เล่มที่ 30 เล่มที่ 30 ตอนที่ 875 หากเจ้ากล้าตาย ข้าจะลืมเจ้า

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ฮ่องเต้หลู่ยังไม่ตาย???

ตงหลิงหวงขมวดคิ้วอย่างรุนแรง

ตามเหตุผลแล้ว กระบี่ยาวจำนวนมากแทงผ่านหน้าอกของฮ่องเต้หลู่ และยังมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก แม้ร่างของฮ่องเต้หลู่จะถูกทำลาย ทว่ามันไม่ได้ทำลายเขาอย่างสมบูรณ์

เขายังไม่ตายจริงๆ

ทันใดนั้น คำพูดของผู้วิเศษจิ่วเทียนตอนที่อยู่ในมิติมายาก็ปรากฏขึ้นในหัวของตงหลิงฮวง ซึ่งกล่าวไว้ว่า การจัดการกับฮ่องเต้หลู่นั้น จะต้องหาจุดอ่อนของฮ่องเต้หลู่ให้ได้

จุดอ่อนของฮ่องเต้หลู่คือสิ่งใดกันแน่?

ตงหลิงหวงขมวดคิ้ว นางเงยหน้ามองร่างของฮ่องเต้หลู่ แต่ในที่สุดก็ยังไม่เข้าใจว่าจุดอ่อนของฮ่องเต้หลู่คือสิ่งใด

ก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้หลู่ทำให้ทุกคนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่แล้ว ทว่าเขาในเวลานี้ที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ยิ่งดูน่าหวาดกลัวและน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก

ทุกคนในสวนดอกไม้ต่างกรีดร้องและวิ่งหนีอย่างชุลมุน ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัวสุดขีดอีกครั้ง

คนอื่นกำลังวิ่งหนีและหลบซ่อนตัวในจุดที่ปลอดภัยที่สุด ทว่าตงหลิงหวงกลับทำตรงกันข้าม นางไม่อาจหลบซ่อนได้ และไม่อาจหนีไปที่ใด ทุกคนในที่นี้ หากไม่ใช่ขุนนางของนางก็เป็นประชาชนของนาง ถ้านางหนีไป พวกเขาจะต้องจบชีวิตแน่นอน

ดวงตาของตงหลงหวงเต็มไปด้วยไอสังหารที่รุนแรง นางกางแขนออก เท้าค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น กระบี่ยาวจำนวนมากปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของนางอีกครั้ง

กระบี่ยาวเหล่านั้นยังคงเปล่งประกายด้วยวิญญาณกระบี่ที่ลึกซึ้งเป็นพิเศษ ทว่าคราวนี้ ฮ่องเต้หลู่ไม่เพียงไม่หวาดกลัว ทว่าเขายังส่งยิ้มเย็นชา

“โง่เง่า เคยใช้กระบวนท่านี้ครั้งหนึ่งแล้ว ยังกล้าใช้มันอีกหรือ”

แท้จริงแล้ว ตงหลิงหวงไม่รู้จะทำอย่างไร

กระบวนท่านี้ นางใช้ร่วมกับเวทมนตร์ที่ได้จากผู้วิเศษจิ่วเทียนในมิติมายา

นางเข้าใจคาถาที่ผู้วิเศษจิ่วเทียนสอนให้อย่างถ่องแท้แล้ว ทั้งมันยังส่งผลบางอย่างกับฮ่องเต้หลู่ ทว่าไม่สามารถสังหารจนถึงแก่ชีวิตได้

ไม่มีวิธีใดดีไปกว่ากระบวนท่านี้แล้ว

เมื่อเผชิญกับการดูหมิ่นและเยาะเย้ยของฮ่องเต้หลู่ ตงหลิงหวงกลับไม่ขลาดกลัวหรือตกตะลึง กระบี่ทั้งหมดพุ่งออกไปอีกครั้ง กระบี่ยาวทั้งหมดแทงไปที่ร่างของฮ่องเต้หลู่

