บทที่ 12 ปีศาจทะเล (2)
เสียงนั้นไม่ได้ดังเป็นพิเศษ แต่มันฟังดูราวกับว่าถูกพูดขึ้นข้าง ๆ หูของพวกมัน
ผู้นำปีศาจทะเลตกตะลึง “นั่นใคร ?”
“ข้าอยู่นี่ เจ้าไม่เห็นข้าหรือ ?”
เสียงเย็นเยือกลอยมายังเหล่าปีศาจทะเลจากข้างหลังของพวกมัน
เมื่อพวกมันหันไปก็พบเข้ากับชายหนุ่มถือดาบที่ยืนอยู่บนเกลียวคลื่น เคียงข้างเขามีอีก 2 คนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มผู้ค่อนข้างเกรี้ยวกราด และอีกคนเป็นหญิงสาวผู้สวยงามหยดย้อย
ที่จริงฝ่ายผู้หญิงนั้นไม่ได้สาวอีกต่อไปแล้ว นางเพียงบ่มเพาะไปจนถึงจุดที่นางสามารถรักษารูปลักษณ์ที่เยาว์วัยไว้ได้ก็เท่านั้น
ทว่าคงมีแต่ยอดฝีมือเท่านั้นที่จะมองออกได้
หญิงสาวกล่าว “นี่ เจ้าพวกคนน้ำ พวกเจ้าควรไปตายซะให้หมด”
นี่……
คนน้ำ ?
ปีศาจทะเลจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ และกระทั่งชายหนุ่มผู้ที่พูดก่อนหน้าก็ดูจะอับอายไม่น้อย “อย่าเสียเวลาพูดคุยกับพวกมันอีกเลย จับพวกมันก่อนแล้วจึงถามว่าจะไปที่นั่นได้อย่างไรก็แล้วกัน”
ไปที่นั่นได้อย่างไรงั้นหรือ ?
3 คนนี้หลงทางหรือ ?
หลงทางในทะเลและเข้ามาพบกับทะเลปีศาจ…. ร่องรอยของความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในสายตาของเหล่าเชียว
ไม่ว่ายังไงทั้ง 3 คนนี้ก็ดูพึ่งพาไม่ได้เลยสักนิด !
บางทีคนอื่น ๆ ก็อาจรู้สึกอับอายเล็กน้อยเช่นเดียวกัน พวกเขามองหน้ากันและกันก่อนจะชำเลืองมองหญิงสาวข้าง ๆ ราวกับว่าพวกเขากำลังโทษว่าสถานการณ์นี้คือความผิดของนาง
มันคงจะไม่เป็นไรหากนางเพียงแค่เป็นคนหลงทิศทาง แต่แล้วนางกลับยังยืนยันที่จะนำทางมาอีกด้วย
นางกำลังทดสอบความอดทนของพวกเขาอย่างหนัก !
หญิงสาวดูไม่แยแส และใบหน้าของนางก็ไม่มีสีแดงแม้แต่น้อย
สำหรับนางแล้ว การหลงทางนั้นถูกคาดการณ์ไว้แล้ว
ผู้นำปีศาจทะเลหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ถามทางหรือ ? พวกเจ้ากำลังจะไปไหนล่ะ ? ข้าจะได้ช่วยบอกทางให้”
“วิเศษ !” หญิงสาวขำคิกคัก เสียงหัวเราะของนางเป็นราวกับเสียงสั่นกระพรวน “พวกเราจะไปที่ทะเลมุกก่อน แล้วจึงไปเกาะพันมายา และสุดท้ายจึงไปยังทะเลฉกรรจ์……”
คำพูดหลั่งไหลออกมาจากปากของนางขณะที่ชายหนุ่มข้างหลังนางเอามือก่ายหน้าผาก
เยี่ยเฟิงหานไม่อาจทนได้อีกต่อไปและเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกพวกมันทั้งหมดนั่น”
“โอ้ จริงสิ” เยี่ยเม่ยแลบลิ้นออกมาและกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อย “ข้าพูดมากเกินไปอีกแล้ว”
เยี่ยเฟิงหานและฉางเหอตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน “พวกเราชินแล้วล่ะ”
ปีศาจทะเลตะลึงงัน “ทะเลมุก เกาะพันมายา ? พวกเจ้ากำลังตามหาเฮยเหยียนงั้นหรือ ?”
