ตอนที่ 881: การยอมจำนนของซี่หวัง
ชาลีใจเย็นลงเพราะชายชราก่อนที่จะหันไปหาทูตทั้งสี่คน “บอกข้ามาโดยละเอียดอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาที่เคารพ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อพวกเรากำลังรีบกลับมาที่ศาลาพร้อมกับสิ่งของนั่น พวกเราได้ผ่านเผ่าของเยิ่นเซิน ดังนั้นพวกเราจึงหยุดสักพัก เผ่าของเขากำลังเผชิญกับภัยอันตรายเพราะว่าจอมยุทธทั้งสามของเผ่าของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น เยิ่นเซินจึงนำกลุ่มไปเพื่อจัดการในเรื่องนี้ พวกเราทั้งสี่คนพ่ายแพ้แก่คนที่ทรงพลังมากที่เผ่าอื่นและแหวนมิติของพวกเราก็ถูกเอาไปด้วย”
“ใช่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเอาแหวนมิติของพวกเราไปเท่านั้น พวกเขายังต้องการที่จะฆ่าพวกเราอีก พวกเขาไม่เคารพศาลาเทพเจ้าอสรพิษเลย พวกเขาดูถูกพวกเรา” ทูตทั้งสองคนอธิบายแทนเยิ่นเซินโดยแต่ละคนก็เพิ่มข้อมูลบางอย่างเข้าไป พวกเขาโกรธมากเพราะว่าเกียรติของศาลานั้นสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นอื่น
ชายชรามองไปที่ต้าไห่ที่เงียบอยู่แล้วถาม “ต้าไห่ จริงหรือไม่ ? “
เขาพยักหน้า “พวกเขาพูดความจริง ท่านผู้เฒ่าประจำศาลาที่เคารพ”
“ถ้างั้น พวกเรากำลังรออะไรอยู่? รีบส่งคนไปจับพวกเขา พวกเราจำเป็นต้องไปเอาของกลับมา” ชาลีสั่งทันที
ชายชราพยักหน้าเบา ๆ “การมีอยู่ของสิ่งของนั้นจะรั่วไหลออกไปไม่ได้ เมื่อศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและศาลาวิญญาณสวรรค์รู้เรื่องเกี่ยวกับมัน เรื่องนี่จะเป็นปัญหาแน่ ดังนั้นส่งคนที่จะไม่เป็นจุดเด่นไปครั้งนี้ พวกเราไม่สามารถส่งคนไปเยอะและต้องไม่ส่งคนที่แข็งแกร่งเกินไป ต้าไฮ่ คนที่เอาแหวนมิติของพวกเจ้าไปนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ? “
ต้าไห่คิดและตอบกลับไป “ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาที่เคารพ พวกเขาน่าจะอยู่ในขั้นสูงสุดของ 14 ดาวอ้างอิงจากการต่อสู้กับพวกเขา อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นทรงพลังมาก เทียบเท่ากับนักรบวิญญาณทะเล 15 ดาวบางคนเลยทีเดียว”
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ พวกเราจะส่งผู้อาวุโส 15 ดาวไป 2 คน พร้อมกับพวกเจ้าทั้งสี่เพราะว่าพวกเจ้าจำพวกนั้นได้” ชายชราพูดขึ้นมา
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาที่เคารพ” ทูตทั้งสี่ตอบกลับมาพร้อมพร้อมกัน
“จำไว้ว่า นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเจ้าที่จะแก้ตัว ถ้าพวกเจ้าเอาของกลับมาได้ พวกเจ้าก็รอดตัวไป ถ้าพวกเจ้าพลาด โทสะของท่านเจ้าศาลาก็จะรอพวกเจ้าอยู่” ชาลีคำรามออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
คำพูดที่เคร่งเครียดของชาลีทำให้ทูตทั้งสี่ตัวสั่น ความกลัวและไม่สบายใจพุ่งพรวดขึ้นในหัวใจพวกเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ในตอนนี้ พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ถ้าพวกเขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาจะทำผิดพลาดแบบนี้ ไปทำไม ?
