ตอนที่ 877: ทูตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 877: ทูตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (2)

หลังจากที่สังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดของผู้นำเผ่าคนปัจจุบันและผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้นำเผ่าคนก่อนถามว่า “จอมยุทธทั้งสองคนที่เผ่าแห่งความกล้าหามาแข็งแกร่งเหมือนที่เจ้าอธิบายจริงหรือ ที่ว่าคนผู้หนึ่งสามารถสู้กับซี่หวังได้ในระดับที่เท่าเทียมกัน ในขณะที่อีกคนเอาชนะพวกเจ้าทั้งสามคนได้ด้วยตัวของเขาเองเพียงคนเดียว ? “

“ท่านผู้นำเผ่า พวกเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราแน่นอน ในตอนนี้ เผ่าแห่งความกล้ามีผู้ช่วยที่ทรงพลัง พวกเราควรจะทำยังไงดี ? ” ผู้อาวุโสพึมพำ เสียงของเขาค่อนข้างอ่อนแอเพราะเขาบาดเจ็บ

ผู้นำเผ่าคนก่อนมีข้อขัดแย้งภายในใจ นี่เหนือกว่าที่เขาคาดการไว้

พลังแห่งการมีอยู่หลายคนปรากฏขึ้นด้านนอกในตอนนี้และมุ่งตรงเข้ามาที่เผ่า

กลิ่นอายที่ทรงพลังที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันทำให้พวกเขาทั้งสี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่มันก็ตามด้วยความประหลาดใจในไม่ช้า ผู้นำเผ่าคนปัจจุบันร้องออกมาทันที “นั้นคือเซินเอ๋อ เซินเอ๋อกลับมาแล้ว”

เซ็นเอ่อเป็นชื่อของเยิ่นเซิน เขาเป็นเหลนของผู้นำเผ่าคนปัจจุบันและยอดเยี่ยมในการฝึกฝนมาก พรสวรรค์ของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เขาฝึกฝนจนเป็นเซียนผู้คุมกฎได้ตอนอายุ 400 ปีเท่านั้น และกลายเป็นจอมยุทธในอาณาจักรนี้ เขาได้ถูกประเมินค่าสูงจากศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและถูกเลือกให้เป็นทูตประจำศาลาและได้เป็นลูกศิษย์จากผู้อาวุโสประจำศาลา พวกเขาตีค่าเขาไว้สูงมากและอนาคตของเขานั้นสดใสเหลือเกิน

เผ่าเมิ่งหวงทั้งเผ่ามีสถานะที่ดีมากขึ้นเพราะเขา ยังมีแม้แต่คนที่ทำนายว่าเขาจะไปถึงระดับเซียนราชาได้ในอนาคตอีกไกลและจะเป็นที่รู้จักอย่างดีในอาณาจักรทะเล

เยิ่นเซินได้ฝึกฝนที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษเป็นเวลา 300 ปีแล้วในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขายิ่งน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนมาก นอกเหนือจากศาลาเทพเจ้าอสรพิษแล้ว ก็มีคนน้อยมากที่รู้ว่าเขาฝึกฝนถึงระดับไหนแล้ว

จอมยุทธทั้งสี่ของเผ่าเมิ่งหวงออกไปจากหอคอยทันทีและไปต้อนรับเขาด้วยตนเอง ทั้งสี่คนสนใจในเยิ่นเซิน ผู้เยาว์ที่มีพรสวรรค์ที่มีโอกาสสูงที่จะสำเร็จถึงระดับเซียนราชาได้

ร่างทั้งสี่บินตรงไปที่เผ่าอย่างรวดเร็ว พวกเขาเป็นชายหนุ่มทั้งหมดที่อยู่ในเครื่องแบบเดียวกัน พวกเขามีรอยเย็บปักรูปอสรพิษที่หน้าอกซ้ายของเขา มันเป็นสัญลักษณ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ

“เยิ่นเซิน เผ่าที่เจ้าเกิดอยู่ด้านหน้านี้ใช่หรือไม่ ? ดูเหมือนผู้อาวุโสของเจ้ากำลังออกมาเพื่อต้อนรับเจ้า บางทีอาจจะมีเจ้าคนเดียวที่ได้รับเกียรติแบบนี้” ชายหนุ่มที่มีเกล็ดที่หน้าผากหัวเราะออกมา น้ำเสียงของเขาเหมือนว่าเขากำลังประจบสอพลอเยิ่นเซิน

