ตอนที่ 2,100 : เสียงกรีดร้องของปู้หง!
สถานที่พักอาศัยในนครแห่งบาปนั้น หากต้องการที่พักอาศัยล่ะก็…ไม่อยู่ในเขตที่ปกครองโดยกองกำลังพันธมิตรผู้ฝึกตนทั่วไป ก็ต้องอยู่ในโรงเตี๊ยมที่มีกองกำลังพันธมิตรระดับสูงๆหนุนหลัง
แน่นอนว่าแบบหลังจะมีความปลอดภัยมากกว่า
พันธมิตรของเหล่าผู้ฝึกตนทั่วไปแม้จะมีพื้นที่ปกครองเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ถูกองกำลังอื่นๆรุกราน จึงยากที่จะรับรองความปลอดภัยอะไรให้ใครได้
ทว่าโรงเตี๊ยมนั้นต่างกันออกไป
โรงเตี๊ยมนั้นแม้จะมีจำนวนไม่น้อยในนครแห่งบาป หากแต่มันก็ไม่ได้มากมายอะไรเช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่ากองกำลังพันธมิตรของผู้ฝึกตนทุกกองกำลังจะมีปัญญาเปิดโรงเตี๊ยมได้!
พันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรชั้น 3 อย่างพันธมิตรขวานปฐพีและอีกาทมิฬ ถึงแม้พวกมันจะเปิดโรงเตี๊ยม แต่คงมีแขกแค่ไม่กี่คนที่กล้าไปพักอาศัย เพราะพวกมันไม่อาจรับรองความปลอดภัยให้แขกได้เลย
พันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรชั้น 3 เช่นพวกมัน ต่อให้เป็นชนชั้นผู้นำหากแต่พลังฝึกปรือก็มีแค่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น!
รองผู้นำและสมาชิกคนอื่นๆรองลงมาพลังฝีมือก็อ่อนลงเช่นกัน
พันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรที่พลังฝีมืออ่อนด้อยแบบนี้ ต่อให้เปิดโรงเตี๊ยมแต่เกรงว่าคงมีแค่ชนชั้นผู้นำเท่านั้นที่สามารถคอยระวังภัยให้แขกได้
แต่จะให้ชนชั้นผู้นำมานั่งเฝ้าโรงเตี๊ยมตลอดเวลา?
กลับกัน พันธมิตรอำนาจทรราช ไม่ใช่อะไรที่ขวานปฐพีกับอีกาทมิฬจะเปรียบเทียบได้เลย
แม้จะกวาดตามองไปทั่วนครแห่งบาป พันธมิตรอำนาจทรราชก็ถือเป็นกองกำลังพันธมิตรชั้นสูง!
ผู้นำของกองกำลังพันธมิตรอำนาจทรราช ลือกันว่ามันเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!
อีกทั้งผู้ที่ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลพิทักษ์โรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับแห่งนี้ ก็เป็นชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน!
ด้วยเหตุนี้ต่อให้เหยาปู่จีจะสิ้นคิดบุกเข้ามาหาความอย่างไม่คิดชีวิตในโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ แต่เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายยังกลายเป็นสร้างความบาดหมางกับกองกำลังพันธมิตรอำนาจทรราชอย่างเปล่าๆปลี้ๆ
‘ดูเหมือนจักทำได้แค่รอให้มันออกมานอกโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับถ่ายเดียว…ทันทีที่มันออกนอกเขตโรงเตี๊ยมเมื่อใด พันธมิตรอำนาจทรราชก็มิมีหน้าที่ต้องปกป้องมันอีกต่อไป’
สุดท้ายเหยาปู่จีก็ทำได้แค่ รอคอย…
เพราะนอกจากนี้มันก็ไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว!
‘ข้ามิเชื่อหรอกว่าเจ้าจักหดหัวอยู่แต่ในโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับได้ชั่วชีวิต!’
