เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร บางทีที่นี่อาจจะเคยมีของล้ำค่าอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามมันก็ได้ผ่านไปหลายปีแล้ว คนเข้ามากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เครื่องรางต่างๆที่อยู่ด้านนอกคงโดนเอาไปหมดนานแล้ว

มีเพียงห้องสุดท้ายที่มีพลังเขตแดนไร้จำกัดปกป้องอยู่ ดังนั้นคนที่เข้ามาไม่สามารถทำลายมันได้ ครั้นจึงสร้างเรื่องเท็จว่าของล้ำค่าที่อยู่ในจวนน้ำแข็งยังไม่มีคนเคยได้ไปก่อน

แน่นอน ขอที่อยู่บนชั้นสามของหอยา ก็ถือเป็นของล้ำค่าเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันไม่ค่อยจะมีประโยชน์ต่อนักบู๊เหล่านั้น มีเพียงวิชายุทธ์สองเล่มที่เป็นของล้ำค่าสำหรับนักบู๊

เฉินโม่พาทั้งสามคนออกไปจากห้อง สรุปนักบู๊ที่อยู่ข้างนอกสามารถตีฝ่าเข้ามาได้แล้ว ได้ล้อมพวกของเฉินโม่ไว้ข้างใน

พลังเขตแดนไร้จำกัดถูกทำลาย พลังต้องห้ามของด้านนอกที่สูญเสียพลังทิพย์จากพลังเขตแดนไร้จำกัด ดังนั้นแม้จะไม่โจมตีมันก็จะถูกทำลายไปเอง

เฉินโม่เข้าใจเหตุผลนี้ เมื่อเห็นคนพวกนี้สามารถเข้ามาได้ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

“ไอ้หนุ่ม แกได้อะไรจากในนั้น?” นักพรตชิงซงจ้องมองเฉินโม่ พูดด้วยความโกรธ

เฉินโม่ไม่ได้ตอบเขา แต่ได้มองไปข้างหน้าอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างราบเรียบ“หลีกไป!”

“ฮึ่ม ส่งมอบของออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าคิดมีชีวิตออกไปจากที่นี่!” แววตาของนักบู๊คนหนึ่งเผยให้เห็นถึงความโลภ พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด

สายตาของเฉินโม่เย็นเฉียบในทันที ในขณะที่จ้องมองนักบู๊คนนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ได้ปะทุออกมาจากร่างกาย

“อ้า!”

ความรู้สึกนึกคิดของนักบู๊คนนั้นถูกกระทบกระเทือนจนแตกสลาย และกลายเป็นเอ๋อ

“มังกร มังกรตัวใหญ่มาก……..ฮ่าๆ แฮ่…….”

เห็นท่าทางของนักบู๊แล้ว ทุกคนต่างก็ตกใจ

หนานเฮ่อหยู่มองเฉินโม่อย่างระมัดระวัง ตะโกนพูด “ไอ้หนุ่ม แกใช้วิชามารอะไรกับเขา?”

“วิชามาร?” เฉินโม่ถามอย่างเรียบเฉย “ในสายตาของแก สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็จะถูกเรียกว่าวิชามารเหรอ?”

มันเหมือนเป็นด่าหนานเฮ่อหยู่เป็นคนที่ประสบการณ์น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งทำให้หนานเฮ่อหยู่โกรธมาก “ไอ้หนุ่ม แกมันหาที่ตาย!”

หนานเฮ่อหยู่ผลักฝ่ามือไปที่หัวใจของเฉินโม่โดยตรง ฝ่ามือนั้นดุดันและทรงพลัง

เฉินโม่ยืนอยู่ตรงที่เดิมโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนเลย และได้ผลักฝ่ามือออกไป

ป้าง!

เมื่อฝ่ามือทั้งสองประกบกันหนานเฮ่อหยู่ถูกผลักถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วมองไปที่เฉินโม่ด้วยความตกตะลึง

“ไอ้หนุ่ม นายก็มีพลังของแดนเทพด้วย เป็นไปได้อย่างไร?”