..
ทั้งสี่ออกไปจากศาลาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งผู้เฒ่าสิบห้าดาวและมุ่งตรงไปที่เผ่าแห่งความกล้า
ในขณะที่กลุ่มได้ออกไป เจี้ยนเฉินและนูบิสก็ได้จากไปเช่นกัน
เจี้ยนเฉินถือแผนที่ไว้ในมือในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ เพื่อยินยันทิศทางในขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง เขาต้องการที่จะทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่หลงทาง
พวกเขาหยุดหลังจากเดินทางไปได้หลายหมื่นกิโลเมตร พวกเขาได้เดินทางผ่านที่รกร้าง ป่าโบราณ เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ และพึมพำ “พวกเราน่าจะอยู่ห่างจากเผ่าแห่งความกล้าประมาณ 70,000 – 80,000 กิโลเมตรในตอนนี้แล้ว น่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ”
“พวกเราพักอยู่ที่นี่กันเถอะ พวกเราจะสามารถกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนได้เมื่อพวกเราแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว” ทั้งสองคนลดระดับลงมา และขุดถ้ำชั่วคราวเพื่อให้พัก
ในขณะที่พวกเขากำลังทำอย่างนั้นอยู่ ทูตทั้งสี่ก็ได้มาถึงเผ่าแห่งความกล้าพร้อมกับชายชราที่ดูไม่สำคัญ 2 คน พวกเขาตะโกนออกมาในขณะที่พวกเขาลอยอยู่ในท้องฟ้า “ผู้นำเผ่าอยู่ที่ไหน ? ออกมา ! “
ผู้นำเผ่าออกมาจากโถงหลักทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อเขาสังเกตุเห็นทูตทั้งสี่คน ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งคาวมสนใจไปที่ชายชรา 2 คนที่ดูธรรมดาด้านหลังทูตทั้งสี่ ใจของเขาตกไปถึงตาตุ่มเหมือนเขารู้สึกได้ถึงลางไม่ดี
“ข้าคือผู้นำเผ่า มีอะไรที่ข้าจะช่วยท่านทูตได้หรือไม่ ? ” ผู้นำเผ่าตอบกลับพร้อมป้องมือ เขาสุภาพมาก
“พวกนั้นสองคนไปไหน ? เรียกพวกนั้นออกมา” เยิ่นเซินจ้องไปที่ผู้นำเผ่าในขณะที่เขาตะโกนออกไป เขาในตอนนี้มั่นใจมากเพราะเขามีจอมยุทธ 15 ดาวคอยหนุนหลังอยู่
“ท่านทูตที่เคารพ นักรบทั้งสองได้ออกไปได้ซักพักแล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เผ่าของพวกเราอีกต่อไปแล้ว” ผู้นำเผ่าตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“อะไรนะ ? พวกเขาไปแล้ว ? “
ทูตทั้งสี่ทำท่ากลัวทันที
“พวกนั้นไปทิศไหน ? พวกเขาไปที่ไหน ? ” ครั้งนี้ คนที่พูดเป็นหนึ่งในชายชรา
ผู้นำเผ่าชี้มือออกไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินและนูบิสได้บินไป “นักรบทั้งสองไปทางนั้น ส่วนพวกเขาไปที่ไหนนั้น ข้าไม่รู้” คนของเผ่าหลายคนเห็นทิศทางที่เจี้ยนเฉินและนูบิสบินไป ดังนั้น ผู้นำเผ่าจึงได้แต่ต้องพูดความจริงเท่านั้น เขาไม่อยากที่จะหลอกคนของศาลา
“ไล่ตามพวกมันไป ! ” ทูตทั้งสี่และชายชราสองคนออกไปในทิศทางที่หัวหน้าตระกูลบอกทันทีโดยไม่ลังเล
เจี้ยนเฉินและนูบิสได้เข้าสู่การฝึกฝนในส่วนลึกของป่า พวกเขามุ่งมั่นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา
ร้อยกิโลเมตรห่างออกไปจากพวกเขา ชายหนุ่มที่ดูดุร้ายที่อยู่ในชุดขาวได้ค่อย ๆ ผ่านป่ามาอย่างระมัดระวัง เขาเข้าใกล้ที่อยู่ของเจี้ยนเฉินและนูบิสอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาลบพลังแห่งการมีอยู่ของเขา
“ข้าต้องเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้ เจ้าไม่สามารถหนีข้าไปได้ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนก็ตาม” ชายนั่นยึดมั่นอย่างแน่วแน่ เขาเป็นจอมยุทธที่ต่อสู้กับเจี้ยนเฉินที่งานประมูล ซี่หวัง
ซี่หวังพบที่อยู่ของเจี้ยนเฉินผ่านวิธีการที่ไม่มีใครรู้ เขาลบตัวตนของเขาและเข้าใกล้ถ้าอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เขาผ่านม่านพลังไปได้สำเร็จโดยใช้วิชาพิเศษที่จะไม่ทำให้คนกางม่านพลังรู้ตัว เขาเข้าไปในถ้ำที่เจี้ยนเฉินทำสมาธิอยู่
เจี้ยนเฉินในตอนนี้นั่งอยู่ที่พื้นและนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ เขาอยู่ในสมาธิลึกและไม่สังเกตว่ามีบางคนเข้ามาในที่อยู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของซี่หวังหยุดเต้นทันที ร่างของเขาเย็นลงเป็นอุณหภูมิเดียวกันกับรอบ ๆ เขาดูเหมือนจะหลอมละลายไปกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ อย่างสมบูรณ์
ซี่หวังจ้องอย่างสงบไปที่เจี้ยนเฉินที่ทางเข้าของถ้ำ เขาคิด “เจ้าเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นการจัดการกับเจ้าน่าจะเป็นเรื่องง่าย เมื่อเขาทำร้ายเจ้าแล้ว ข้าจะใช้เจ้าเพื่อข่มขู่ให้อีกคนส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มา” เขากำลังทำตามที่เขาคิด เขาเข้าใกล้เจี้ยนเฉินอย่างนุ่มนวล เขาโจมตีออกไปด้วยด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและเล็งไปที่หัวใจของเจี้ยนเฉิน
มือของซี่หวังผ่านหน้าอกของเจี้ยนเฉินไปอย่างไม่ยากเย็นแต่ซี่หวังก็ใจหาย “ภาพติดตา ! “
ปฏิกิริยาของซี่หวังนั้นไวมาก เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และเห็นเจี้ยนเฉินยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่บาดเจ็บและเจี้ยนเฉินมองกลับมาที่เขาอย่างดูถูก
“ซี่หวัง ครั้งก่อนยังไม่เข็ดแล้วเจ้ายังจะกลับมาลองดีอีกหรือ ? ” เสียงขี้เกียจดังออกมาจากข้างนอก นูบิสที่อยู่อีกถ้ำเดินกอดอกเข้ามา นูบิสยืนอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน
หน้าของซี่หวังบึ้ง เขาร้องออกมา “เป็นไปไม่ได้ ! ข้าใช้ความสามารถโดยกำเนิดของข้าเพื่อเข้ามาที่นี่อย่างเงียบเชียบ เจ้ารู้ตัวได้ยังไง ? “
“เจ้าสะกดรอยตามพวกเรามาตลอดทางและรักษาระยะห่างพันกิโลเมตรจากพวกเรา พวกข้ารู้ตัวนานแล้ว แต่ข้าก็ขอพูดเลยว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของเจ้านั้นทรงพลังมาก เจ้าสามารถผ่านม่านพลังที่พวกเราร่ายได้ เจ้าอาจจะทำสำเร็จก็ได้ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเรา แย่หน่อยนะ” เจี้ยนเฉินยิ้ม
“นั่นถือเป็นโชคร้ายของข้า ถ้างั้น ! ” ซี่หวังกัดฟันก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปข้างบน เขาระเบิดผ่านหินขึ้นไปเพื่อพยายามที่จะหนี