ในเมื่อเหยาปู่จีตกลงเลือกใช้วิธีนี้ ทำให้บริเวณหน้าโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ ปรากฏผู้คนหน้าเดิมๆเดินแวะเวียนผ่านไปมารอบแล้วรอบเล่า หากแต่สักพักหน้าตาของผู้ที่มาเดินป้วนเปี้ยนก็เปลี่ยนไปเริ่อยๆ
พวกมันคือคนพันธมิตรขวานปฐพีที่เหยาปู่จีส่งออกมาเฝ้าระวัง ต่างจัดกำลังพลเปลี่ยนกะกันมาเฝ้าระวังอย่างดี ไม่ขาดคนจับตาดูแม้แต่วินาทีเดียว
พวกมันจะมาเดินป้วนเปี้ยนด้อมๆมองหน้าโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ เพื่อจับตาดูว่าต้วนหลิงเทียนออกมาแล้วหรือไม่ หากพบว่าต้วนหลิงเทียนออกมา ก็จะเร่งรุดกลับไปตามเหยาปู่จีทันที
ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาตกเป็นเป้าของพันธมิตรขวานปฐพีเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเขาเข้าที่พักแล้วสิ่งแรกที่ทำเป็นประจำก็คือตรวจสอบสินสงครามที่ได้มา เขาจึงเรียกแหวนพื้นที่ๆได้รับมาวันนี้ทั้งหมดออกมาตรวจสอบทันที ไม่ว่าจะของคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 หรือเจียวถูจากอีกาทมิฬ
“ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็นับว่าไม่เลว…”
ได้เห็นหินเซียนที่อยู่ในแหวนพื้นที่ของทั้ง 3 รวมถึงสิ่งของอื่นๆต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มพึงพอใจออกมา ‘นครแห่งบาปนับว่าเหมาะให้ข้าใช้เพิ่มพูนพรสวรรค์รากวิญญาณจริงๆ’
ในนครแห่งบาปนั้น มีผู้คนมากมายที่จ้องแต่จะทำร้ายคนอื่นเพื่อตัวเอง กล่าวได้ว่า ‘คนชั่ว’ มีมากกว่าครึ่งเมืองเสียอีก!
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้สึกผิดและติดใจอะไรกับการฆ่าคนพวกนี้เพื่อดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน
“หืม? แหวนวงนี้…ดูเหมือนจะเป็นของชายชราที่ถูกคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 นั่นไล่ฆ่าสินะ”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เห็นแหวนพื้นที่วงหนึ่งที่อยู่ด้านในแหวนของ 1 ใน 2 คนรพันธมิตรขวานนปฐพี ทันทีที่เห็นเขาก็รู้สึกคุ้นๆทันทีราวกับเคยเห็นมาก่อน
แหวนวงนี้เป็นวงเดียวกับแหวนของชายชราที่ถูกไล่ตามทัน และมันก็เป็นคนโยนส่งไปให้คนของพันธมิตรขวานปฐพีนอกนครแห่งบาปด้วยตัวเองหมายเอาชีวิตรอด
และดูเหมือนคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 ก็ตามล่าชายชราเพราะแหวนวงนี้เช่นกัน
“หรือจะมี ‘ตัววิเศษน้อย’ อะไรอยู่ในแหวนวงนี้กันนะ?”
ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าสืบไปสำนึกเทวะของเขาแผ่ลงไปตรวจสอบเรื่องราวภายในแหวนดังกล่าวทันที
ต้วนหลิงเทียนที่สัมผัสได้ถึงสิ่งของต่างๆในแหวนก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ
ทว่าในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เห็นกระบี่เล่มหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างเงียบงันในแหวน กระบี่เล่มนี้แลดูเรียบๆไม่ได้มีการตกแต่งอะไรมากมาย แต่เพียงแค่มันวางตั้งไว้เฉยๆก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา
อีกทั้งในฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนคนหนึ่ง เขาย่อมสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่แผ่ออกมาจากการจารึกสลักอาคมเซียน จึงบอกได้ทันทีว่าพลังอาคมเซียนที่กำจายรอบกระบี่ดังกล่าว มันเหนือกว่าศาสตราอาคมเซียนอื่นๆที่เขาเคยเห็นไม่น้อย
“หืม? นิ…นี่มันกระบี่พันอาคมเซียนงั้นเหรอ?!”
หลังจากตรวจวสอบคร่าวๆ ต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันทีว่ากระบี่ที่แลดูเรียบๆเล่มนี้ ที่แท้มันเป็นถึงกระบี่พันอาคมเซียน!
“ดูเหมือนว่าเป้าหมายของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 นั่น จะเป็นกระบี่พันอาคมเซียนเล่มนี้แต่แรก!”