ลู่เจี้ยนอู่อุทาน “คิดไม่ถึงว่าโลกฝึกบู๊นอกจากเฉินไต้ซือแล้ว ยังได้ซ่อนแดนเทพที่แข็งแกร่งไว้อีกหนึ่งคน!”

“ไม่ใช่สิ ฉันนึกออกแล้ว เขาก็คือเฉินไต้ซือ เขาก็คือเฉินไต้ซือ!” นักบู๊คนหนึ่งตะโกนขึ้นในทันที

สายตาทุกคู่ถูกดึงดูดมาที่เขา

หนานเฮ่อหยู่คว้านักบู๊คนนั้นเอาไว้ แล้วตะโกนถาม “นายว่าเขาเป็นเฉินไต้ซือ นายแน่ใจมั้ย?”

“แน่ใจสิ ฉันเคยเห็นคลิปที่เขาต่อสู้กับยากิวยิโตะของประเทศต้าเหอมาก่อน เขาก็คือเฉินไต้ซือ!” นักบู๊คนนั้นตะโกนพูดอย่างตื่นเต้น

สายตาของทุกคน ได้ย้ายมาอยู่บนตัวของเฉินโม่แล้ว

หนานเฮ่อหยู่มองเฉินโม่ พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นายก็คือเฉินไต้ซือ มันเกินความคาดหมายของฉันจริงๆ!”

“อย่างไรก็ตาม ต่อให้นายเป็นเฉินไต้ซือ วันนี้ถ้าไม่เอาของล้ำค่าออกมา นายก็ไม่ต้องคิดที่จะมีชีวิตออกไปจากที่นี่ ต่อหน้าของล้ำค่า หนานเฮ่อหยู่ได้ตัดสินใจที่จะทุ่มสุดตัวแล้ว

เฉินโม่ได้สนใจเขา แต่มองไปทางลู่เจี้ยนอู่และคนอื่นๆ พูดถามอย่างราบเรียบ “แล้วพวกนายล่ะ?”

นักพรตชิงซงพูดอย่างเย็นชา “เอาของล้ำค่าที่นายได้ทั้งหมดออกมา แล้วพวกเรามาแบ่งเท่าๆกัน ไม่อย่างนั้นอย่าคิดออกไปจากที่นี่เลย!”

ลู่เจี้ยนอู่ก็พูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “เฉินไต้ซือ สถานการณ์ตอนนี้คุณก็เห็นแล้ว ฉันขอเตือนให้คุณส่งของล้ำค่าออกมาจะดีกว่า แล้วพวกเรามาแบ่งมันเท่าๆกัน ไม่อย่างนั้นนอกเสียจากว่าคุณจะอาศัยกำลังของตัวเอง ชนะพวกเราทุกคน ไม่อย่างนั้นคุณไม่มีทางออกได้ไปจากที่นี่”

สีหน้าของเฉินโม่ไม่เปลี่ยนเลย น้ำเสียงยังคงราบเรียบ“ หากฉันบอกทุกคนว่าข้างในนี้ไม่มีของล้ำค่าเลยล่ะ พวกคุณจะเชื่อมั้ย?”

หนานเฮ่อหยู่หัวเราะพูด “ฮ่าๆ ตลกสิ้นดี ที่นี่มีพลังต้องห้ามที่หนาแน่น ถ้าบอกว่าไม่มีของล้ำค่า ใครจะไปเชื่อ ฉันว่านายไม่อยากเอามันออกมาต่างหาก อยากจะเก็บมันไว้คนเดียว!”

“น้องลู่,นักพรตชิงซง,เทพธิดาหลิงซวง เราไม่ต้องพูดมากกับมันแล้ว ฆ่ามันให้ตาย แล้วก็ชิงของล้ำค่าจะตัวมัน!