“ไม่ง่ายหรอกที่เจ้าจะหนีไปได้” ปากของนูบิสบิดเบี้ยวอย่างหยิ่งยโส เขาทะลุผ่านหินขึ้นไปเหมือนอย่างซี่หวังและขวางทางของซี่หวังเอาไว้
ซี่หวังจ้องอย่างเย็นชาไปที่นูบิสแล้วคำรามออกมา “ข้าอาจจะทำร้ายเจ้าไม่ได้ในการต่อสู้ แต่เจ้าหยุดการหนีของข้าไม่ได้หรอก”
“จริงหรือ ? ” นูบิสจ้องไปที่ซี่หวังอย่างดูถูกแล้วพูด “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่มีความสามารถโดยกำเนิด แล้วข้าไม่มีอย่างนั้นหรือ ? “
ท่าทางของซี่หวังเปลี่ยนไปทันที เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร เจี้ยนเฉินบินขึ้นมาแล้วพูด “ซี่หวัง เจ้าพยายามมากที่ตามพวกเรามาหลายหมื่นกิโลเมตร เข้าอยากจะจากไปแบบนี้จริง ๆ หรือ ? เจ้าไม่อยากได้น้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือไง ? “
ซี่หวังพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไรเพราะเขากำลังคิดทางที่จะหนี
“เจ้าตัวคนเดียว เจ้าต้องการที่จะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะได้สำเร็จ 15 ดาว เอาอย่างนี้หรือไม่ ? เจ้าติดตามพวกเราไปในอนาคตและข้าจะรับผิดชอบในพัฒนาการของเจ้าเอง” เจี้ยนเฉินยิ้ม
สายตาของซี่หวังเป็นประกายตกใจ เขาจ้องเขม็งกลับไป “ด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นค่าตอบแทนงั้นหรือ ? “
“ถูกต้อง ! ” เจี้ยนเฉินตอบกลับ
“เจ้าปรารถนาที่จะให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าครอบครองอยู่งั้นหรือ ? “
“ไม่ ข้ายังจะไม่ให้น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้กับเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้ารับรองว่าข้าจะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์อีกภายในไม่เกิน 50 ปี นั่นจะเป็นส่วนของเจ้าอย่างแน่นอน” เจี้ยนเฉินสาบานออกมา
“น้ำศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏทุกครั้งในรอบหนึ่งพันปี มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏขึ้นมาในอีก 50 ปีข้างหน้า ในขณะที่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ที่จะได้มันมานั้นยังเป็นปริศนาในเรื่องอันตราย มันจะเป็นความตายของเจ้าอย่างแน่นอนถ้าเข้าไปที่นั่น” ซี่หวังคำรามออกมา
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของเจ้า เจ้ารู้ไว้เพียงว่าเจ้าจะได้รับน้ำศักดิ์สิทธิ์แน่ในอีก 50 ปี” เจี้ยนเฉินพูด
“ทำไมข้าจะต้องเชื่อเจ้าด้วย ? “
“เจ้าได้แต่เชื่อข้าเท่านั้นเพราะมันเป็นโอกาสเดียวที่เจ้าจะได้รับมันไป”
ซี่หวังเงียบ ตาของเขาฉายแววไม่สบายใจเพราะว่าเขาตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากมาก เขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าเขาไม่พัฒนาการล่ะก็ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกร้อยกว่าปีเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะ ข้าตกลง ข้าจะตามเจ้าไปตั้งแต่บัดนี้แต่เจ้าต้องให้น้ำศักดิ์สิทธิ์กับข้าในอีก 50 ปี” ซี่หวังตกลงหลังจากตรึกตรอง เขาไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย