บทที่ 3021 สลับตัวรัชทายาท 4
สองสามกระบวนท่านั้นย่อมเป็นกระบวนท่าของเทพผู้สร้างโลกรุ่นก่อน เลิศล้ำยิ่ง ตี้ฝูอีมุ่นคิ้วคราหนึ่ง ปรบมือเอ่ยว่า “เป็นกระบวนท่าที่ล้ำเลิศยิ่ง! ซีจิ่ว นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้โดยไร้อาจารย์”
ดวงตา ‘กู้ซีจิ่ว’ ฉายแววภาคภูมิ “ใช่แล้ว ข้าก็นึกไม่ถึงเช่นกัน อันที่จริงหลังจากเข้ามาในทะเลทรายแห่งนี้แล้ว ข้ารู้สึกว่าข้าเรียนรู้สิ่งต่างๆได้มากมายโดยไร้อาจารย์สอนสั่ง ไม่เพียงแต่วรยุทธ์เท่านั้น ยังมีงานครัว งานเย็บปัก…”
นางนับนิ้วไล่จำนวนทักษะที่ตนเชี่ยวชาญในตอนนี้ให้เขาดู สุดท้ายจึงกล่าวว่า “รอว่างแล้วข้าจะแสดงให้เจ้าดูไปทีละอย่าง”
ตี้ฝูอีมองดวงตาที่เปล่งประกายของนาง ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ไม่นึกเลยว่าทะเลทรายแห่งนี้จะให้คุณต่อเจ้า ดูเหมือนมันจะเป็นสถานที่ดีงามแห่งหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้พวกเรารั้งอยู่ที่นี่หลายวันหน่อย ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะบรรลุทักษะอื่นด้วยก็ได้”
‘กู้ซีจิ่ว’ ขมวดคิ้ว เอ่ยโพล่งออกไป “ไม่! เปิ่น…ข้ารังเกียจที่นี่!”
ตี้ฝูอีมองไปรอบๆแล้วกล่าวว่า “ถึงแม้ที่นี่จะกันดารไปบ้าง แต่ก็ไม่มีข้อเสียอย่างอื่นนี่ แถมเจ้ายังได้บรรลุทักษะเลิศล้ำจากที่นี่ด้วย เหตุใดจึงรังเกียจเสียเล่า?”
‘กู้ซีจิ่ว’ ถูกตอกกลับจนอึกอักแล้ว เพียงเอ่ยไปว่า “ข้าไม่ชอบสถานที่กันดาร อีกอย่างตี้เฮ่าก็ได้รับบาดเจ็บที่นี่ด้วย…ข้าเกิดเงามืดต่อที่นี่แล้ว” คำโป้ปดนี้ยังคงแนบเนียนรัดกุมยิ่ง
ตี้ฝูอีก็ไม่สงสัยอะไรนางเลย หลังจากจับชีพจรให้นางพิสูจน์ได้แล้วว่านางปลอดภัย ถึงได้ปล่อยมือนาง พลางเอ่ยไปว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นเจ้าก็พักให้ดีเถอะ ปะเดี๋ยวพวกเรายังต้องพาเฮ่าเอ๋อร์ฝ่าออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้อีก เกรงว่าจะต้องเปลืองแรงน่าดู”
‘กู้ซีจิ่ว’ พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ได้!”
นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอีก “ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว หาพบหนทางออกไปนิดหน่อยแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้าฝ่าออกไปด้วยกัน!”
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้าก็พักให้ดีก่อนเถอะ”
เขายื่นมือหยิบผ้านวมหนานุ่มผืนหนึ่งออกมา วางนางลงบนนั้น
‘กู้ซีจิ่ว’ ยื่นมือไปหมายจะรั้งเขาไว้ “เจ้าพักกับข้าที่นี่ด้วยสิ”
ตี้ฝูอีตบมือน้อยของนางเบาๆ “ไม่ต้องหรอก ข้าไม่เหนื่อย เจ้าพักไปก่อนเถอะ ข้าจะไปดูรอบๆ ก่อน ดูว่าจะมีกลไกสำหรับออกจากที่นี่ล่วงหน้าหรือไม่ จะได้พาเจ้ากับเฮ่าเอ๋อร์ออกไปได้เร็วขึ้นหน่อย สถานที่ผุพังแห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับพักฟื้น
‘กู้ซีจิ่ว’ ย่อมตอบตกลง ตี้ฝูอีลุกขึ้นแล้วหันหลังก้าวออกไป
‘กู้ซีจิ่ว’ มองดูเงาหลังของเขา ดวงตาฉายแววเร่าร้อนแวบหนึ่ง บุรุษผู้นี้ ในที่สุดก็เป็นของนางแล้ว!