ด้วยตระหนักดีถึงคุณค่าของกระบี่ ต้วนหลิงเทียนจึงเดาเรื่องราวได้ทันที
“แต่อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านั้นของชายชรา มันไปได้กระบี่พันอาคมเซียนมาจากไหนกัน…อีกทั้งทำไมคนของพันธมิตรขวานปฐพีนั่นมันถึงล่วงรู้ได้ว่าชายชราคนนี้มีกระบี่พันอาคมเซียน”
ต้วนหลิงเทียนงุนงงไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกต่อไป จากเรื่องราวทั้งหมดที่พบเจอและได้ฟังมา เขาย่อมตกตะกอนความคิด ทราบได้ว่าสิ่งใดมีค่าไม่มีค่าและอะไรที่ล้ำค่า
ในบรรดาของล้ำค่าที่ว่าแน่นอนว่าย่อมมีศาสตราพันอาคมเซียนรวมอยู่ด้วย
ศาสตราพันอาคมเซียนไม่ว่าจะประเภทใด มองทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติชั้น 1!
กระทั่งในลัทธิบูชาไฟเอง มูลค่าของศาสตราพันอาคมเซียนก็สูงถึง 100,000,000 คะแนนสะสม!
เรียกว่านอกจากอาวุโสเพลิงทองระดับสูง และอาวุโสเพลิงเงินเก่าแก่ที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนแล้ว ยากนักที่ใครจะมีศาสตราพันอาคมเซียนเอาไว้ในครอบครองได้
จากจุดนี้ก็เห็นได้ชัดว่าศาสตราพันอาคมเซียนมีค่ามากขนาดไหน
ทว่าสิ่งของล้ำค่าดังกล่าว กลับมาปรากฏอยู่ในแหวนพื้นที่ของชายชราคนหนึ่งที่พลังฝึกปรือไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ อีกทั้งผู้ที่ไล่ฆ่าชิงของมันจากพันธมิตรขวานปฐพีทั้งคู่ ก็มีพลังฝึกปรือแค่เซียนนภาเท่านั้น
ที่สำคัญก็คือ หากคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองนั่นไม่มาหาเรื่องเขา เกรงว่ากระบี่พันอาคมเซียนดังกล่าวคงไม่มีวันตกมาถึงมือเขาได้!
“ถ้างั้น…นี่ข้าต้องขอบคุณพวกมันที่เข้ามาหาเรื่องสินะ…”
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ดังคำที่ว่า ‘โลกนี้ไม่เที่ยง’ คงเป็นเช่นนี้เอง
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิดให้วุ่นวายว่าทำไมกระบี่พันอาคมเซียนถึงมาอยู่ในมือชายชราที่ไม่แม้แต่จะบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์และทำไมถึงถูกทั้ง 2 คนนั่นตามล่าอีกต่อไป ในเมื่อตอนนี้มันเป็นของเขา…เพียงผลลัพธ์นี้ก็พอ
“ด้วยมีกระบี่พันอาคมเซียนแล้วถ้างั้นกระบี่ร้อยอาคมเซียนของหยางหวู่ก็มีอันต้องตกประป๋องไป…ทีหลังก็ใช้กระบี่เล่มนี้แทน ไม่จำเป็นก็คงไม่ต้องใชกระบี่นิลสวรรค์ให้เสี่ยงอีก”
คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มพึงใจ
“แต่จะยังไงกระบี่พันอาคมเซียนนี่ก็สมควรดึงดูดความสนใจของผู้คนอยู่ดี…มีแค่ต้องยกระดับพลังฝีมือส่วนตัวเท่านั้น! ขอเพียงข้าแข็งแกร่งมากพอ พวกมันก็ทำได้แค่มองกระบี่นี่ไม่กล้าลงมือ!!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำอย่างเลื่อนลอย
เมื่อกล่าวแล้วต้วนหลิงเทียนก็ลงมือทำทันที ร่างวูบเข้าไปอยู่ในเจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติ เดินตรงขึ้นชั้น 4 ไปนั่งสงบจิตอย่างไม่รอช้า
9 มังกรจักรพรรดิสงคราม!
ต้วนหลิงเทียนเริ่มบ่มเพาะพลังตามเคล็ดบำเพ็ญจิต มังกรพลัง 9 ตัวในร่างเริ่มชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินที่ดูดซับเข้าร่างเร็วรี่ไปโคจรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันไม่ขาดสาย
และในขั้นตอนดูดซับพลัง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตอนนี้เขาไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินมากขึ้น ดูดซับมันได้มากขึ้น! ความเร็วในการบ่มเพาะจึงมากขึ้น!!
ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ชัดเจนว่าเพราะอะไร
เพราะพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาไม่ได้เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป ตอนนี้มันจวนเจียนจะเปลี่ยนเป็นสีครามเต็มที!
“ด้วยอัตราเร็วระดับนี้…อีกราวๆ 2 เดือนข้าทะลวงถึงเซียนปฐพีชั้นสูงสุดได้แน่!”
