาทำให้ข้าโกรธ อย่ามาท้าทายเกียรติของทูตประจำศาลาเทพเจ้าอสรพิษ” หอกสามง่ามปรากฏขึ้นที่มือของเยิ่นเซิน แล้วเขาก็ใช้มันแทงมันไปที่นูบิส
ทันใดนั้นเอง พลังงานธาตุน้ำรอบ ๆ ก็ควบแน่นอยู่ที่หอกสามง่ามของเขาก่อนที่จะกลายรูปเป็นรูปร่างหอกสามง่ามขนาดใหญ่ มันแทงไปที่นูบิสด้วยพลังมหาศาล
นูบิสกลายเป็นภาพติดตาและพุ่งออกไปไกลเพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาพูด “มีคนอยู่มากที่นี่ ข้าไม่ต้องการที่จะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องถูกลูกหลงไปด้วย ถ้าเจ้าต้องการที่จะสู้ ตามข้ามา”
หอกสามง่ามของเยิ่นเซินแทงทะลุผ่านภาพติดตาที่ถูกทิ้งไว้โดยนูบิสและทำให้มิติในเขตนั้นสั่นไหว พลังที่เหลืออยู่พุ่งออกไปไกล และทำให้แนวภูเขาพังทลายออกไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร
เยิ่นเซินดึงหอกกลับมาและไล่ตามนูบิสไปทันที ทูตทั้งสามตามไปติด ๆ ด้านหลังเขา
เจี้ยนเฉินพุ่งตามนูบิสไปในพริบตา อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขากำลังจะไป มิติรอบ ๆ เขาก็เริ่มที่จะสั่นไหว หอกสีเงินขาวที่หนาเท่าแขนพุ่งมาหาเขาจากด้านหลัง
ผู้นำเผ่าคนก่อนของเผ่าเมิ่งหวงก็โจมตีไปที่เจี้ยนเฉินด้วยโดยการซุ่มโจมตีเขาอย่างเงียบ ๆ
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชาและพลังบรรพกาลก็เติมเต็มไปทุกส่วนของร่างกายของเขา เจี้ยนเฉินเพิ่มพลังบรรพกาลจนไปถึงขีดสุด
แสงสีทองจาง ๆ ปรากฏทันทีในขณะที่พลังงานมหาศาลจากหอกก็โจมตีไปที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉิน ในวินาทีเป็นตายนี้ เกราะไหมบรรพกาลได้ป้องกันการโจมตีของหอกเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ผู้นำเผ่าคนก่อนนั้นเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 8 เกราะไหมบรรพกาลไม่สามารถที่จะป้องกันพลังของการโจมตีของเขาได้ทั้งหมด การป้องกันของมันพังทลายลง หอกยังคงพุ่งต่อไปโดยที่พลังของมันได้ลดลงและกระแทกอย่างแรงเข้าไปที่หลังของเจี้ยนเฉิน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้สี่จอมยุทธของเผ่าเมิ่งหวงตาเบิกกว้างและจมไปด้วยความเหลือเชื่อ หอกไม่ได้แทงเข้าไปที่เจี้ยนเฉินเหมือนที่คาดหวังไว้และหยุดทันทีหลังจากที่กระทบเข้ากับเขา มันดูเหมือนว่าหอกได้ปะทะเข้าไปที่กระดานเหล็ก ไม่ใช่ร่างของมนุษย์
“มะ มันเป็นไปได้ยังไง ! ? “
“การป้องกันของเขานั้นทรงพลังมากเกินไป ! เขาเป็นคนของเผ่าเต่าหรือเปล่าเนี้ย ? “
..
