ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 49 ราคา

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

คุณชายใหญ่จวนมังกรเหล็กได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ยืดกายลุกขึ้นในทันใด เขาโบกมือไปทางด้านข้าง สาวใช้สองคนก็ถอยออกไปในทันใด ภายในสวนแห่งนี้เหลืออยู่เพียงแค่คุณชายใหญ่ผู้นี้กับตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น

“ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซากนี้เป็นทางสายห้วงอากาศ ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยของท่านพ่อข้าย่อมไม่อยากขายอยู่แล้ว แต่ท่านพ่อเขามิอาจใช้ได้ จึงได้มอบให้กับข้ามานานแล้วสิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ที่ข้า” คุณชายใหญ่ยิ้มตาหยีมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ท่านอยากจะได้มันไปก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วย ‘ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง’ หนึ่งก้อน ทั้งยังต้องการ ‘ใบไม้โลกเฉา’ อีกใบหนึ่งด้วย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงม่านตาหดเล็กลง

นับตั้งแต่สังหารนายท่านแห่งสมาคมจิตมารและพลังยุทธ์เปิดเผยแล้ว เขาก็ซื้อหาข้อมูลจำนวนมากพอสมควรมาจากทางด้านหอจิตฟ้า อย่างเช่นสมบัติล้ำค่าต่างๆ นานาที่อธิบายโลกเทพ มิฉะนั้นสมบัติล้ำค่าอยู่ตรงหน้าแต่ไม่รู้จัก ถ้าหากพลาดไปแล้วจะไม่น่าเศร้าหรืออย่างไร

ใบไม้โลกเฉาเป็นวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ที่ประชากรโลกเทพใช้ส่งเสริมการบำเพ็ญ เป็นวัตถุหายากของการบำเพ็ญพลังสายโลหิต…ในประวัติศาสตร์ หอจิตฟ้าเคยผ่านการประมูลใบไม้โลกเฉามาสามครั้ง ซึ่งสามครั้งนี้ราคาต่ำสุดก็คือสามพันเก้าร้อยหยกแก้วคละถิ่น ครั้งที่ราคาสูงที่สุดก็คือห้าพันแปดร้อยหยกแก้วคละถิ่น! แน่นอนว่าทั่วทั้งโลกเทพมิได้มีเพียงแค่สามใบนี้เท่านั้น ยังมีจำนวนมากพอสมควรที่ถูกผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ครอบครองเอาไว้มอบให้กับลูกศิษย์และผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นต้น

ไม่ว่าอย่างไรใบไม้โลกเฉานี้ก็มีราคาอยู่ที่ราวๆ ห้าพันหยกแก้วคละถิ่น! ราคานี้ก็สูงจนเกินจริงแล้ว ต้องรู้ไว้ว่างานประมูลที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าร่วมคราวก่อน ราคาสุดท้ายของซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนนั้นก็เพียงแค่เกือบๆ สองหมื่นหยกแก้วคละถิ่นเท่านั้น

ใบไม้โลกเฉาก็ช่างเถิด!

เมื่อเปรียบเทียบกับ ‘ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง’ ก็ห่างชั้นกันมากมายเหลือเกินแล้ว ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองล้ำค่าไม่ธรรมดา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยปรากฏในงานประมูลมาก่อนเลย! อ้างอิงจากความรู้ความเข้าใจของตงป๋อเสวี่ยอิง ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองที่ปรากฏในในประวัติศาสตร์โลกเทพ มีอยู่ทั้งสิ้นสามเม็ด ราคาไม่ว่าจะของเม็ดใดต่างก็สูงเกินกว่าซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยทั่วไปอยู่แล้ว

ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศ ถึงแม้ว่าจะหาได้ยากเป็นที่สุดเช่นเดียวกัน แต่ระดับความล้ำค่าในสายตาของผู้แกร่งกล้าของโลกเทพส่วนใหญ่ เกรงว่ามิอาจสู้ ‘ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง’ ได้ ถึงอย่างไรการใช้ประโยชน์จากซากศพก็ไม่สะดวกเท่ากับไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง

“ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองหรือ คุณชายใหญ่ เงื่อนไขนี้ไม่สูงเกินไปหรอกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“ฮ่า สูงหรือ”

คุณชายใหญ่จวนมังกรเหล็กแค่นหัวเราะ “ไม่สูงหรอก สิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศสามตน ตนหนึ่งอยู่กับข้าที่นี่ ตนหนึ่งอยู่ในความดูแลของ ‘ตระกูลดาวเหนือ’ หนึ่งในสามตระกูลราชันย์ ส่วนตนสุดท้ายถึงแม้ว่าจะเตร็ดเตร่อยู่ภายในโลกเทพ แต่ก็มีพลังยุทธ์และความสามารถในการรักษาชีวิตรอดแข็งแกร่งเป็นที่สุด เคยมีผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์หกท่านร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถรั้งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นตนนั้นเอาไว้ได้ พลาดจากข้าไปแล้วท่านจะไปหาซากเช่นนี้อีกที่ไหนกันเล่า ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ต้องการซากศพนี้ก็มีอยู่มากพอสมควรเลยทีเดียว มิได้มีแค่ท่านคนเดียวเสียหน่อย ข้าก็เสนอเงื่อนไขเช่นเดียวกันให้ ไม่มีไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองก็อย่าแม้แต่จะคิด! ผู้ใดนำไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมาได้ก่อน ข้าก็จะมอบซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นนี้ให้กับคนผู้นั้น”

“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอาใบไม้โลกเฉาอีกแล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“บุตรสาวข้าบำเพ็ญ กำลังขาดแคลนใบไม้โลกเฉาใบหนึ่งอยู่ ถ้าหากสามารถได้ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมา แน่นอนว่าใบไม้โลกเฉาก็ย่อมง่ายดายกว่ามากแล้ว” คุณชายใหญ่จวนมังกรเหล็กมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ข้าเสนอเงื่อนไขไปแล้ว น้องเมฆาเขียว รอให้ท่านได้ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองและใบไม้โลกเฉาใบหนึ่งมาครองแล้วค่อยนำมาแลกเปลี่ยนกับซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศของข้าก็แล้วกัน”

“ข้าสามารถดูซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นนั่นสักครั้งก่อนได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม

“ได้สิ”

คุณชายใหญ่ก็ใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง เขาพลิกมือคราหนึ่ง กลางอุ้งมือก็มีสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์เก็บวัตถุปรากฏขึ้น “ข้าได้ทำการคลายการตัดแยกแล้ว ท่านน่าจะสามารถสอดแนมดูภายในคูหาสวรรค์เก็บวัตถุนี้ได้แล้วล่ะ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไป

ระลอกคลื่นสติรับรู้สายหนึ่งแทรกผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยมิได้พบกับการสกัดกั้นแต่อย่างใดเลยจริงๆ แทรกผ่านไปถึงภายในคูหาสวรรค์เก็บวัตถุ

ทันใดนั้นเขาก็เห็นซากขนาดใหญ่มหึมาที่คดเคี้ยวราวกับทิวเขานอนอยู่บนพื้น ถึงแม้ว่าจะตายไปแล้ว แต่ซากศพก็ยังคงแผ่ระลอกคลื่นอันน่าอัศจรรย์ออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถมองเห็นความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่ประจักษ์ชัดบนทุกส่วนของร่างกายของมัน ทั้งแผ่นเกล็ดสีเขียวแผ่นแล้วแผ่นเล่าบนร่างกายของมัน หางของมัน หนามแหลมอันแล้วอันเล่าบริเวณส่วนหลังของมัน ลวดลายบนหนามแหลม… ต่างก็สามารถมองเห็นลวดลายลับจำนวนนับไม่ถ้วนแน่นขนัดที่ปรากฏชัดอยู่ด้านบนได้ ช่างลึกลับหาใดเทียม

ตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดตามองปราดหนึ่ง

ลำพังแค่พื้นผิวของซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่น เกล็ดหุ้ม หนามแหลม และกรงเล็บ เป็นต้น… มีเกือบเก้าส่วนที่ปรากฏชัดว่าเป็นความเร้นลับของกฎเกณฑ์ทางด้านวิถีอากาศ สูงส่งลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน แฝงไว้ด้วยความเร้นลับระดับขั้นคละถิ่น ชิ้นส่วนที่แตกต่างกัน สิ่งที่ปรากฏก็ยังมีความแตกต่างกัน ซึ่งก็คือการใช้ประโยชน์จากวิถีอากาศระดับขั้นคละถิ่นที่แตกต่างกันนั่นเอง

“เห็นแล้วกระมัง” คุณชายใหญ่พลิกมือเก็บมันขึ้นมาพลางมองตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มๆ

ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกร้อนรุ่มในใจ

จะต้องได้มาครอบครองให้ได้

เมื่อครู่เขาเพียงแค่ดูอย่างหยาบๆ เท่านั้น! ต้องรู้ไว้ว่าส่วนประกอบอันลึกลับของลูกตาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นดวงหนึ่งนั้นเขาต้องมองดูสักระยะหนึ่งจึงจะสามารถจดจำเอาไว้ได้ การจะจดจำซากศพขนาดมโหฬารนั้นทั่วทุกจุด ลำพังแค่จดจำอย่างผิวเผินก็ต้องใช้เวลาร้อยปีพันปีแล้ว ถ้าหากเป็นภายในร่างกาย หรือแม้กระทั่งทำการศึกษากายวิภาค… ทำการพินิจดูทุกส่วนโดยละเอียด เกรงว่าคงต้องใช้ระยะเวลาในการจดจำยาวนานเป็นอย่างยิ่ง

ระยะเวลาในการหยั่งรู้ก็ยิ่งยากที่จะประเมินได้แล้ว

“ต่างก็ว่ากันว่าฟ้าดินเป็นอาจารย์! แต่มาถึงระดับขั้นอย่างข้านี้แล้ว ความเร้นลับวิถีอากาศที่แฝงอยู่ระหว่างฟ้าดินก็ไม่แน่ว่าจะสูงอย่างที่ข้าตระหนักรู้แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ อย่างเช่นโลกเทพแห่งนี้ กฎเกณฑ์มากมายล้วนขาดแคลน ถึงขนาดที่มีการกดขี่อย่างรุนแรง

สิ่งที่ตนไขว่คว้าก็คือระดับขั้นคละถิ่น

นี่มิใช่สิ่งที่ฟ้าดินสามารถแฝงเอาไว้ได้แล้ว ถึงแม้ว่าเจ็ดกระบวนคละถิ่นจะร้ายกาจ แต่เกี่ยวพันไปถึงเพียงแค่กระบวนที่หกและกระบวนที่เจ็ดของระดับขั้นคละถิ่นเท่านั้น นั่นก็เป็นเพียงแค่การใช้ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดอย่างยิ่งในบรรดานั้นเท่านั้นเอง การต่อสู้ก็เพียงแค่สามารถเทียบเคียงได้กับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับล่างธรรมดาทั่วไปเท่านั้นเอง

สำหรับตนแล้ว

ซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ‘ทางสายห้วงอากาศ’ ตนหนึ่ง ย่อมเป็นวัตถุที่ดีสำหรับการหยั่งรู้และศึกษาชิ้นหนึ่ง มีส่วนช่วยส่งเสริมตนเป็นอันมาก

“ข้าบอกแล้วว่าท่านพ่อยกซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นซากนี้ให้ข้าแล้ว สิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ที่ข้า” คุณชายใหญ่มองตงป๋อเสวี่ยอิง “ถ้าหากท่านได้สมบัติล้ำค่าที่ข้าต้องการมาครอบครองแล้วก็สามารถมาหาข้าได้เลย”

“ข้าจะพยายาม” ตงป๋อเสวี่ยอิงลุกขึ้น

“เช่นนั้นข้าก็ไม่ไปส่งล่ะนะ” คุณชายใหญ่พูดยิ้มๆ เขามองตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปพร้อมหัวเราะหึๆ

ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองเป็นสิ่งที่คุณชายใหญ่ปรารถนามากที่สุด!

อาศัยสถานะเช่นเขา ตลอดมาก็ยังมิได้มาครอบครอง

“ถ้าหากมีไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองแล้ว พลังยุทธ์ของข้าก็ยังสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้ถึงห้าเท่า แม้กระทั่งระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ก็คงจะทำอะไรข้ามิได้แล้ว” คุณชายใหญ่พึมพำ เดิมทีพลังยุทธ์ของเขาก็แข็งแกร่งเป็นที่สุดอยู่แล้ว จัดเป็นแถวหน้าในบรรดาจักรพรรดิเทพช่วงท้าย พอๆ กันกับจักรพรรดิเป่ยเหอในยุคหุบเขาเขี้ยวหักเลยทีเดียว! สมบัติล้ำค่าที่สามารถเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของเขาได้อย่างมหาศาลนั้นมีอยู่น้อยนิดเหลือเกิน ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองเป็นชิ้นที่ยกระดับพลังยุทธ์ของเขาได้มากที่สุด