“เฮ้ เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร ? เยิ่นเซินเป็นอัจฉริยะของศาลาเทพเจ้าอสรพิษของพวกเรา เขาเป็นอันดับต้น ๆ แม้แต่ท่ามกลางทูตทั้งหลาย เขาจะต้องสำเร็จขั้น 15 ดาวได้และจะเฉิดฉายได้กลายเป็นผู้อาวุโสของศาลาของพวกเรา เขาอาจจะได้กลายเป็นแม้แต่ผู้อาวุโสประจำศาลาที่รองจากเจ้าศาลาเท่านั้น” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมาชมเยิ่นเซินโดยไม่ได้ปิดบังอะไร เขามีลายจาง ๆ ที่ใบหน้าแต่นอกเหนือไปจากนั้น รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร

เยิ่นเซินเป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนอยู่ในอายุยี่สิบและดูโดดเด่น เขาอดไม่ได้ที่จะทำท่าเย่อหยิ่งออกมาหลังจากที่ทั้งสองชมเขา เขาตอบกลับ “พวกเจ้าทั้งสองคนพูดชมข้าเกินไปแล้ว ระหว่าง 14 ดาวและ 15 ดาวเป็นเหวที่ยากที่จะสร้างสะพานข้ามไป พวกเราไม่สามารถแน่ใจได้ว่าพวกเราจะผ่านช่องว่างนี่ไปได้หรือไม่ ยังมีการเดินทางที่ยากลำบากอีกมากก่อนที่ข้าจะกลายเป็นผู้อาวุโส”

“เยิ่นเซิน พวกเรามีภารกิจที่สำคัญในครั้งนี้ พวกเราต้องเอาสิ่งของกลับไปให้ผู้อาวุโสประจำศาลาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเราจะมาอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ไม่มีใครในพวกเราที่จะรับผิดชอบได้ถ้าเรื่องนี้ผิดพลาดไป” ชายหนุ่มคนสุดท้ายพูดขึ้นมา เขาเป็นชายกำยาที่ดูเหมือนอายุสามสิบกว่า เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่โดดเด่นและมีใบหน้าที่เย็นชา

เยิ่นเซินขมวดคิ้วและโต้กลับ “ต้าไห่ เจ้าไม่เข้าใจคำสั่งของผู้อาวุโสประจำศาลางั้นหรือ ? ข้าเป็นคนนำกลุ่ม ไม่ใช่เจ้า พวกเจ้าทั้งหมดต้องฟังข้า เมื่อไหร่กันที่เจ้าเป็นหัวหน้า ? “

ชายหนุ่มหยุดพูดทันทีและตามด้านหลังทั้งสามไปอย่างเงียบ ๆ

ด้วยการมาถึงของเยิ่นเซิน เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งเผ่า เขาได้รับการเชิญเข้าไปที่หอคอยจากจอมยุทธทั้งสี่

ด้านใน ผู้นำเผ่าชราอธิบายภัยที่พวกเขากำลังเผชิญกับเยิ่นเซิน

“อะไรนะ ? ท่านปู่ได้รับบาดเจ็บหนักงั้นหรือ ? และผู้อาวุโส ท่านก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ! นี่มันอุกอาจเสียจริง ! ใครกล้ารังแกเผ่าเมิ่งหวง ? พวกมันไม่รู้หรือว่าข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าเช่นกัน ? ข้าไม่สนว่าพวกเขาเป็นใคร ข้าจะไม่ปล่อยมันไปง่าย ๆ เป็นแน่ ! ” เยิ่นเซินโมโหขึ้นมาทันทีและทุกไปที่โต๊ะ ในฐานะที่เป็นทูต เขากลัวแค่องค์กรที่มีเซียนราชาเท่านั้น เผ่าชั้นสามหรือชั้นสองอื่น ๆ ไม่มีค่าให้เขาสนใจ

“ยอดเยี่ยมมาก ! ด้วยความช่วยเหลือของเซินเอ๋อและทูตทั้งสาม จอมยุทธทั้งสองคงไม่เป็นภัยกับพวกเราอีกต่อไปแล้ว” ผู้นำเผ่าคนปัจจุบันหัวเราะอย่างมีความสุข การกลับมาอย่างกะทันหันของเยิ่นเซินช่างเป็นดังพรของเผ่าเมิ่งหวงจริง ๆ

“ท่านปู่ ท่านผู้อาวุโส รอที่นี่ เซินเอ๋อจะนำเพื่อนทั้งสามไปสั่งสอนบทเรียนราคาแพงให้กับพวกจอมยุทธทั้งสองนั่นที่เผ่าแห่งความกล้าหามา ข้าจะให้พวกมันรู้ว่าพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด” เยิ่นเซินพูดด้วยความรู้สึกแห่งความยุติธรรม

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ มันถึงเวลาที่พวกเราเผ่าเมิ่งหวงจะแสดงความแข็งแกร่งของพวกเรา มันจะแสดงแห่งเผ่าอื่นเห็นว่าพวกเรานั้นแข็งแกร่งเพียงใด เซินเอ๋อ รอก่อน พวกเราทั้งสี่จะไปกับพวกเจ้าด้วยเหมือนกัน” ผู้นำเผ่าคนก่อนพูดออกมา

หลังจากนั้น ทูตทั้งสี่และจอมยุทธทั้งสี่ของเผ่าเมิ่งหวงก็ได้จากไปและมุ่งไปที่เผ่าแห่งความกล้าอย่างน่ากลัว

เจี้ยนเฉินและนูบิสกำลังถกเถียงอยู่กับผู้นำเผ่าแห่งความกล้าเกี่ยวกับว่าจะจัดการกับเผ่าเมิ่งหวงที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นกิโลเมตรยังไง พวกเขาไม่รู้เลยว่าเผ่าเมิ่งหวงกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาด้วยความโกรธ

“ท่านนักรบ เผ่าเมิ่งหวงอาจจะยังไม่มาโจมตีเผ่าแห่งความกล้าในเวลาที่จะมาถึงนี้ จะว่ายังไงถ้าพวกท่านจะอยู่ที่เผ่าของพวกเราในวันเหล่านี้? เช่นนั้นได้หรือไม่ ? ” ผู้นำเผ่าปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินและนูบิสอย่างเคารพมากเหมือนว่าพวกเขาเป็นเทพเจ้าที่พวกเขาบูชา

“ผู้นำเผ่า พวกเราทั้งสองคนมีเรื่องบางอย่างที่สำคัญที่ต้องจัดการ พวกเราจะไม่อยู่ที่นี่นาน ในเมื่อเผ่าเมิ่งหวงยังไม่มา ทำไมไม่ให้พวกเราทั้งสองคนไปที่เผ่าเมิ่งหวงพร้อมกับท่านผู้นำเผ่าในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า และจัดการเรื่องที่หนักใจท่านหัวหน้าตระกูลที่มีกับเผ่าเมิ่งหวงไปซะเลย ? ” เจี้ยนเฉินถาม เขามาที่อาณาจักรทะเลในครั้งนี้ด้วยความตั้งใจที่จะมีเวลาที่จะเพิ่มพลังของเขา เขาไม่สามารถที่จะเสียเวลาวุ่นวายไปกับเรื่องอื่น ๆ

ในตอนนี้ปัญหาเรื่องแกนอสูรก็ได้หมดไปแล้ว เจี้ยนเฉินต้องการเวลาก่อนที่เขาจะได้ร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 มาและได้รับพลังในระดับเซียนราชา นูบิสยังคงมีแก่นลับเหมือนกัน ดังนั้นวันที่เขาจะได้ไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 8 ยังอีกไม่ไกล