สี่จอมยุทธทั้งหมดร้องออกมา ไม่เพียงแต่คู่ต่อสู้ของพวกเขาจะทรงพลังเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขายังผิดปกติอีกด้วย นี่เหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขามากและทำให้พวกเขากดดันอย่างมาก นี่เป็นเพราะมันยากมากที่พวกเขาจะทำอันตรายกับคนที่มีพลังป้องกันอันทรงพลังขนาดนั้นด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา
“คนของเผ่าเมิ่งหวง เมื่อเจ้าตัดสินใจที่จะเริ่มโจมตีก่อน เจ้าจะมาว่าข้าไม่ได้นะ” เจี้ยนเฉินเอากระบี่สังหารมังกรออกมาอย่างเย็นชา เขาพุ่งไปที่จอมยุทธทั้งสี่และเริ่มที่จะต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่กับพวกเขาในท้องฟ้า
สามในสี่ของพวกนั้นเป็นเซียนผู้คุมกฎระดับต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 เฉพาะผู้นำเผ่าคนก่อนเท่านั้นที่เป็นชั้นสวรรค์ที่ 8 แต่ร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉินสามารถทนได้แค่การโจมตีจากชั้นสวรรค์ที่ 7 เมื่อรวมกับเกราะไหมบรรพกาล มันจะเป็นการยากมากที่ผู้นำเผ่าคนก่อนจะทำร้ายเขาได้
อีกด้านหนึ่ง นูบิสและเยิ่นเซินต่อสู้กันห่างออกไปร้อยกิโลเมตร เยิ่นเซินเป็นทูต ดังนั้นเขาจึงทรงพลังมากกว่าเซียนผู้คุมกฎธรรมดามาก โชคไม่ดีที่เขาอยู่แค่ในชั้นสวรรค์ที่ 8 และไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนูบิสเลยแม้แต่น้อย เขาตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบทันทีที่พวกเขาต่อสู้กัน
“มันเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่เจ้าจะลงโทษข้าด้วยความแข็งแกร่งแค่นั้นของเจ้า” นูบิสหัวเราะออกมา เขาเกลียดท่าทีหยิ่งยโสและการวางตัวของเยิ่นเซิน ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้คำพูดรุนแรงออกไป
มือของนูบิสล้อมรอบไปด้วยพลังเซียน เขาใช้มือซ้ายจับหอกสามง่ามเอาไว้ในขณะที่มือขวาของเขาตบไปที่หน้าของเยิ่นเซิน
เยิ่นเซินต้องการที่จะหลบแต่มิติรอบ ๆ ก็หยุดลงทันทีและตรึงเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่เพียงชั่วครู่ แต่มันก็กินเวลาที่เยิ่นเซินจะใช้เพื่อหลบหรือป้องกันไป
ป้าป !
เสียงโจมตีดังขึ้นมา เยิ่นเซินถูกตบอย่างแรงเข้าไปที่หน้า มันทรงพลังมากทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยิ่นเซินปวดและปูดออกมา แม้แต่ฟันบางซี่ของเขาก็หลุดออกมาด้วย
เยิ่นเซินอึ้งจากการที่ถูกตบ เขาดูเหมือนจะยอมรับความจริงไม่ได้ เขาได้แสดงให้เห้นถึงพรสวรรค์ที่อัจฉริยะตั้งแต่ที่เขายังหนุ่มและเติบโตมาในความคุ้มครองและความห่วงใยจากผู้อาวุโสหลายคน แม้หลังจากที่เขาเข้าร่วมกับศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เขาก็ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะอัจฉริยะ แม้ในท่ามกลางทูตส่วนใหญ่ก็ยังปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพและไม่ปรารถนาที่จะทำให้เขาโกรธ นี่ค่อย ๆ ทำให้ความเย่อหยิ่งของเขาเติบโตมากขึ้น ในขณะที่การที่ถูกนูบิสตบทำให้เขาเสียสติไป เขาไม่เคยโดนดูถูกมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ทูตทั้งสามที่ดูอยู่ข้าง ๆ ก็นิ่งอึ้งในขณะที่เยิ่นเซินถูกตบ สายตาของพวกเขาเป็นประกายเหลือเชื่อ เยิ่นเซินนั้นเป็นถึงทูต สถานะของเขานั้นยิ่งใหญ่มาก แต่ยังมีคนที่ไม่สนใจในเกียรติของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและตบไปที่ใบหน้าของเยิ่นเซิน นี่ยอมรับไม่ได้จริง ๆ