นางหรี่ตามองมือน้อยๆ ของตน จากนั้นก็เพ่งพิศดูสังขารนี้ของตนอย่างจริงจัง แย้มยิ้มแล้ว กวาดสายตาไปยังโขดหินที่กู้ซีจิ่วอยู่ ส่งกระแสเสียงเข้าไปอย่างสบายอุรา ‘ร่างนี้ของเจ้าข้าใช้การได้ดียิ่ง เจ้าวางใจได้เลย’
นางลูบไล้เรียวแขน ทรวงอกของตน…คล้ายจะดื่มด่ำ ‘ได้ครอบครองร่างกายมนุษย์ของจริงช่างดีจริงๆ! สัมผัสเฉียบไวเป็นพิเศษ ราวกับเป็นร่างกายของตัวเอง…ผิดกับร่างกายที่เปิ่นจุนควบรวมขึ้นจากเลือดเนื้อของวิญญาณอาฆาตลิบลับ กล่าวมาเช่นนี้แล้ว เปิ่นจุนก็ต้องขอบคุณเจ้าที่ส่งมอบร่างกายนี้ให้ วางใจเถอะ เปิ่นจุนจะใช้ร่างกายนี้อย่างดีเลย จะรักใคร่หวานชื่นกับเขาแทนเจ้าเอง…’
การส่งกระแสเสียงที่นางใช้มิใช่การส่งกระแสเสียงแบบทั่วไป แต่เป็นวิชาที่ใช้ได้แค่ในทะเลทรายแห่งนี้
นางถูกขังไว้ที่นี่มาหลายแสนปีแล้ว ในที่สุดก็ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับนางได้ วิญญาณอาฆาตหลายแสนตนในทะเลทรายนางล้วนสามารถชี้นำบงการได้ตามประสงค์ นางใช้วิธีการพิเศษอย่างหนึ่งควบคุมพวกมันให้ถ่ายทอดเสียงให้นาง นางไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากพูด เพียงคิดอยู่ในสมอง กระแสเสียงก็จะส่งออกไปด้วยตัวเอง
ตี้ฝูอีไม่มีทางได้ยิน นอกจากกู้ซีจิ่วที่อยู่ในคุกวารีแล้ว ผู้อื่นจะไม่ได้ยินเลย ปลอดภัยอย่างยิ่ง
————————————————————————————-
บทที่ 3022 สลับตัวรัชทายาท 5
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในคุกวารีคล้ายจะสิ้นหวังแล้ว หลับตาลงไม่เอ่ยวาจาเลยสักคำ ปล่อยให้วารีทมิฬเดี๋ยวท่วมศีรษะเธอ เดี๋ยวปล่อยให้โผล่ออกมาบ้าง…
หนึ่งชั่วยามผ่านไปเร็วยิ่ง
ตี้ฝูอีก็เดินกลับมาแล้ว อุ้มตี้เฮ่าขึ้นมา “ซีจิ่ว พวกเราไปกันเถอะ”
“ได้สิ” ‘กู้ซีจิ่ว’ ลุกขึ้นมา เดินเคียงข้างเขา ใช้แขนคล้องแขนของเขาไว้ สามคนพ่อแม่ลูกก้าวออกไปด้านนอก
ตอนที่เดินผ่านโขดหินก้อนนั้น ‘กู้ซีจิ่ว’ มองเข้าไปในหินก้อนนั้นแวบหนึ่ง เห็นกู้ซีจิ่วโผล่หน้าขึ้นมาอีกครั้งพอดี ยามนี้กำลังเบิกตามองพวกเขาอยู่
เห็นได้ชัดว่าเธอมองออกว่าพวกตี้ฝูอีทั้งสามจะจากไปแล้ว ในที่สุดก้นบึ้งดวงตาก็เผยแววตื่นตระหนกแวบหนึ่ง และมีความสิ้นหวังเจืออยู่ด้วย
‘กู้ซีจิ่ว’ มองเข้าไปในหินอีกครั้ง ส่งกระแสเสียงเข้าไป ‘ซีจิ่ว พวกเราไปแล้วนะ เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน! วางใจเถิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรบกวนหนทางสงบจิตของเจ้า หลังจากเปิ่นจุนออกไปแล้ว จะปิดผนึกที่นี่อย่างสมบูรณ์ ไม่ให้ผู้ใดเข้ามาได้อีก เจ้าจะได้อยู่ที่นี่อย่างสงบไปนับพันนับหมื่นปีไง!’
กู้ซีจิ่วเบิกตามองเงาร่างของพวกเขาสามคนค่อยๆ ห่างไกลออกไป ในวินาทีนี้ หัวใจปานจะแตกสลาย!
จิตมารตนนั้นสวมบทบาทเป็นเธอได้เหมือนเกินไปแล้ว!