เมื่อตระหนักถึงความเร็วบ่มเพาะในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนย่อมกะประมาณเวลาที่ต้องใช้ในการบ่มเพาะได้ไม่ยาก
ภายใน 2 เดือนเขาต้องทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้แน่นอน!
และเมื่อเขาทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว พลังรบของเขาย่อมเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็จมจ่อมลงสู่ภวังค์บ่มเพาะอย่างสมบูรณ์ พลังวิญญาณฟ้าดินมากมายถูกดูดซับเข้าร่างด้วยความเร็วสูง ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันสั่งสมมากขึ้นทุกขณะเวลา…
ณ ภาคตะวันตก ลัทธิบูชาไฟ
“ไม่…!!!”
ในเกาะลอยอันเป็นเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่ง ที่อยู่รอบๆเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์พลันปรากฏเสียงหวีดร้องออกมาเสียงหลงอย่างไม่ยอมรับความจริง
เสียงหวีดร้องนี้ยังดังสนั่นลั่นฟ้าราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ด้วยพลังที่ควบผสานมา พาลให้เสียงร้องคำรามนั่นมีอานุภาพดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง ปลุกทุกผู้คนในเกาะลอยใกล้เคียงให้ตื่นตัว ต่างเร่งรุดเหินร่างขึ้นฟ้ามาชมเรื่องราวกันในชั่วพริบตา
“เมื่อครู่มัน…เสียงของศิษยืพี่ปู้หง!?”
เหล่าผู้ที่เหินร่างขึ้นมาจากเกาะลอยรอบๆล้วนเป็นศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟทั้งสิ้น
และตอนนี้พวกมันทั้งหลายกำลังมองไปยังเกาะลอยแห่งหนึ่งด้วยสีหน้าตกตะลึง เพราะที่นั่นคือต้นเสียงสนั่นลั่นฟ้าเมื่อครู่
และด้วยความีท่พวกมันรู้ดีว่าใครเป็นเจ้าของเกาะลอยแห่งนี้จึงตกใจไม่น้อย
ปู้หง อันดับที่ 3 ของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงในปัจจุบัน!
ถึงแม้ปู้หงจะแพ้พ่ายต้วนหลิงเทียนที่พึ่งผงาดขึ้นมาในเวลาอันสั้น แต่ทั้งหมดล้วนเพราะพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมันน่าเหลือเชื่อเกินไป ไม่ใช่เป็นปู้หงที่อ่อนด้อยแต่อย่างใด…
เช่นนั้นแล้วในสายตาของเหล่าศิษย์ลัทธิบูชาไฟ ปู้หง ก็ยังคงเป็นตัวตนอันน่าเกรงขามและมีพลังฝีมืออันร้ายกาจดุจเดิม
ทว่าวันนี้อยู่ๆปู้หงก็หวีดร้องคำรามออกมาเสียงหลงลั่นฟ้า ถึงขั้นทำให้ศิษย์ที่อาศัยในเกาะลอยข้างๆแตกตื่นกันใหญ่
“เกิดอันใดขึ้นกับศิษย์พี่ปู้หงกัน…ไฉนข้าฟังแล้วน้ำเสียงศิษย์พี่ถึงได้ปวดร้าวเช่นนั้น”
“ข้ามิรู้…ตั้งแต่วันที่ศิษย์พี่ปู้หงพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่เห็นศิษย์พี่ออกจากเกาะมาก่อน วันนี้นับว่าศิษย์พี่มีความเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบหลายวัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะหวีดร้องออกมาดังลั่นอย่างเมื่อครู่…”
“ฟังจากเสียงแล้วคล้ายไม่อาจยอมรับความจริงได้…หรือยังไม่อาจปล่อยวางเรื่องที่พ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียนได้กัน?”
“อาจเป็นได้…ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการในชั่วพริบตาเช่นนั้น เห็นทีศิษย์พี่ปู้หงคงมิอาจลบเลือนเงาในใจได้โดยง่าย”
……
เหล่าศิษย์ที่แท้จริงสนทนากันเซ็งแซ่ ทั้งหมดล้วนคาดเดากันไปเรื่อยว่าไฉนปู้หงจึงหวีดร้องเสียงหลงเช่นนั้น ต่างยังคิดไปในทำนองเดียวกันว่า…มันไม่อาจรับความจริงที่แพ้ให้ต้วนหลิงเทียนได้
อย่างไรก็ตาม ที่แท้เรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?