นี่เป็นเพราะในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ แม้แต่เซียนราชาของเผ่าระดับสูงยังไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อทูตแบบนี้ ทูตเท่ากับเป็นหน้าตาของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ การที่ตบหน้าพวกเขาก็เหมือนการตบศาลาเทพเจ้าอสรพิษ
เยิ่นเซินกลับมาได้สติอย่างรวดเร็ว เขาโกรธเกรี้ยวทันทีในขณะที่เขารู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้า ความโกรธเกรี้ยวนี้ห้อมล้อมเขาและเกือบทำให้เขาเสียสติ
“อ้าก ! ข้าจะฆ่าเจ้า ! ข้าจะฆ่าเจ้า ! ” เยิ่นเซินคำรามออกมา ตาของเขาแดงก่ำ ในฐานะที่เป็นคนที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาไม่สามารถทนการเหยียดหยามนี้ได้ เขาเริ่มที่จะแทงหอกสามง่ามของเขาไปที่นูบิสอย่างป่าเถื่อน
นูบิสหลบการโจมตีแล้วหัวเราะเยาะ “ฝันไปเถอะว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้ด้วยความแข็งแกร่งอันน้อยนิดของเจ้า” ในขณะที่เขาพูด นูบิสก็เหวี่ยงหมัดไปที่หน้าอกของเยิ่นเซินและกระแทกให้เขากระเด็นออกไป ในขณะที่เขานั้นก็กระอักเลือดออกมา หน้าอกของเขายุบลงไปและซี่โครงบางซี่ของเขาก็หัก
เยิ่นเซินตั้งหลักได้อย่างรวดเร็วและกินยาเม็ดฟื้นฟูจากแหวนมิติของเขา หลังจากนั้น เขาก็คำรามไปที่คนทั้งสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ “พวกเจ้าทั้งหมดมาร่วมมือกัน ! เกียรติของศาลาเทพเจ้าอสรพิษไม่สามารถถูกทำให้ด่างพร้อยได้ ! “
ทูตอีก 3 คนลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะเอาอาวุธของพวกเขาออกมาและเริ่มการต่อสู้ของพวกเขากับนูบิส ทั้งสามคนไม่ได้อ่อนแอเลย สองคนในพวกนั้นเป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 8 ในขณะที่ทูตที่มีหน้าตากำยำและเย็นชาเป็นถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 เขามีระดับการฝึกฝนที่เทียบเท่ากับนูบิส
ขณะเดียวกัน เจี้ยนเฉินก็กำลังต่อสู้กับจอมยุทธทั้งสี่ของเผ่าเมิ่งหวงอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ความเคร่งเครียดของการต่อสู้ดึงดูดความสนใจของชาวเผ่าด้านล่าง แต่ละคนด้านล่างสังเกตอย่างสนใจ การต่อสู้ระดับสูงของจอมยุทธนั้นเป็นอะไรที่หาได้ยากสำหรับคนที่อ่อนแอแบบพวกเขา พวกเขาได้เรียนรู้อย่างมากในขณะที่เขามองดูจากด้านล่าง
สามในสี่จอมยุทธยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากอาการบาดเจ็บ มีเพียงผู้นำเผ่าคนก่อนเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งในระดับสูงที่สุด ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสู้กับเจี้ยนเฉินด้วยจำนวนคนที่เยอะกว่า แต่พวกเขาก็ยังไม่สูสีกับเจี้ยนเฉิน ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็ตกอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบและถูกกดดันอยู่
ปิ้ง !
