ตอนที่ 1001 น่าสังเวชยิ่งกว่าเก่า

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จื่อโยวชำเลืองมองนางแล้วกล่าวว่า “เป็นศัตรู? ถ้าเจ้าสัมผัสแม้แต่ปลายเส้นผมของสาวน้อย พวกเราได้เป็นศัตรูกับเจ้าแน่”

ดวงตาคู่นั้นของซิงเฉินเหลือบมองมู่หรูเหยียนแล้วกล่าวว่า “ตำหนักตงจี๋ของเจ้าเป็นขุมกำลังสำนักนิกายระดับสามไม่ผิด แต่หอปี้ลั่วของเราก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัด กล้าแตะต้องนายหญิง พวกเจ้าก็ลองดู”

ซิงเฉินได้ยกค้อนทองคำของเขาขึ้นมาแล้ว ถ้าพวกเขากล้าพูดคำว่ากล้าเพียงคำเดียว เขาก็จะไม่เกรงใจอย่างแน่นอน

คนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ตกตะลึง “หอปี้ลั่ว!”

ความแข็งแกร่งของสำนักนิกายระดับสองครึ่งกับสามต่างกันเพียงครึ่งระดับ แต่ในความเป็นจริงความแข็งแกร่งของพวกเขาแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัว

แต่กับหอปี้ลั่วนั้นแตกต่างออกไป ในช่วงครึ่งปีมานี้ หอปี้ลั่วแข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหัน และยอดฝีมือก็เพิ่มมากขึ้น เขาได้ยินมาว่าหอปี้ลั่วได้เปลี่ยนเจ้าของหอเป็นผู้ที่ลึกลับและน่าหวาดกลัว

คนเหล่านั้นจากสำนักต้าเหยี่ยนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หอปี้ลั่วปกป้องพวกเขา ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเขาจะไม่เป็นไร

อยู่ในช่วงที่กำลังจะแย่งชิงหม้อเทพไท่อี คนของตำหนักตงจี๋จึงไม่อยากจะสู้กับหอปี้ลั่วให้ตายกันไปข้างในตอนนี้

มู่หรูเหยียนรู้ความคิดของพวกเขาดี นางกลอกตามองจื่อโยวกับซิงเฉินแล้วกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าหอคงถูกสตรีเจ้าเล่ห์ผู้นี้หลอกแล้ว สตรีผู้นี้ได้หมั้นหมายไปตั้งนานแล้ว นางไม่ได้บริสุทธิ์ ผู้หญิงแบบนี้จะคู่ควรได้อย่างไร…”

ทันใดนั้นดวงตาของซิงเฉินก็ได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง

ลมกระโชกแรงอันน่าสยดสยองพุ่งเข้าใส่ผู้คนของตำหนักตงจี๋ ใบหน้าน่ารักของเขานั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึม

“กล้าพูดไม่ดีเกี่ยวกับนายหญิง โทษของเจ้านั้นสมควรตาย”

จื่อโยวก็เรียกคนของหอปี้ลั่วให้ลงมือเช่นกัน หากเยี่ยนำสาวน้อยคนงามลงมาจริง ๆ และทำลายพรหมจรรย์ของเขาเอง เช่นนั้นทั้งคุกโลหิตของพวกเขาคงดีใจกันยกใหญ่

น่าเสียดายที่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ผู้หญิงคนนี้พูดจาเหลวไหล เขาอยากจะฉีกปากนั้นออกเสียจริง

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดจื่อโยวถึงไม่อยู่ข้างกายจิ่วเยี่ย แต่กลับมาอยู่ในหอปี้ลั่ว ขุมกำลังสำนักนิกายระดับสองครึ่งของทางทิศตะวันออกนี่

แต่ตอนนี้มู่เฉียนซีก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพัง นางจะต้องทำให้มู่หรูเหยียนเสียใจที่ปรากฏตัวต่อหน้านาง

“ลงมือ! จัดการพวกมันให้หมด” มู่หรูเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา

หากไม่ได้ฆ่ามู่เฉียนซี นางสาบานว่าจะไม่เลิกรา!