เยี่ยเฟิงหานและฉางเหอกล่าวขึ้นพร้อมกัน “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า !”
ปีศาจทะเลเผยยิ้มชั่วร้าย “หากเจ้าไม่พูด เราก็แค่ต้องจับพวกเจ้าก่อน”
เยี่ยเฟิงหานหัวเราะอย่างเยือกเย็น “มั่นใจจริงนะ ! ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
เขาไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้และหยิบดาบคมเหมันต์ระดับ 4 ออกมา ทำให้เกิดคลื่นลมเย็นเฉียบทะลวงลงไปยังเหล่าปีศาจทะเลในฉับพลันนั้นเอง !
ท่าทางของหัวหน้าปีศาจทะเลเปลี่ยนไปในทันใด “ด่านสู่พิสดาร ! ทุกคน ระวังตัว !”
แต่แทนที่จะถอยทัพ มันกลับเริ่มส่งเสียงขู่ฟ่อต่ำ ๆ ออกมา
แม้ว่าปีศาจทะเลจะไม่ได้อยู่ในด่านสู่พิสดารอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกมันก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว
เพราะพวกมันอยู่ในทะเลปีศาจ
นี่คือพื้นที่ของปีศาจทะเล
เมื่อเริ่มเห่าหอน อีกไม่นานพวกมันก็จะได้รับกำเสริมจากปีศาจทะเลอีกจำนวนมาก และพวกมันก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถยื้อเวลาไว้ได้
อย่างไม่มีใครคาดคิด ฉางเหอดึงเอาแผ่นหยกออกมาซึ่งหยุดลงในอากาศและเริ่มเปล่งแสง ก่อนความผันผวนที่ไร้รูปร่างเริ่มแผ่กระจายไปทุกทั่วทิศทาง และเสียงขู่ฟ่อของปีศาจทะเลเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะชนเข้ากับกำแพง นอกจากนั้นพวกมันยังเริ่มดังก้องและสะท้อนกลับไปเป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูง ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นต่างไม่สามารถต้านทานความต้องการในการใช้มืออุดหูของตนเองได้
สิ่งนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งคือนักดำน้ำใต้มหาสมุทรจะได้ยินเสียงและรีบขึ้นมายังผิวน้ำเช่นกันโดยรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นไม่ดีแล้ว
ฉางเหอหัวเราะ “เมื่อพวกเจ้าออกเดินทาง สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องระแวดระวังที่สุดคือโจรไร้ยางอายผู้จะเรียกหากำลังเสริมหากพวกมันจัดการเจ้าไม่ได้ การเดินทางนี้ของเราจะไม่มีประโยชน์เลยหากเราไม่รู้ว่าจะจัดการกับกลยุทธ์นั้นอย่างไร”
เยี่ยเฟิงหานชำเลืองมองเขา “ใช่ แต่ข้าสงสัยว่าใครกันที่ถูกไล่ล่าไปทั่วโดยผู้คนมากมายในคราวที่แล้ว”
ฉางเหอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ข้าแค่หละหลวมไปหน่อยครั้งเดียว เจ้าพูดถึงมันอยู่ได้ !”
“งั้นข้าก็พูดถึงไม่ได้แม้ว่าข้าจะช่วยเจ้าไว้งั้นหรือ ?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำมันบ่อยนักหรอกนะ อย่างไรพวกเราก็มาจากนิกายเดียวกัน……”
ทั้ง 2 คนเริ่มทะเลาะกันขึ้นมาจริง ๆ
เมื่อปีศาจทะเลเห็นว่าการเรียกกำลังเสริมของตนถูกกำจัดไป พวกมันจึงเริ่มเสียขวัญในทันที
เนื่องจากผู้จู่โจมของอีกฝ่ายกำลังโต้เถียงกัน พวกมันจึงพยายามจมลงไปใต้น้ำอย่างเชื่องช้า
เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังคิดที่จะหลบหนี
ศัตรูของพวกมันอยู่ในด่านสู่พิสดาร ปีศาจทะเลนั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ได้
แต่ในตอนนั้นเอง เยี่ยเฟิงหานก็ทุบลงบนผิวน้ำ “พยายามจะหนีหรือ ? เจ้าอยู่ที่นี่กับข้าแทนดีกว่านะ”
ผิวของทะเลที่หนาวเย็นอยู่แล้วเริ่มมีอุณหภูมิที่ลดฮวบลงในทันใดอีกครั้งหนึ่ง กระแสคลื่นรุนแรงหยุดนิ่งลงพร้อมรอยแตกร้าวขณะที่มันเริ่มแข็งตัว
ปีศาจทะเลจมลงไปได้เพียงครึ่งตัวเท่านั้นก่อนที่พวกมันจะถูกแช่แข็งไว้กับที่โดยสมบูรณ์
หัวหน้าปีศาจทะเลโกรธเกรี้ยว “อยากตายรึ !?”