ทันใดนั้น เปลวเพลิงในดวงตาของฮ่องเต้หลู่พลันลุกโชน เขายกหอกยาวสีแดงในมือขึ้นเพื่อต่อต้านอย่างต่อเนื่อง

กระบี่ยาวบางเล่มถูกเขาฟาดจนตกลงบนพื้น กระบี่บางเล่มเปลี่ยนทิศทาง กระบี่บางเล่มแทงไปที่ร่างของฮ่องเต้หลู่ แม้จะมีเลือดไหลออกมา ทว่าไม่ทำให้ฮ่องเต้หลู่บาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด

ตงหลิงหวงขมวดคิ้วอย่างรุนแรง หัวใจของนางเต้นรัว

จุดอ่อนของฮ่องเต้หลู่คือสิ่งใดกันแน่?

คือสิ่งใดกันแน่?

คืออันใด?

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่อาจรับมือได้อีกแล้ว

หากไม่มีนางคอยปัดป้องแล้ว แผ่นดินของแคว้นตงเฉิน และประชาชนแคว้นตงเฉินจะยังมีอนาคตอีกหรือ?

เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ นางก็กัดฟันอย่างดุดัน

ทันใดนั้น สายตาของนางก็มองไปทางด้านหลังของฮ่องเต้หลู่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เมื่อนางเห็นภาพสถานที่แห่งนั้น ดวงตาของนางก็ลุกเป็นไฟในทันที

ก่อนหน้านี้ นางเคยตามหามู่หรงฉี แต่ก็ตามหาไม่พบ อย่างไรก็ตาม ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเขาในเวลานี้

ตงหลิงหวงเห็นเพียงว่ามู่หรงฉีนอนอยู่เงียบๆ ที่ตรงนั้นมีเลือดไหลรินทั่วร่าง รอบตัวของเขามีเลือดไหลเจิ่งนองจำนวนมาก ดูเหมือนคนที่นอนอยู่ในทะเลเลือด

ชั่วพริบตา หัวใจของตงหลิงหวงก็ราวกับถูกฉีกกระชากออกมาอย่างรุนแรง

“มู่… มู่หรงฉี… ”

ตงหลิงหวงเหมือนคนบ้า นางรีบวิ่งไปหามู่หรงฉีทันที

ทว่ายังไม่ทันเข้าใกล้มู่หรงฉี ฮ่องเต้หลู่ก็ยกกระบี่ยาวหลายร้อยเล่มบนพื้นขึ้นมาและพุ่งโจมตีตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงกัดฟัน ในเวลาไม่นาน ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงเลือด นางตอบโต้และต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นจึงรีบวิ่งไปหามู่หรงฉี

เมื่อเห็นท่าทางของตงหลิงหวง ฮ่องเต้หลู่ก็หัวเราะออกมาสองสามครั้ง

“ตงหลิงหวง ที่แท้จุดอ่อนของเจ้าหาได้มีเพียงแผ่นดินแคว้นตงเฉินและประชาชนแคว้นตงเฉิน แต่ยังรวมถึง… เด็กหนุ่มผู้นี้ด้วย ข้าบอกแล้ว! เป็นจริงดั่งคาด เหตุการณ์ยิ่งน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นเรื่อยๆ ”

ดวงตาของตงหลิงหวงเหมือนดวงตาที่กระหายเลือด นางคว้ากระบี่ที่ฮ่องเต้หลู่แทงเข้ามาที่ตนเองด้วยมือเปล่า กระบี่ยาวแทงเข้าที่ฝ่ามือของนาง เลือดค่อยๆ ไหลรินลงมาตามกระบี่สีเงิน

ทุกคนที่มองเหตุการณ์นี้จากระยะไกลต่างสูดลมหายใจเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นเทา ทว่าตงหลิงหวงราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย ทันใดนั้น นางก็พลิกข้อมือ หักกระบี่ยาว และจับปลายกระบี่ไว้เพื่อเพิ่มพลังเทพซิวเสวียน ก่อนจะฟาดใส่ร่างของฮ่องเต้หลู่อย่างบ้าคลั่ง