……

ไปจากจวนมังกรเหล็กแล้ว จากนั้นก็สำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาอย่างเงียบๆ ภายในถนนเส้นหนึ่งของเมืองมังกรเหล็ก แล้วจากไปอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง

ในตอนแรกก็ไปยังเมืองเล็กอันห่างไกลอีกแห่งหนึ่ง เปลี่ยนแปลงกลิ่นอาย ปลอมตัวเป็นยอดฝีมือระดับจ้าวเทพช่วงสุดยอดคนหนึ่ง ไปซื้อหาข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับ ‘ใบไม้โลกเฉา’ และ ‘ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง’ ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าจะเคยได้รับข้อมูลที่อธิบายเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าต่างๆ ของโลกเทพ แต่นั่นคือข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น ยิ่งเป็นข้อมูลละเอียด ราคาก็ยิ่งสูง

“แพงอะไรเช่นนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ

ข้อมูลโดยละเอียดของใบไม้โลกเฉาและไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองนั้นเขาต้องสิ้นเปลืองไปมากถึงแปดพันศิลาอสนีเลยทีเดียว

“ผู้ที่มีใบไม้โลกเฉาอยู่ในครอบครองก็มีอยู่ไม่น้อยจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกวาดสายตามอง ข้อมูลของหอจิตฟ้านั้นร้ายกาจอย่างแท้จริง อธิบายเกี่ยวกับผู้ที่ครอบครองเอาไว้ถึงสิบห้าคน

“ไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองมีอยู่ทั้งหมดสามเม็ด” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มองเห็นที่อยู่ของไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองสามเม็ดนี้ สามารถรักษาสมบัติล้ำค่าอย่างไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทองนี้เอาไว้ได้ แน่นอนว่าแต่ละคนต้องมีที่มาอันยิ่งใหญ่เป็นที่สุด และมีพลังยุทธ์ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

“จะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่แล้ว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “ดูว่าบาปกรรมของใครในบรรดาพวกเขาจะยิ่งใหญ่ที่สุดก็แล้วกัน”

เขามิได้เลือกผู้ที่จัดการได้ง่ายที่สุด หากแต่เลือกผู้ที่บาปกรรมหนาหนักที่สุดต่างหาก! อย่างเช่นคุณชายใหญ่จวนมังกรเหล็กผู้นั้น ถ้าหากเป็นพญามารที่มีบาปกรรมล้นฟ้า เกรงว่าตงป๋อเสวี่ยอิงคงจะเลือกทำการลอบสังหาร สังหารแล้วก็ชิงสมบัติมาโดยตรง แต่คุณชายใหญ่จวนมังกรเหล็กนั้นอย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงแค่สังหารผู้แกร่งกล้าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น มิได้มีเหตุปัจจัยแค้นจำนวนมากรัดตัว เขาก็ไม่อยากฝืนบังคับด้วยกำลัง แต่อยากจะเจรจาตกลงกันอย่างธรรมดาๆ มากกว่า

อีกทั้งที่นั่นยังเป็นจวนของเจ้าเมืองมังกรเหล็กอีกด้วย! เดิมทีตัวเจ้าเมืองมังกรเหล็กเองก็น่ากลัวพออยู่แล้ว ภายในจวนของตนเอง มีค่ายกลอันแน่นหนาคอยส่งเสริม พลังยุทธ์ของเจ้าเมืองมังกรเหล็กก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกส่วนหนึ่ง

มิอาจยั่วยุได้โดยง่าย!

แต่การเปิดฉากสังหารนั้นเดิมทีก็อยู่ในแผนการของเขาอยู่แล้ว เพราะว่าตัวเขาเองไม่มีสมบัติล้ำค่าอันใดอยู่เลย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะสังหารนายท่านแห่งสมาคมจิตมารและจักรพรรดิเทพจำนวนหนึ่ง แต่สมบัติล้ำค่าไข่มุกคละถิ่นอสนีบาตทอง และซากสิ่งมีชีวิตคละถิ่นทางสายห้วงอากาศเหล่านั้น เปรียบเทียบกันกับระดับขั้นนี้ ก็แตกต่างกันอย่างมหาศาลเหลือเกิน! ยังต้องอาศัยตนเองทำการสังหารชิงสมบัติรวบรวมสมบัติล้ำค่า และเขาก็มิปรารถนาจะสังหารผู้แกร่งกล้าธรรมดาทั่วไป

อยากจะเปิดฉากสังหาร ก็ต้องไปหาพญามารเหล่านั้น

……………………………………………