มันเริ่มส่งเสียงขู่อีกครั้ง แต่รุนแรงกว่ามากในคราวนี้
น้ำภายใต้ชั้นน้ำแข็งเริ่มไหลวนและเกิดฟองอากาศอย่างเดือดพล่านขณะที่พุ่งขึ้นมายังผิวน้ำ
ปีศาจทะเลอีก 5 ตัวก็โจมตีในเวลาเดียวกันนั้น น้ำแข็งเริ่มแตกร้าวขณะที่น้ำข้างใต้ผิวน้ำกำลังหมุนวน ก่อให้เกิดเป็นปากขนาดมหึมาที่งับเอาฉางเหอและพรรคพวกลงไป
ปีศาจทะเลสามารถควบคุมสายน้ำได้อย่างไร้ที่ติ นั่นไม่สามารถปฏิเสธได้
เยี่ยเฟิงหานไม่ได้ชำนาญในการควบคุมน้ำ แต่เขาเก่งกาจในการจัดการกับมันไม่น้อยทีเดียว
เขากระแอมอย่างเยือกเย็น และร่างของหญิงคนหนึ่งที่ปล่อยรัศมีหนาวเหน็บจนถึงกระดูกก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา ใบหน้าของนางพร่ามัวและไม่อาจมองให้ชัดเจนได้ นางเป่าลมออกไปในอากาศทำให้กลุ่มคลื่นที่พัดเข้ามาใกล้ส่งเสียงแตกร้าวขณะที่พวกมันถูกแช่แข็งไว้นิ่ง ในพริบตาเดียวคลื่นเหล่านั้นก็กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งที่ถูกแช่ไว้บนผิวน้ำทะเล
เนื่องจากปีศาจทะเลชำนาญการควบคุมกระแสน้ำอย่างถึงที่สุด การกระทำของเยี่ยเฟิงหานจึงตัดขาดการเชื่อมต่อของพวกมันสู่มหาสมุทร
เมื่อมันเห็นเช่นนี้ ปีศาจทะเลที่ร่างจมลงไปครึ่งตัวก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดว่านี่เพียงพอแล้วหรือ? จงออกมา !”
เมื่อเขาแผดเสียงออกไป ผิวน้ำทะเลก็เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง
รัศมีหนาวเย็นของเยี่ยเฟิงหานไม่สามารถกดคลื่นยักษ์เหล่านี้ได้อีกต่อไป และผิวของทะเลก็แปรปรวนขึ้นอีกครั้ง
คลื่นลูกหนึ่งพลันก่อตัวสูงขึ้นเท่าคน 3 คนต่อกัน
ท่าทางของเยี่ยเฟิงหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ขึ้น !”
พวกเขาบินขึ้นไปในฟ้าด้วยกัน
แต่ในขณะเดียวกันกับที่บินขึ้นไปนั้น พวกเขาก็เห็นคนจำนวนหนึ่งผุดออกมาจากใต้น้ำเช่นกัน เป็นนักดำน้ำจากก่อนหน้านี้นั่นเอง แต่พวกเขาถูกส่งตรงออกมาโดยกลุ่มคลื่นที่เชี่ยวกราก
“ช่วยพวกเขา !” แม้ว่าปกติเยี่ยเม่ยจะไม่สามารถพึ่งพาได้มากนัก นางก็สามารถตั้งสติในสถานการณ์ที่เคร่งเครียดได้ ร่างของนางกะพริบขณะที่นางคว้าตัวหนึ่งในนักดำน้ำมา ฉางเหอก็เริ่มออกตัวเช่นกัน ทั้งคู่ต่างก็ปราดเปรียวยิ่งนัก พวกเขาจึงพุ่งเข้าไประหว่างคลื่นที่ซัดสูงขึ้น เข้าจับตัวเหล่านักดำน้ำและพาพวกเขาออกมายังที่ปลอดภัย
ฉางเหอคำราม “ออกไปจากที่นี่ ! เจ้าคิดว่านี่คือละครหรือไง ?!”
