ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 16 พบกันอีกครั้ง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

หวงฝู่อี้เซวียนส่งเสียงอืม ก่อนจะก้าวเท้าเดินอย่างหนักแน่นไปนั่งที่เก้าอี้ เอ่ยถามเสียงเรียบ “เกิดเรื่องอันใดหรือ” 

 

 

เมิ่งชิงมองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว แต่เมื่อเห็นนางเอาแต่ก้มหน้าจิบชา เหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว ก็หันกลับมาตอบอย่างตรงไปตรงมา “พี่เขย คนที่บ้านเกิดของข้ามาแล้ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว น้ำเสียงเจือไปด้วยความไม่สบอารมณ์ “พูดให้ชัดเจนหน่อย อันใดคือคนที่บ้านเกิดมาแล้ว” 

 

 

เมิ่งชิงกำมือทั้งคู่แน่นโดยไม่รู้ตัว ขยับปาก เอ่ยเสียงเบาว่า “คนตระกูลหลี่มาแล้ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยังคงไม่เข้าใจ “คนตระกูลหลี่เช่นนั้นหรือ” 

 

 

ชำเลืองมองเมิ่งชิงที่ตัวเกรงไปครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบายด้วยความหวังดีว่า “แม่ของชิงเอ๋อร์กับญาติสายนอก” 

 

 

เมิ่งชิงอ้าปากคิดจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ญาติสายนอกของตน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยออกมา 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงขมวดคิ้วเป็นปม “ครอบครัวตระกูลหลี่เข้าเมืองมาได้อย่างไรกัน” 

 

 

“น่าจะได้ยินข่าวลือตอนที่พวกเรากลับบ้านเกิดไปกราบไหว้บรรพบุรุษ จากนั้นก็มีคนยุยงให้มาเมืองหลวง คิดอยากจะประโยชน์จากตัวชิงเอ๋อร์” 

 

 

“ประโยชน์อันใด” 

 

 

“เศรษฐีหวังที่เป็นผู้ซื้อตัวหลี่ชุ่ยฮวาเอาไว้ในภายหลัง คิดอยากจะพึ่งพาชิงเอ๋อร์ให้หาตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวงให้กับหลานทั้งสองคนของเขา” 

 

 

ในน้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความเสียใจ หวงฝู่อี้เซวียนมองนางอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมหรือ ไม่สะใจเช่นนั้นหรือ” 

 

 

สามีภรรยาย่อมรู้ใจกัน เขาย่อมรู้ดีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเสียใจเรื่องอันใด คงไม่พ้นเรื่องที่ไม่ได้จัดการคนพวกนั้นอย่างสาสมใจ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องราววันนี้ที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมตามความจริงให้เขาฟังทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนผงกศีรษะ เป็นการแสดงว่าเข้าใจ และมองไปทางเมิ่งชิง พร้อมกับเอ่ยถามว่า “เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป” 

 

 

เมิ่งชิงตอบโดยไม่ต้องคิด “ข้าไม่มีทางยอมรับแน่ หากพวกเขายังรังควานไม่เลิก ข้าก็จะไม่เกรงใจอีก” 

 

 

“คิดดีแล้วหรือ” 

 

 

เมิ่งชิงผงกศีรษะอย่างแรง 

 

 

“หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็กลับไปเถอะ บอกคนที่บ้านเจ้าว่าอย่าได้กังวล เรื่องนี้ข้ากับเมิ่งเชี่ยนโยวจะจัดการเอง ต่อไปหากไม่มีธุระอันใด อย่ามารบกวนพวกเราอีก” 

 

 

ประโยคนี้ของหวงฝู่อี้เซวียนนั้นชัดเจนมาก เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง 

 

 

ในตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน นางตั้งครรภ์อยู่ สำหรับเรื่องบนเตียง หวงฝู่อี้เซวียนจึงไม่กล้าแตะต้องนางมาก หลังจากนั้นเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับนาง จึงไม่กล้าแตะต้องนางเช่นกัน พอคลอดลูกเสร็จ ดูแลบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์แล้ว หมอนี่ก็เหมือนสัตว์ร้ายที่คอยจะผูกรัดตัวนางเอาไว้ที่เอวเขาตลอดเวลา นอกจากเข้าวังแล้ว เวลาที่เหลือก็ตัวติดกับนาง แม้แต่คนที่บ้านนางมาหาก็ยังต้องเลือกช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่ มิเช่นนั้นจะแสดงสีหน้าดำทะมึนเหมือนก้นหม้อ 

 

 

เมิ่งชิงอยากจะออกจากจวนที่เย็นยะเยือกแห่งนี้จนแทบจะทนไม่ไหว เมื่อคำนับและกล่าวคำอำลาแล้ว ก็แทบจะหมุนกายวิ่งออกจากเรือนไป 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่เห็นเงาหลังของเขาก็รู้สึกน่าขัน “ท่านทำให้พวกเขาตกใจกลัวกันไปหมดแล้ว” 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ตอบ แต่ตบลงไปที่ตักของตนเอง เป็นการสื่อให้นางมานั่งบนตัก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผงกศีรษะยิ้มๆ ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าเขาแล้วนั่งลง เอามือทั้งคู่โอบไปที่ลำคอเขา 

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากอ่อนนุ่มของนาง จวบจนจะหายใจไม่ออก จึงได้คลายออก พร้อมกับหอบหายใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องสนใจแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวผงกศีรษะ ยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์ 

 

 

หลายวันผ่านไป หวงฝู่อี้เซวียนไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เศรษฐีหวังและคนตระกูลหลี่ก็อยู่แต่ในโรงเตี๊ยมโดยไม่ออกไปที่ใด หลังจากจั่งกุ้ยอกสั่นขวัญแขวนมาหลายวัน เห็นว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น ก็ค่อยๆ สบายใจขึ้น ขอเพียงแค่พวกเขาไม่ไปมีเรื่องกับพระชายาซื่อจื่อ อยากอยู่นานเท่าใดก็อยู่ ถึงอย่างไรตนก็เปิดโรงเตี๊ยม มีเงินให้หา ถ้าไม่หาก็เสียเปล่า 

 

 

แต่หลี่ชุ่ยฮวากลับอดทนรอต่อไปไม่ไหว หลังจากวันที่ได้พบกับชิงเอ๋อร์ นางเฝ้ารอคอยให้ชิงเอ๋อร์มาหาตลอด แต่ผ่านมาหลายวันแล้ว เมิ่งชิงก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นางกระวนกระวายใจ คิดแต่ว่าเมิ่งชิงไม่ยอมรับแม่คนนี้แล้วจริงๆ ยิ่งคิดเช่นนี้ก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ วันนี้หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ นางก็มาที่ห้องของเศรษฐีหวัง คุกเข่าอ้อนวอน “นายท่าน ขอร้องท่านเถอะนะเจ้าคะ ให้คนพาข้าไปหาชิงเอ๋อร์เถอะ ไม่ได้พบหน้าเขาหลายวัน ข้าคิดถึงเหลือเกิน” 

 

 

นี่เป็นเวลาที่เศรษฐีหวังรอคอย แม้ในใจจะมีความสุขราวกับดอกไม้ผลิบาน แต่ใบหน้ากลับขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะไม่หยุด “คงจะไม่ได้ ข้าเองก็รู้เหตุการณ์ในวันที่เจ้าได้พบกับเมิ่งชิง ดูจากท่าทีของเขาแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมรับพวกเจ้าสักนิด พวกเราก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะเดินทางกลับในอีกสองวัน” 

 

 

กลับไปแล้ว ก็ต้องใช้ชีวิตที่มืดมนแบบเดิมต่อไป หลี่ชุ่ยฮวาจะยอมได้เช่นไร โขกศีรษะดังโป๊กๆ หลายทีลงกับพื้น “นายท่าน ท่านฟังข้าพูดก่อนนะเจ้าคะ อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นแม่บังเกิดเกล้าของเขา เขาไม่มีทางไม่ยอมรับข้าหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี เขาจึงยังรับไม่ได้เท่านั้นเอง ท่านให้โอกาสพวกเราแม่ลูกอีกครั้งเถอะนะเจ้าคะ ชิงเอ๋อร์ต้องยอมรับข้าอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” 

 

 

“เช่นนี้นี่เอง…” 

 

 

เศรษฐีหวังลูบเครา ก้มหน้าครุ่นคิดไม่พูดไม่จา 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มองดูเขาอย่างมีความหวัง 

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ เศรษฐีหวังก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลือก “เอาเถอะ” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาดีใจมาก กำลังจะโขกศีรษะขอบคุณ แต่เสียงของเศรษฐีหวังก็ดังขึ้นเหนือศีรษะนาง “แต่ว่า ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่สามารถทำให้เมิ่งชิงยอมรับได้ พวกเราจะกลับบ้านทันที” 

 

 

“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวารีบโบกมือ และเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “นายท่านวางใจได้เจ้าค่ะ ชิงเอ๋อร์จะต้องยอมรับข้าอย่างแน่นอน” 

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ จะให้ดีเจ้าก็อย่ารีบร้อนเกินไป ข้าจะให้คนไปจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่อยไป” 

 

 

หลี่ชุ่ยฮวาชะงักไปเล็กน้อย ถามอย่างไม่ยินยอมด้วยความระมัดระวังว่า “แล้ว แล้วเมื่อใดหรือเจ้าคะ” 

 

 

“วางใจเถอะ ช้าสุดก็วันพรุ่งนี้” 

 

 

คราแรกคนตระกูลหลี่ขวางเมิ่งชิงระหว่างไปค่ายทหาร ในครั้งนี้จะใช้วิธีเดิมไม่ได้ เศรษฐีหวังให้คนไปสืบมาเงียบๆ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเมิ่งชิง เมื่อถึงเวลานี้ทุกครั้ง เขาจะต้องไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวที่จวนอ๋องฉี การขวางเขาเอาไว้ให้ยอมรับมารดาบนถนนที่มีผู้คนสัญจรไปมานั้นดีที่สุด 

 

 

ในวันรุ่งขึ้น เป็นวันหยุดของเมิ่งชิงจริงๆ หลังจากกินข้าวเช้าที่จวนเสร็จ เมิ่งชิงก็ควบม้าไปจวนอ๋องฉีเหมือนดังเช่นในวันหยุดทุกๆ ครั้ง เพื่อเรียนวรยุทธกับหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

ผู้คนบนถนนในเมืองหลวงมากมาย ไม่เหมือนนอกเมืองที่ผ่านไปครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็นเงาคนแม้แต่ผู้เดียว เมิ่งชิงผ่อนฝีเท้าม้าให้เดินช้าลง และขี่ม้าชื่นชมบรรยากาศข้างทางไปพลาง เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้เข้ากองทัพจึงไม่เคยรู้ แต่ในยามนี้ได้เข้าร่วมกองทัพแล้ว ทุกวันล้วนไปกลับระหว่างค่ายทหารและหมู่บ้านนอกเมืองที่ไม่มีวิวทิวทัศน์อันใด ถึงได้รู้ว่าเดินถนนในเมืองหลวงก็สามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์ได้ไม่น้อย 

 

 

เมิ่งชิงพลางเดิน พลางชื่นชม ในบางครั้งหากเห็นของเล่นแปลกประหลาดอะไร ก็จะหยุดม้าลงมาซื้อไว้ให้หลานสาวตัวน้อยทั้งสองคน 

 

 

ทันใดนั้นเอง หลี่ชุ่ยฮวาก็พุ่งตัวเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหน้าม้าของเขา ร้องไห้สะอื้นว่า “ชิงเอ๋อร์ ในที่สุด แม่ก็ได้พบเจ้าแล้ว”