ในตอนแรก ผู้นำเผ่าแห่งความกล้าเสียใจที่พวกเขารีบจากไป แต่เขาก็รู้ว่าเผ่าเล็ก ๆ นี่ไม่เพียงพอที่จะรั้งจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนอยู่ต่อได้ ทั้งหมดที่เขาทำได้มีเพียงแค่พูดว่า “เอาล่ะ พวกเราไปที่เผ่าเมิ่งหวงพรุ่งนี้และจัดการพวกเขาซะ เมื่อพวกท่านทั้งสองมีเรื่องสำคัญอื่นที่จะต้องจัดการ พวกเราจะไม่ปล่อยพวกนั้นไปง่าย ๆ หลังจากพวกเขาอยากมีเรื่องกับพวกเรา ถ้ามันเป็นไปได้…” ผู้นำเผ่าพึมพำ ตาของเขาเป็นประกายในขณะที่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่

เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าผู้นำเผ่าต้องการที่จะยืมพลังของพวกเขาในการกลืนกินเผ่าเมิ่งหวง เขาพูดเป็นการเตือน “ท่านผู้นำเผ่า พวกเราทั้งสองมีหน้าที่แค่ป้องกันและขับไล่เผ่าเมิ่งหวงออกไปเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามาทำอันตรายใดใดกับเผ่าของพวกท่านได้ พวกเราไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อช่วยพวกท่านในเรื่องอื่น”

แหวนมิติปรากฏขึ้นในมือของเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ และเขาก็วางมันลงอย่างเบา ๆ ตรงหน้าของผู้นำเผ่า “ท่านผู้นำเผ่า นี่คือ 2,100,000 เหรียญผลึกชั้นยอด พวกเราคืนนี่ให้ท่าน โปรดรับมันเอาไว้ด้วย” เขาได้เหรียญเหล่านี้มาจากการฆ่าชายชราในชุดดำตอนที่เขาช่วยไคยะเอาไว้นอกเมืองแจ๊ส

ทั้งสองคนไปพักผ่อนหลังจากที่หารือกันกับหัวหน้าตระกูล เพื่อที่จะวางแผนไปที่เผ่าเมิ่งหวงในวันถัดมา

แม้ว่าอาณาจักรทะเลจะไม่มีกลางคืน แค่พวกเขาก็มีวิธีพิเศษในการดูเวลาเพื่อทำให้แน่ใจว่า เวลาในที่นี้จะตรงกับเวลาของโลกด้านนอก

เจี้ยนเฉินเข้าไปที่วัตถุเซียนเพื่อตรวจดูเสือขาวหลังจากที่เขากลับมายังที่พักแล้ว เสือขนาดเท่าแมวนอนขดอยู่ที่ปราสาทที่สร้างขึ้นโดยวัตถุวิญญาณ ในขณะที่มีกองสมบัติสวรรค์พันปีและหมื่นปีกองอยู่ข้าง ๆ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้เสือขาวออกมาด้านนอกและให้มันผลาญสมบัติสวรรค์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันเอง เพราะว่ามันยังอ่อนแอเกินไป มันยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาด้านนอกได้ มีจอมยุทธที่อาณาจักรทะเลมากมายกว่าบนทวีปเทียนหยวนนัก

“ในช่วงเวลาห้าปีมานี้ เสือได้สำเร็จถึงระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 5 แล้ว เท่ากับปีละ 1 ชั้นสวรรค์ เขาน่าจะสำเร็จถึงชั้นสวรรค์ที่ 7 ถ้ายังเป็นแบบนี้ ในตอนนั้น เขาจะมีความสามารถในการหนีได้แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ตาม” เจี้ยนเฉินพึมพำออกมาในขณะที่เขาจ้องไปที่เสือขาว หลังจากนั้นเขาก็ออกจากวัตถุเซียนมา

ในเช้าของวันต่อมา พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลได้ปรากฏพุ่งขึ้นมาอย่างกระทันกันที่เส้นขอบฟ้าตอนที่เขาวางแผนจะออกเดินทางพร้อมกันผู้นำเผ่า

“ใครที่ทำให้คนของเผ่าเมิ่งหวงของข้าได้รับบาดเจ็บ ออกมาและยอมรับความตายเดี๋ยวนี้ ! ” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องมาจากเส้นขอบฟ้า มันเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ดังสะท้อนไปรอบ ๆ ร่างที่เล็กเหมือนมดแปดร่างเข้าใกล้พวกเขามาอย่างเร็วจากเส้นขอบฟ้า

“นั่นคือคนของเผ่าเมิ่งหวง” ผู้นำเผ่าพึมพำออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปไกล

“ตอนที่พวกเรากำลังจะออกไปตามหาพวกนั้น พวกนั้นก็โผล่ขึ้นมาเอง ช่างประหยัดเวลาพวกเราดีจริง ๆ ” นูบิสเหยียด เขาดูถูกพวกที่มาใหม่อย่างสิ้นเชิง

“จอมยุทธของเผ่าเมิ่งหวงกำลังจะมาโจมตี..”