เหล่าเชียวกู่ร้อง “อีกหนึ่งคน มีอีกหนึ่งคนที่ยังไม่ขึ้นมา !”
ฉางเหอกำลังจะพูดก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเบา ๆ ยอดคลื่นเริ่มขยายใหญ่เมื่อสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมามากำลังมุ่งหน้ามาจากใต้ทะเลลึก
มันคือฉลามคลั่งเลือด
ฉลามคลั่งเลือดเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตดุร้ายที่อาศัยอยู่ในทะเลปีศาจ ตัวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามีขนาดยาวราว 27 จั้งและมันยังแข็งแกร่งพอ ๆ กับอสูรกายระดับสูงอีกด้วย
ไม่แปลกเลยที่ปีศาจทะเลเหล่านี้จะเชื่อว่าพวกมันสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารทั้งสามได้
ปีศาจทะเลทั้งหลายรับใช้อสูรทะเล รวมถึงหาอาหารให้พวกมันด้วย ในทางกลับกัน อสูรทะเลก็จะปกป้องปีศาจทะเลในเหตุวิกฤติเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ปีศาจทะเลทุกตัวที่จะรับใช้นายโดยตรง มีเพียงหัวหน้าของกลุ่มที่ถูกปกป้องโดยเจ้านาย ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่ปีศาจทะเลกลุ่มนี้จะร้องขอกำลังเสริม
เมื่อฉลามคลั่งเลือดปรากฏกายขึ้น เหล่าเชียวก็เริ่มตาลีตาเหลือกชี้ไปยังหลังของฉลามตัวนั้นขณะที่เขาตะโกน “เหล่าเจ็ด ! นั่นเหล่าเจ็ดที่ห้อยอยู่บนหลังมัน”
แน่นอนว่ามีใครคนหนึ่งห้อยอยู่บนหลังของฉลามคลั่งเลือด
ด้วยสักวิถีทาง เขายังมีชีวิตอยู่ และกำลังเกาะอยู่บนหลังของฉลามยักษ์ขณะที่เขาเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา
“ข้าจะไปช่วยเขา !” ร่างของฉางเหอกลับกลายเป็นสายลมเมื่อเขาพุ่งตัวออกไปยังฉลามคลั่งเลือด
“ระวัง !” เยี่ยเฟิงหานตะโกนไล่หลัง
แต่ฉางเหอก็ไปไม่ถึงตัวของฉลามคลั่งเลือดเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงเลือดในร่างกายที่เสียการควบคุมและเริ่มหลั่งไหลออกมาจากร่างตน
ฉลามคลั่งเลือดได้รับชื่อนี้ไม่เพียงเพราะความกระหายเลือดของมัน แต่ยังเป็นเพราะความสามารถแต่กำเนิดของมันในการควบคุมโลหิตของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มันสามารถทำให้เลือดของใครบางคนบ้าคลั่งและพุ่งออกมาจากในร่างกายได้
ใช่แล้ว สิ่งมีชีวิตนี้มีร่างกายที่แข็งแกร่งและเขี้ยวฟันที่แหลมคม แต่ความสามารถที่น่าเกรงกลัวที่สุดของมันคือการควบคุมเลือดในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ของมัน
วิธีการที่จะต้านทานต่อพลังของมันนั้นง่ายมาก มันคือการเป็นผู้แข็งแกร่ง
ยิ่งคนคนนั้นแข็งแกร่งเพียงไร พวกเขาก็จะยิ่งต้านทานต่อพลังของฉลามคลั่งเลือดได้มากขึ้นเท่านั้น
ฉางเหอนั้นมีระดับพลังใกล้เคียงกับฉลามคลั่งเลือด แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขานั้นต่างออกไป
ฉางเหอเป็นคนขี้เกียจไม่น้อยและไม่ชอบการบ่มเพาะฝึกฝนที่ขมขื่น เขาจึงเลือกเส้นทางอื่นแทน เขาว่องไวเป็นอย่างมากและยังครอบครองกลอุบายแปลก ๆ มากมายหลายชนิด เขาเพียงแค่ปฏิเสธที่จะพยายาม แม้ว่าเขาจะรู้วิธีการใช้ฝ่ามือคลื่นระห่ำและสุเมรุสูญ มีลักษณ์ประเภทความเร็ว และมีเครื่องมือต้นกำเนิดที่ดียิ่งกว่าเยี่ยเฟิงหาน เขาก็ไม่สามารถเอาชนะเยี่ยเฟิงหานได้
และแม้ฉลามคลั่งเลือดตัวนี้จะเป็นเพียงอสูรกายระดับสูงเท่านั้น แต่มันก็แข็งแกร่งไม่น้อยสำหรับระดับนั้น และทักษะแต่กำเนิดของมันยังรับมือได้ยากกว่าอย่างแน่นอน !