ด้วยยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎทำให้เจี้ยนเฉินมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ในการต่อสู้ เขากระแทกหอกของผู้นำเผ่าคนก่อนออกไปก่อนที่จะกระตุกแขนของเขาออกไป เขาแทงออกไป 3 ครั้งในเวลาเกือบพร้อม ๆ กัน การโจมตีแต่ละครั้งมีความเร็วที่เหลือเชื่อ เขาดูเหมือนจะตัดผ่านเวลาได้และทำลายผ่านการจำกัดของมิติได้และแทงไปที่พวกเขาทั้งสามอย่างไม่ปราณี ไปที่หน้าอกของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ทันตั้งตัว
เลือดสด ๆ ไหลออกมาไม่หยุดจากแผลของพวกเขาเมื่อกระบี่แทงเข้าไปที่พวกเขา มันได้ทิ้งพลังบรรพกาลจำนวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่เอาไว้ซึ่งทำลายล้างร่างกายของพวกเขา
อ้าก !
จอมยุทธทั้งสามร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พลังบรรพกาลอาละวาดอยู่ในตัวของพวกเขา ทำให้พวกเขาทุกข์ทรมานจนทนไม่ได้ พวกเขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันทีและร่วงลงไปที่พื้นก่อนที่พวกเขาจะนั่งขัดสมาธิ พวกเขาหมุนเวียนพลังงานในตัวของพวกเขาเพื่อลบล้างพลังบรรพกาลออกไป
แม้ว่าจะมีจำนวนเล็กน้อย แต่พลังบรรพกาลก็ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็มีแค่กดพลังบรรพกาลที่กำลังจะฉีกร่างของพวกเขาออกไปด้วยพลังทั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสวรรค์ที่ 5 ของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถที่จะลบล้างมันออกไปได้ทันที
เสียงระเบิดดังเสียดหูปรากฏขึ้นด้านหลัง ผู้นำเผ่าคนก่อนสร้างกำแพงรางรางออกมาในขณะที่เขาแกว่งอาวุธของเขาไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉิน ปลายที่แหลมคมของมันแทงไปที่เจี้ยนเฉินด้วยคลื่นพลังที่รุนแรงโดยพยายามที่จะทำร้ายเจี้ยนเฉิน
มุมปากของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไปด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ กระบี่ของเขามีชื่อเสียงในเรื่องของความเร็วแต่ผู้นำเผ่าคนก่อนก็ต้องการที่จะงัดกับเขาในเรื่องนี้อีก นี่เป็นการทำลายตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่เป็นเพราะเมื่อความเร็วถึงระดับระดับหนึ่งแล้ว ร่างกายและแขนจะต้องรับแรงกดดันอย่างมาก ถ้าไม่มีร่างกายที่ทรงพลังมารองรับ มันก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มความเร็วไปได้มากกว่านี้อีก ร่างกายที่ทรงพลังของเจี้ยนเฉินเป็นตัวรับรองว่าเขาจะชนะในเรื่องความเร็วแน่
มือขวาของเจี้ยนเฉินกระตุกอย่างรวดเร็ว กระบี่ของเขาแทงออกไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อในขณะที่แขนของเขาแทงกระบี่ออกไปหลายพันครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ แสงจากกระบี่รวมกันอย่างหนาแน่นและรวมกันเป็นชั้น ๆ อยู่ในอากาศ มันเติมเต็มไปทั่วมิติต่อหน้าเขา
ปิ้ง ! ปิ้ง ! ปิ้ง ! ปิ้ง ! ปิ้ง ! ปิ้ง….
ลำแสงของกระบี่และหอกปะทะกันอยู่ที่กลางอากาศอย่างต่อเนื่องและทำให้เกิดเสียงปะทะกับซึ่งหลอมรวมไปด้วยกัน ทุก ๆ ครั้งที่เกิดการปะทะกัน พลังที่มหาศาลก็พุ่งออกมาและทำให้บริเวณโดยรอบเกิดการสั่นไหว ขณะเดียวกัน พื้นดินด้านล่างก็ถูกกระแทกด้วยพลังงานที่หลงเหลืออยู่และกระจายออกเป็นรอยแตกเหมือนใยแมงมุม
ในเวลาไม่กี่วินาที ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงของกระบี่และหอกก็ได้หายไป เผยให้เห็นร่างของเจี้ยนเฉินและผู้นำเผ่าคนก่อน