มู่เฉียนซีกล่าวกับจื่อโยวว่า “พวกเจ้าขวางทางคนอื่นไว้ ส่วนผู้หญิงคนนั้นให้ข้าจัดการเอง ได้หรือไม่?”

เดิมทีเมื่อต้องปะทะเข้ากับมู่หรูเหยียน อีกฝ่ายก็จะนำยอดฝีมือมาไม่น้อย การจะลงมือกับนางนั้นยากเย็นนัก

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสวรรค์จะส่งคนมาช่วย เช่นนั้นนางก็จะไม่เกรงใจมู่หรูเหยียนอย่างแน่นอน

จื่อโยวหัวเราะพลางกล่าว “สาวน้อย ไม่มีปัญหา ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาขวางทางเจ้า!”

ซิงเฉินกล่าว “ซิงเฉินน้อมรับคำสั่งของนายหญิง”

ปัง! คนของทั้งสองฝ่ายเริ่มลงมือแล้ว

คนที่จื่อโยวพาออกมาราวกับกำลังท่องภูเขาเล่นน้ำก็มิปาน แต่ทุกคนล้วนแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าคนของตำหนักตงจี๋เลยสักนิด

ตูม! คนของหอปี้ลั่วพุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด ทำให้คนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋บ้าคลั่ง

“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราถอยกันเถอะ!”

คนเหล่านี้เสี่ยงชีวิตมาเพื่อลงมือกับพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต้องการต่อสู้กับคนของหอปี้ลั่วอย่างเอาเป็นเอาตายเพียงเพราะความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเด็กผู้หญิงสองคน

มู่หรูเหยียนกล่าวเสียงแหลมว่า “หลบไป! ตำหนักตงจี๋ของเรายังต้องกลัวกองสำนักนิกายระดับสองครึ่งอีกหรือ? สตรีผู้นี้ฆ่าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ข้าจะไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด”

“เจ้าคือธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ของพวกเรา ต้องดูสถานการณ์โดยรวมเป็นหลัก อย่าเอาแต่ใจ!”

“สถานการณ์โดยรวม! สถานการณ์โดยรวม!” สีหน้าของมู่หรูเหยียนยิ่งดูไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของเจ้าตำหนัก และมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่ดี แต่นางยังคงไม่ได้รับความสนใจมากนัก เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของตำหนักตงจี๋แล้ว นับว่าเล็กน้อย

แววตาของมู่หรูเหยียนฉายแววอำมหิต นางจะไม่ยอมแพ้อย่างเด็ดขาด

นางมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “จับตัวนางไว้ สามารถนำนางไปเพื่อบีบบังคับเฟิงอวิ๋นซิวได้ เฟิงอวิ๋นซิวเกือบที่จะฆ่าข้าก็เพราะนาง และเขาได้ทะเลาะกับท่านเจ้าตำหนักจนเละเทะก็เพราะนาง ในตอนนี้เขายังถูกกักขังอยู่เลย”

“ถ้าพวกเจ้าจับตัวเขาได้ ท่านเจ้าตำหนักจะต้องมีรางวัลใหญ่ให้อย่างแน่นอน”

ธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงสถานะที่ดูดีแต่ภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถชี้นำอะไรพวกเขาได้ แต่กลับสามารถหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ได้

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรูเหยียน ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายและใจเต้นแรงขึ้นมาทันที

ภายในตำหนักตงจี๋มีการต่อสู้ในที่เปิดเผยและในที่ลับอยู่ตลอดเวลา โดยแบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยมีเจ้าตำหนักตงจี๋เป็นผู้นำ และยังมีนายน้อยเฟิงอวิ๋นซิวเป็นผู้นำอีกคนหนึ่ง

เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายต่างมีที่พึ่งและความแข็งแกร่งที่ใกล้เคียงกัน พวกเขาพยายามหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายและสังหารอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา

“ไป! จับสาวน้อยผู้นั้นซะ!” ในที่สุดผู้อาวุโสผู้หนึ่งก็ออกคำสั่ง

คนของตำหนักตงจี๋มีจำนวนมาก และหอปี้ลั่วต่างก็เป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจเปิดฉากได้ในทันที

องครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ มู่หรูเหยียนกระจายตัวออกไป มู่เฉียนซีได้โอกาสจึงพุ่งเข้าไป

มู่หรูเหยียนหันไปหามู่เฉียนซีที่เข้ามาใกล้แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาหาข้าถึงที่”

มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ “ดูเหมือนว่าครั้งก่อนที่ทวีปเซี่ยโจวเจ้าจะยังไม่น่าสังเวชพอ แต่ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้เจ้าน่าสังเวชยิ่งกว่าเดิม”

กระบี่มังกรเพลิงพุ่งออกมา เงากระบี่พุ่งเข้าใส่ราวกับสายฟ้าฟาด

พลังวิญญาณของมู่หรูเหยียนก็ระเบิดออกมาเช่นกัน นางมีพลังระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้า นางสามารถต้านทานการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย

นางกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “มู่เฉียนซี เจ้าคงคิดไม่ถึงกระมัง! ว่าตอนนี้ข้าแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ? และเจ้าเป็นเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้าเท่านั้น”

มู่เฉียนซีเองก็ต้องยอมรับว่าความเร็วในการฝึกของมู่หรูเหยียนนั้นรวดเร็วราวกับนั่งจรวดจริง ๆ

หลังจากตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา นางก็พุ่งถึงระดับมหาจักรพรรดิและแค่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่เดือน นางก็ถึงระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้าอย่างคาดไม่ถึง

แต่เห็นได้ชัดว่ารากฐานของนางไม่มั่นคงและกลิ่นอายที่ผสมปนเปกันผิดปกติอย่างมาก

การเสียสละร่างกายตนเองเพื่อแลกกับความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้ ไม่มีอะไรให้โอ้อวดได้

“มังกรวารีพิฆาต!”

“กระบี่ควันเมฆา!”

นางได้รับการถ่ายทอดทักษะกระบี่ของไป๋อู๋ห่ายเจ้าตำหนักแห่งตำหนักเทพ ดูแล้วนางยังมีท่าทีเอาการอยู่บ้าง แต่นางก็เป็นเพียงศิษย์ที่ได้แต่ชื่อเท่านั้น

ปัง!

เงาร่างทั้งสองสีขาวและม่วงเข้ามาบรรจบกัน ทำให้ผู้คนตาพร่ามัว

ในระหว่างการต่อสู้ของพวกเขา ทันใดนั้นปราณสังหารก็ได้พุ่งออกมาจากด้านหลังของมู่เฉียนซี

ผู้ดูแลตำหนักตงจี๋ฉวยโอกาสลอบโจมตีมู่เฉียนซี

พรูด! แต่ก่อนที่เขาจะได้ลอบโจมตี ดาบสีเงินก็ได้แทงทะลุที่หัวใจของเขา

ฝั่งจื่อโยวนั้นไม่จำเป็นต้องลงมือ ทั้งหมดเพียงแค่มีกู้ไป๋อีปกป้องมู่เฉียนซีก็พอแล้ว

“บ้าเอ๊ย!”

เมื่อเห็นว่าผู้ดูแลผู้นั้นลอบโจมตีได้ไม่สำเร็จ แววตาของมู่หรูเหยียนก็ฉายแววหงุดหงิด

“ควันเมฆา สายลมพิฆาต!” นางเคยประสบความสูญเสียมามากมายจากของมู่เฉียนซี ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลใจที่จะต่อกรกับมู่เฉียนซี

ถ้าสามารถฆ่ามู่เฉียนซีได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียวนางก็จะฆ่าและจะไม่ให้โอกาสมู่เฉียนซีได้หายใจอย่างแน่นอน

ดังนั้นครั้งนี้ มู่หรูเหยียนจึงใช้กระบวนท่าสุดพิเศษออกมา

กู้ไป๋อีตะลึงงัน “หนึ่งในทักษะอันยอดเยี่ยมของไป๋อู๋ห่าย”