ระหว่างการปะทะนั้น ฉางเหอพบว่าเขาไม่สามารถลบล้างทักษะต้นกำเนิดของฉลามตัวนี้แต่ได้เพียงลดทอนผลของมันลดเท่านั้น แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมเลือดและพลังปราณในร่างกายอย่างเต็มกำลัง เลือดของเขาก็ยังคงเริ่มซึมผ่านผิวหนังออกมา ทำให้เขาแสดงท่าทางหวาดผวาอย่างรุนแรง
เยี่ยเฟิงหานหวาดกลัวเป็นอย่างมากและเล็งดาบของเขาไปยังเจ้าฉลามคลั่งเลือด
แต่ในตอนที่เขาโจมตีนั้นเอง คลื่น 6 ลูกก็พุ่งสูงขึ้นตรงหน้าของเขา คลื่น 2 ลูกในนั้นพุ่งตรงมายังเขาในขณะที่อีก 4 ลูกกำลังมุ่งหน้าไปยังเหล่าเชียวและพรรคพวก
เยี่ยเฟิงหานทำได้เพียงแยกดาบของเขาออกเป็น 6 ร่างเพื่อหยุดยั้งเกลียวคลื่นเหล่านั้น
เขาสามารถแยกร่างดาบของเขาออกได้มากยิ่งกว่านี้เพื่อพยายามโจมตีฉลามคลั่งเลือดในเวลาเดียวกัน แต่ด้วยความทรงพลังของมันแล้วก็ดูมีแนวโน้มไม่น้อยที่ร่างแยกดาบของเขาจะไม่ส่งผลกับฉลามคลั่งเลือดมากอยู่ดี
ดังนั้นแล้ว เขาจึงได้แต่ตะโกน “เยี่ยเม่ย ไปช่วยพวกเขา !”
“เข้าใจแล้ว !” ในวินาทีวิกฤตนี้ หญิงสาวคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง นางบินตรงไปยังฉลามคลั่งเลือดและต่อยมัน ก่อนที่ร่างของนางจะกะพริบไปยังอีกฝั่งของฉลามโดยทิ้งแผลยาวเหยียดไว้บนหลังของมัน
เจ้าฉลามคลั่งเลือดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และแรงดันที่กดบนฉางเหอก็ลดฮวบลง
“เป็นไงล่ะ ? วิชาสังหารล่องหนของข้าน่าประทับใจทีเดียวใช่ไหมล่ะ ?” เยี่ยเม่ยกล่าวอย่างรื่นเริง
“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ไปช่วยคนอื่น ๆ ด้วย” ฉางเหอกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“เข้าใจแล้ว” เยี่ยเม่ยเริ่มเคลื่อนกายต่อทันที
ในเรื่องของความเร็ว นางว่องไวยิ่งกว่าฉางเหอเสียอีก ในเสี้ยววินาที นางก็ปรากฏกายขึ้นข้างเหล่าเจ็ด
“เจ้ามากับข้า” เยี่ยเม่ยคว้าเขาไว้
ขณะที่นางกำลังจะพาเขาออกมานั่นเอง ลูกเรือคนหนึ่งก็เอื้อมมาคว้ามือของเยี่ยเม่ยไว้ ทำให้นางตกใจ
จังหวะที่เยี่ยเม่ยยังคงตกใจ ลูกเรือคนนั้นก็ได้พุ่งตรงมาที่คอของนางแล้ว !