“เผ่าเมิ่งหวงกำลังจะมาโจมตี..”

“เตรียมการให้พร้อม ! พวกเราจะปกป้องเผ่าของพวกเราด้วยชีวิตและจะตายไปพร้อมกับมันถ้าจำเป็น…..”

เผ่าแห่งความกล้าที่แต่เดิมสงบสุขตกอยู่ในความวุ่นวายหลังจากที่เสียงเหมือนฟ้าร้องดังสะท้อนผ่านมา คนในเผ่าหลายพันคนวิ่งออกมาจากกระท่อม ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ความหวาดกลัวหรือความตระหนก

ผู้นำเผ่าแห่งความกล้าขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย เขาคำรามออกมา “อย่ากังวลไป ! เผ่าของพวกเรามีนักรบ 14 ดาวที่อยู่ในขั้นสูงสุด พวกเราไม่จำเป็นต้องไปกลัวเผ่าเมิ่งหวง ! “

สมาชิกของเผ่านึกขึ้นมาได้ว่าเขามีจอมยุทธอยู่จากคำพูดของหัวหน้าตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงสงบลงทันที

เซียนผู้คุมกฎ 8 คนของเผ่าเมิ่งหวงมาถึงเหนือเผ่าแห่งความกล้าอย่างรวดเร็วและล้อมพวกเขาเอาไว้

ความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ทำให้หลายคนในเผ่าแห่งความกล้าขมวดคิ้ว พวกเขามีเซียนผู้คุมกฎด้วยกันถึง 8 คนซึ่งมากเกินกว่าที่เผ่าแห่งความกล้าได้ประเมินเอาไว้

เยิ่นเซินลอยอยู่กลางอากาศอย่างเย่อหยิ่งและจ้องอย่างเย็นชาไปที่ผู้คนด้านล่าง เขามองไปที่คนด้านล่างเหมือนพวกเขาเป็นมดปลวกและพูดอย่างไว้ท่า “ข้าคือเยิ่นเซินจากเผ่าเมิ่งหวง ทูตแห่งศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เจ้ากล้าที่ไปทำร้ายคนของเผ่าเมิ่งหวงของข้า ดังนั้นในวันนี้ ข้าเยิ่นเซินจะเป็นตัวแทนของศาลาเทพเจ้าอสรพิษเพื่อลงโทษเผ่าแห่งความกล้า ผู้นำเผ่าและผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 2 คนอยู่ที่ไหน ? ทำไมพวกเจ้าไม่รีบออกมาเพื่อรับการลงโทษล่ะ ? “

“นั่นคือเยิ่นเซิน เขาคือเยิ่นเซิน อัจฉริยะของเผ่าเมิ่งหวง..”

“เยิ่นเซินเป็นทูตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ สถานะของเขานั้นยอดเยี่ยมมากและเขายังมาที่เผ่าของพวกเราอีก พวกเราแย่แน่ครั้งนี้”

“ทูต 4 คนมาพร้อม ๆ กัน เผ่าของพวกเราหมดหวังแล้วล่ะ แม้ว่าเราจะมีนักรบวิญญาณทะเล 14 ดาวถึง 2 คน แต่มันคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้….”

สถานะของเยิ่นเซินในฐานะทูตเป็นที่น่ากลัวของบางคนในเผ่าแห่งความกล้าและทำให้พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวังอีกครั้ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความหวังขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็ตาม พวกเขาไม่รู้สึกว่าโชคดีอีกต่อไป สำหรับพวกเขา การที่ไปเป็นศัตรูกับศาลาเทพเจ้าอสรพิษถือว่าได้ตายไปแล้ว

ทูตของศาลาไม่ใช่ใครที่จะไปแหย่ได้ !