แถมยังใช้ร่างกายของเธอได้จริงๆ อาจเป็นเพราะคือจิตมารในชาติก่อนของเธอ หรือกล่าวอีกอย่างคือ เดิมทีนางก็คือตัวเธอในชาติก่อน…
นางที่เป็นเช่นนี้เข้ายึดครองร่างกายเธอแล้ว อย่าว่าแต่ตี้ฝูอีเลย ต่อให้เป็นตัวเธอกู้ซีจิ่ว หากว่าต้องประสบพบพานก็คงแยกไม่ออกเหมือนกัน!
ยิ่งไปกว่านั้นคือตี้ฝูอีเพิ่งเข้ามาถึงได้ไม่นาน ไม่คุ้นเคยกับทุกสิ่งในทะเลทรายเลย ไม่รู้อะไรสักอย่าง ถึงขั้นที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่แท้แล้วเป็นผู้ใดกันแน่ที่เล่นเล่ห์กับทะเลทรายแห่งนี้ ย่อมติดกับได้ง่ายดายยิ่ง…
หรือว่าเธอต้องอยู่ที่นี่ไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดไปตลอดกาลจริงๆ ส่วนจิตมารตนนั้นก็จะสวมร่างเธอ ครองคู่อยู่กินกับสามีเธอ เป็นมารดาของลูกๆ เธอ…
อนาคตเช่นนี้ช่างน่าสะพรึงโดยแท้ ทำให้เธอที่สุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดหวาดหวั่นจนสั่นเทาไปทั้งร่างแล้ว!
เธอกำมือแน่น เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เธอเหม่อมองสามคนพ่อแม่ลูกค่อยๆเดินห่างออกไป หัวใจเยียบเย็นไปด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินลงมา
วารีทมิฬเอ่อท้นขึ้นมาอีกครั้ง ท่วมมิดศีรษะเธอ ครั้งนี้เธอไม่ได้ก่อเขตแดนขึ้นมาแล้ว จมอยู่ด้านในอย่างไม่แยแสแล้ว วารีทมิฬเดือดพล่านลวกผิวกายของเธออีกครั้ง ความเจ็บปวดที่แสบร้อนนั้นทิ่มแทงเข้าไปในกระดูกอยู่ตลอด…
เธอเจ็บปวดจนทั้งร่างสั่นเทา ทว่าคร้านจะดิ้นรนแล้ว หากว่าเธอต้องถูกขังไว้ที่นี่ไปตลอดกาล เช่นนั้นไม่สู้ปล่อยให้วิญญาณของเธอแตกสลายไปจริงๆ เลยดีกว่า
เธอค่อยๆ มึนเบลอหนักขึ้น ความเจ็บปวดที่ราวกับจะถลกหนังแล่กระดูกนั้นไม่ได้ทำให้สติของเธอแจ่มใสเลย…
บางครั้งในชีวิตคนเราการร้องขอมีชีวิตอยู่นั้นยากเย็น แต่การร้องขอความตายกลับง่ายดายยิ่ง
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะเป็นซ่างเสิน ดวงวิญญาณกล้าแกร่ง ถึงขั้นที่ดวงวิญญาณสามารถหลอมร่างขึ้นมาได้อัตโนมัติ จะเลิศล้ำไม่ต่างไปจากร่างจริงเลย ถึงขั้นที่เธอจะไม่แก่ไม่ตาย แต่นั่นล้วนอยู่ในสภาวะที่ตัวเธอต้องการจะมีชีวิตอยู่
ต่อให้เป็นซ่างเสิน แต่หากว่าเธอหมายมุ่งหาความตาย นั่นก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นการกระตุ้นพลังยุทธ์ทำให้ดวงวิญญาณตัวเองแตกสลาย
บัดนี้หัวใจเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เกิดความปรารถนาจะตกตายไปอย่างไม่อาจห้ามได้ อยากจะทำให้ดวงวิญญาณแตกสลาย ไม่ต้องรับความทรมานทั้งเป็นอยู่ที่นี่ไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด…
‘ท่านแม่!’
‘ท่านแม่ อย่าทิ้งซวี่เยวี่ย...’
‘ท่านแม่ อย่ายอมแพ้นะ!’
ในตอนที่เธอกำลังจะโคจรวิชาสลายดวงวิญญาณ ระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่คล้ายจะได้ยินเสียงเรียกอยู่สองสามเสียง
เป็นเสียงบุตรชายบุตรสาวคู่นั้นของตน!
เสียงของตี้ซวี่เยวี่ยถึงขั้นที่เจือเสียงสะอื้นไห้ด้วยความตระหนกหวาดหวั่นเอาไว้ด้วย…
ส่วนเสียงของตี้เฮ่าก็ก้องอยู่ริมหูเธอดั่งระฆังยามรุ่งสาง ทำให้จิตใจเธอไหวสะท้าน!
เธอได้สติกลับมาในทันใด เหลียวมองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ พบว่าตนยังคงอยู่ในคุกวารี ไม่มีร่องรอยของตี้ซวี่เยวี่ยกับตี้เฮ่าเลย
————————————————————————————-