“ตงหลิงชาง ข้า ตงหลิงหวงขอสาปแช่งเจ้าด้วยโลหิตบุตรแห่งสวรรค์ ขอสาปแช่งให้เจ้าตายทั้งเป็น ตายไปไม่ได้ผุดได้เกิด สาปแช่งเจ้าไม่ให้ตายดี อ้ากกกกกกก… ”

เพียงชั่วพริบตา ร่างของฮ่องเต้หลู่ก็ปรากฏรูหลายรูแล้ว พลังซิวเสวียนที่หลงเหลือจากกระบี่ยาวยังคงเปล่งแสงบนบาดแผล

ตงหลิงหวงหันหลังกลับมาและล้มลงบนพื้น หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ

ฮ่องเต้หลู่ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เขาไม่ได้หลบหลีกหรือต่อต้าน แต่กลับหยุดชะงักอีกครั้ง

ตงหลิงหวงไม่สนใจสิ่งอื่น นางโยนกระบี่ยาวในมือทิ้งและรีบก้าวเท้าไปยังข้างกายของมู่หรงฉี

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ยังไม่ได้เข้าใกล้มู่หรงฉี หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ตลอด นางต้องการมาดูว่าเกิดอันใดขึ้นกับมู่หรงฉีกันแน่

ทว่าเวลานี้ นางอยู่ใกล้มู่หรงฉีอย่างมาก ทว่ากลับไม่กล้าเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ นางต้องการตรวจลมหายใจของมู่หรงฉี แต่มือที่ยื่นออกไปกลับสั่นเทาเล็กน้อย และไม่กล้าเข้าไปใกล้

เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย มองบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลรินออกมา มองเลือดที่ไหลท่วมร่าง ร่างของตงหลิงหวงพลันเย็นยะเยือกเล็กน้อย

นางกระตุกมุมปาก ดวงตาทั้งคู่ร้อนผ่าว รู้สึกปวดร้าวในใจ

ทันใดนั้น นางก็คุกเข่าลงข้างกายมู่หรงฉี ก่อนจะโอบกอดมู่หรงฉีและวางนิ้วลงบนจมูกเพื่อตรวจลมหายใจ

ความเย็นเฉียบทำให้นางเหมือนตกลงไปในเหวน้ำแข็งหมื่นปี หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางก็อ้าปากร้อง น้ำตาไหลรินอาบแก้มราวกับน้ำพุ

“มู่หรงฉี เจ้าลุกขึ้น! อย่าแสร้งทำเป็นหลับ เจ้าลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! ”

“มู่… มู่หรงฉี… เจ้าได้ยินหรือไม่? มู่หรงฉี… ”

ในที่สุด ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนก ความเจ็บปวด และความโกรธ ความรู้สึกทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ภายในใจของนางก็ค่อยๆ ระบายออกมา กลายเป็นเสียงคร่ำครวญและน้ำตาที่ไหลพราก

“ฮือ ฮือ ฮือ… ”

“มู่หรงฉี เจ้าคนหลอกลวง เจ้าเคยบอกว่าจะรับผิดชอบข้า จะรับผิดชอบข้าด้วยชีวิตที่เหลือของเจ้า ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะตายได้อย่างไร?

พูดว่าทั้งชีวิตนี้ก็ต้องเป็นทั้งชีวิตนี้ น้อยกว่าหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งวัน หรือหนึ่งชั่วยามก็ไม่ได้”

“มู่หรงฉี เจ้าโกหกข้าได้อย่างไร? เจ้าลุกขึ้นมา เจ้าอย่าเสแสร้งกับข้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังล้อเล่นข้า ทว่าเรื่องล้อเล่นของเจ้ามันไม่ตลกเลย”

“ลุกขึ้น ลุกขึ้น! ได้ยินหรือไม่ ลุกขึ้นมา! ”

“มู่หรงฉี… มู่หรงฉี… ”

“อ้าก อ้าก อ้าก… ”

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ที่บีบหัวใจก็ดังไปทั่วท้องฟ้าเหนือสวนดอกไม้แห่งนั้น

ผู้คนที่พยายามหลบหนีและวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก ต่างหยุดชะงักและหันไปมองตงหลิงหวง

พวกเขาไม่เคยเห็นรัชทายาทมีท่าทางเช่นนี้มาก่อน

ท่าทางของพวกเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก จากนั้นก็กลายเป็นความโศกเศร้า โศกเศร้าไปพร้อมกับตงหลิงหวง

พวกเขาลืมไปว่าความตายอยู่ใกล้พวกเขาแค่เอื้อม จนลืมหลบหนีเอาชีวิตรอด

ฮ่องเต้หลู่ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ค่อยๆ หันหลังกลับมาด้วยความเดือดดาลจนดวงตาแทบระเบิด เขาหยิบหอกหงหลิงและเดินเข้าหาตงหลิงหวงทีละก้าว

ทุกคนต่างพากันตกใจในทันที

“รัชทายาท… ”

“รัชทายาทหนีไป! รัชทายาทหนีไป! ”

“รัชทายาท หนีเอาชีวิตรอดเถิด! ฮ่องเต้หลู่มาอีกแล้ว”

ทว่าดูเหมือนตงหลิงหวงจะไม่ได้ยินอันใด นางประคองมู่หรงฉีและร้องไห้อย่างคลุ้มคลั่ง ร้องไห้ด้วยความขมขื่น

ทันใดนั้น ท่ามกลางฝูงชน ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนว่า “แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้รัชทายาทมีโอกาสหนีไปหรือไม่ปรากฏตัว ทว่านางกลับอยู่ที่นี่ ต่อสู้อย่างสุดชีวิต เพื่อพวกเราทุกคน!

บัดนี้รัชทายาทตกอยู่ในอันตราย พวกเราไม่อาจหลบหนี ยิ่งไม่อาจทนดูอยู่เฉยๆ ได้ พวกเราต้องช่วยองค์รัชทายาทและต่อสู้เคียงข้างพระองค์”

“ถูกต้อง พวกเราไม่อาจสนใจเพียงความเป็นความตายของตนเองเท่านั้น และไม่อาจเนรคุณ พวกเราต้องช่วยองค์รัชทายาท”

“ใช่ พวกเราไป ไปจัดการกับฮ่องเต้หลู่พร้อมกัน”

พวกเขาพูดพลางหยิบกระบี่ขึ้นมา ผู้ที่มีกระบี่ก็ใช้กระบี่ ผู้ที่ไม่มีอาวุธก็ใช้เก้าอี้ในสวนดอกไม้วังหลวง และวิ่งเข้าจู่โจมฮ่องเต้หลู่

นอกจากนั้น ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่เปิดประตูสวนดอกไม้วังหลวง ขันทีที่ไม่ได้เป็นคนในสวนดอกไม้วังหลวง บ่าวรับใช้ และนางกำนัลในวัง ต่างรีบเข้ามาขวางระหว่างตงหลิงหวงและฮ่องเต้หลู่

แม้จะมีกำลังที่อ่อนแอกว่า และในไม่ช้าก็มีคนเสียชีวิตภายใต้น้ำมือของฮ่องเต้หลู่ ทว่าพวกเขาได้ขัดขวางและปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ฮ่องเต้หลู่ผ่านไปถึงตงหลิงหวง

ร่างกาย มือ และใบหน้าของตงหลิงหวงเต็มไปด้วยเลือด แยกไม่ออกแล้วว่าเป็นของตนเองหรือมู่หรงฉี

นางยังคงตะโกนว่า “มู่หรงฉี หากเจ้ากล้าตาย หากเจ้ากล้าตาย ครั้งต่อไปที่ได้พบกับจิ่วหรง ข้าจะขอยาลืมรักจากเขา และจะลืมเรื่องทุกอย่างระหว่างเราให้หมดสิ้น”