“ใช่ สหายหานพูดมีเหตุผล” จินชาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะหึๆ ออกมา

“ในเมื่อสหายทุกท่านอยากรู้สถานการณ์ของจุดผนึก ย่อมได้อยู่แล้ว ทว่าความจริงแล้วสถานการณ์ที่แท้จริงของทางนั้นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างพวกเรารู้เพียงคร่าวๆ เท่านั้น สถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมยามนี้ก็ยังไม่แน่ชัด” หญิงสาวสวมชุดชาววังครุ่นคิดเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะพยักหน้าตอบรับ

“รู้แค่คร่าวๆ นี่มันเรื่องอันใด? พวกเจ้าไม่รู้อยู่แล้วว่าที่จุดผนึกเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็ต้องไม่เคยตรวจสอบสถานการณ์ของทางนั้นตามข่าวลือ” ชายร่างใหญ่หัวโล้นมีสีหน้าเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีไม่พอใจ

“พี่จินเข้าใจผิดแล้ว หลังจากที่จุดผนึกเกิดอุบัติเหตุ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างพวกเราก็ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นกลับเป็นเพราะข่าวที่ส่งมาจากจุดผนึกก่อนจะเกิดเรื่อง” บรรพชนเซี่ยเหลียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างเจ็บปวด

“ข้าบอกแล้วว่าที่จุดผนึกมีสหายระดับเดียวกันที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายเพียงนั้น จะไม่ส่งข่าวมาเลยสักนิดได้อย่างไร” จินชาได้ยินกลับเผยรอยยิ้มออกมา

“พี่จินอย่าดีใจเร็วเกินไปนัก ข่าวนี้เป็นข่าวที่สหายหยวนเหยี่ยนใช้เคล็ดลับวิชาส่งมาอย่างลวกๆ บอกแค่ว่าที่จุดผนึกเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน มารดาแมลงดูเหมือนจะออกมาจากผนึกโบราณก่อนกำหนด และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าใช้วิธีการใด กลับควบคุมพลังส่วนหนึ่งของผนึกได้ แล้วกักพวกที่ล่วงหน้าไปไว้ในผนึก ทว่าความจริงแล้วมารดาแมลงก็ไม่นับว่าออกจากการควบคุมของผนึกได้อย่างแท้จริง ยังถูกเขตอาคมต้องห้ามของจุดผนึกกดไว้อยู่ ไม่อาจออกจากแดนนั้นได้ง่ายๆ แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะพลังของแมลงเสียหายไปมาก จึงจำใจต้องเข้าสู่ภวังค์หลับใหล ยามนี้แมลงพิษที่ปรากฏตัวในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือแมลงที่ถูกกลิ่นอายของมารดาแมลงซึ่งแผ่ออกมาอย่างหลับใหลโดยไม่ได้ตั้งใจถึงได้ปรากฏตัวขึ้น” หญิงสาวสวมชุดชาววังเอ่ยข่าวที่รู้ออกมาทีละคำๆ

“เช่นนั้นสหายกองทัพเสริมจากแดนอื่นของพวกเราก็ถูกกักอยู่ในจุดผนึกของเซียนโบราณพร้อมกับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของแดนเจ้า คาดไม่ถึงว่าผนึกโบราณจะน่ากลัวเพียงนี้ แค่พลังส่วนหนึ่งก็สามารถกักสหายระดับเดียวกันได้จำนวนมากเพียงนี้” จินชาสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตกตะลึง

“น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง ข่าวนี้เป็นข่าวเพียงข่าวเดียวที่ส่งออกมาจากจุดผนึก และเป็นข่าวสุดท้าย จากนี้ก็ไม่มีข่าวอันใดส่งมาอีก ดูแล้วก่อนที่มารดาแมลงจะหลับใหลไปคงทำอันใดเอาไว้ ทำให้เคล็ดลับวิชาเดิมของสหายหยวนเหยี่ยนไม่เป็นผล” เซี่ยเหลียนตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด

“สหายเซี่ยเหลียนยังมีอันใดจะพูดอีกหรือไม่! หากกล่าวตามที่พูดมาบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างพวกเจ้าก็น่าจะเคลื่อนไหวตั้งนานแล้ว เหตุใดต้องรอนานขนาดนี้ถึงจะคิดมารวมตัวกัน และยิ่งไปกว่านั้นข้ายังไม่ได้ยินเลยว่าจะช่วยสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเราและผนึกมารดาแมลงไว้อีกครั้ง เหตุใดถึงไม่อาจทำทั้งสองเรื่องพร้อมกันได้” หานลี่ลูบใต้คางแล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ

“สหายหานรู้หรือไม่ว่าคนที่ได้ข่าวจากจุดผนึกคนแรกคือผู้ใด?” เซี่ยเหลียนได้ยินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมพลางย้อนถาม

“ผู้ใด? คงเป็นหนึ่งในบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโลกภายนอกของพวกเจ้าสินะ!” หานลี่แววตาเปล่งประกาย แล้วตอบกลับอย่างแช่มช้า

“หึ ก็คือสหายที่เจ้าจำผิดเป็นข้าในตอนแรกผู้นั้น” เซี่ยเหลียนแค่นเสียงอย่างเย็นชาขณะเอ่ย

“เป่าฮวา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนาง” หานลี่ระงับความตกตะลึงเอาไว้

“ใช่แล้ว ตอนแรกข่าวของจุดผนึกถูกถ่ายทอดมาจากพี่สาวแท้ๆ ของข้า พวกของหยวนเหยี่ยนคงคิดว่าในโลกภายนอกมีเพียงเป่าฮวาผู้ซึ่งเป็นบรรพชนแรกเริ่มถึงจะมีวิธีช่วยพวกเขาได้กระมัง” หญิงสาวสวมชุดชาววังตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เช่นนั้น ผู้ที่ชักจูงให้พวกเจ้าเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวตอนและ และบอกว่าเรื่องผนึกมารดาแมลงและช่วยสหายคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ทำพร้อมกันไม่ได้ก็คือสหายเป่าฮวา” หานลี่ขมวดคิ้วมุ่น ชั่วครู่ถึงได้เอ่ยถามอย่างมีแผนการณ์

“ดูแล้วสหายหานคงรู้จักพี่น้องร่วมท้องของข้าเป็นอย่างดี ใช่แล้ว ตอนนั้นเป็นนางที่เรียกรวมบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่อย่างพวกเรา และนำข่าวที่หยวนเหยี่ยนส่งมาๆ แสดงให้พวกเราดู และยืนยันว่าเป็นความจริงไม่ผิดแน่ มิเช่นนั้นยามนี้นางไม่ใช่บรรพชนแรกเริ่มของแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเราจะฟังคำสั่งนางง่ายๆ ได้อย่างไร ตามที่นางพูดข่าวส่วนสุดท้ายที่หยวนเหยี่ยนส่งมาเป็นส่วนที่เลือนรางที่สุด น่าจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเป็นพลังผนึกที่มารดาแมลงควบคุมได้และใช้กักพวกเขาเอาไว้ เพราะยังไม่เสถียร จึงน่าจะมีช่วงเวลาหมุนเวียนกลับมา ยี่สิบสามสิบปีต่อมาถึงได้เป็นช่วงเวลาที่พลังผนึกอ่อนแอที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เขตอาคมต้องห้ามของมารดาแมลงตัวนั้นแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นไม่ว่าผนึกมารดาแมลงตัวนั้นอีกครั้ง หรือว่าช่วยพวกของหยวนเหยี่ยน ก็น่าจะได้ผลคุ้มค่า ส่วนเหตุใดทั้งสองถึงทำพร้อมกันไม่ได้ กลับเป็นความคิดของเป่าฮวา เพราะหลังจากที่นางได้ข่าวจากหยวนเหยี่ยน ก็แอบเข้าไปตรวจจสอบในจุดผนึกผ่านทะเลแมลงอย่างเงียบๆ ถึงได้ผลสรุปเช่นนั้น ส่วนจะเป็นความจริงหรือไม่ กลับต้องให้สหายทุกท่านตัดสินด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราก็คิดว่าน่าจะเป็นความจริง ถึงอย่างไรพวกเราก็เคยผลัดเวรยามเฝ้าจุดผนึก จึงรู้จักผนึกโบราณนั่นเป็นอย่างดี แม้ว่าเป่าฮวาจะมีอิทธิฤทธิ์มากมาย แต่คิดจะปกปิดหูตาของพวกเรา กลับไม่อาจเป็นไปได้ และยิ่งไปกว่านั้นพวกเราเองก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดเป่าฮวาต้องทำเช่นนี้ ถึงอย่างไรเสียนางก็คือสมาชิกของแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจเมินเฉยอันตรายของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้” ในที่สุดเซี่ยเหลียนก็เอ่ยทุกอย่างออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา

จินชาและชายร่างใหญ่ผมเผ้ายุ่งเหยิงที่อยู่ด้านข้างฟังจนมาถึงยามนี้ ก็อดที่จะมองสบตากันไม่ได้ ล้วนมองแววตาตกตะลึงจากแววตาของอีกฝ่ายออก

เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เซี่ยเหลียนพูดออกมา อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทั้งสองคน ทำให้พวกเขาต้องขบคิดให้อีก

กลับเป็นหานลี่ที่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย

“สิ่งที่สหายเป่าฮวาพูด ดูแล้วคงไม่ผิดนัก ทว่าในเมื่อสหายเป่าฮวาเสี่ยงอันตรายไปตรวจสอบที่จุดผนึกได้ ข้ากลับไม่เชื่อว่าสหายเซี่ยเหลียนและพวกไม่คิดจะไปตรวจสอบที่จุดผนึก”

“หากไปตรวจสอบสถานการณ์ที่จุดผนึกได้ด้วยตัวเอง ต่อให้อยู่ภายนอกไม่อาจเข้าไปได้ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในโลกภายนอกอย่างพวกเราย่อมต้องยอมเสี่ยงแน่ แต่สิ่งที่สหายไม่รู้ก็คือการเข้าไปตรวจสอบของเป่าฮวาในครั้งนั้นไปกระตุ้นความระแวดระวังของมารดาแมลง แม้ว่าแมลงตัวนี้จะกำลังหลับใหล แต่ทะเลแมลงที่ล้อมอยู่ด้านนอกก็เพิ่มขึ้นว่าตอนแรกมากกว่าสิบเท่า และยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในนั้นยังมีแมลงพิษที่น่ากลัวมากอีกส่วนหนึ่ง แม้แต่บรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราพบเข้าก็จำใจต้องถอยไปสามฉื่อ ไม่กล้าพัวพันใดๆ กับพวกมัน ดังนั้นพวกเราจึงมีใจแต่ไร้กำลังจะไปตรวจสอบจุดผนึกได้” เซี่ยเหลียนหน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาขณะเอ่ย

“สิ่งที่ทำให้ระดับมหายานไม่กล้าวุ่นวายได้ หรือว่าจะเป็นแมลงพิษระดับสูงที่เหนือกว่าระดับผสานอินทรีย์” จินชาฟังจนมาถึงยามนี้ก็อดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

“ไม่ใช่ เป็นแมลงพิษกลายพันธุ์ขนาดไม่ถึงสองสามชุ่นตัวสีแดงโลหิต แมลงพิษชนิดนี้ไม่เคยปรากฏตัวในสถานที่อื่นของแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มีเพียงทะเลแมลงรอบๆ จุดผนึก และยิ่งไปกว่านั้นยังมีจำนวนน้อยมาก น่าจะมีไม่ถึงพันตัว” เซี่ยเหลียนสั่นศีรษะขณะเอ่ย

“หรือว่าแมลงพิษชนิดนี้เทียบเท่ากับระดับมหายานได้? มิเช่นนั้นจำนวนเท่านั้น เหตุใดถึงทำให้พวกเราหวาดกลัวเพียงนี้” ดวงตาทั้งสองข้างของจินชาเบิกกว้าง และเอ่ยถามอย่างตกตะลึงเล็กน้อย

“ไม่ใช่ จากกลิ่นอายของแมลงวิญญาณชนิดนี้ระดับอยู่แค่ระดับหลอมสูญเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นยังมีอิทธิฤทธิ์แค่สองชนิดเท่านั้น แต่สองชนิดนี้ก็ทำให้สหายทั้งสองที่เคยลองบุกเข้าไปในทะเลแมลงได้รับบาดเจ็บหนักในเวลาเดียวกัน จนเกือบจะเพลี้ยงพล้ำไปในทะเลแมลง ทำให้พวกเราไม่กล้าทดลองง่ายๆ อีก” เซี่ยเหลียนมุมปากกระตุกสองครั้ง แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น

“อิทธิฤทธิ์สองชนิดทำให้บรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเจ้าหวาดกลัวถึงเพียงนี้! อยากให้สหายชี้แนะจริงๆ” หานลี่ฟังจนมาถึงยามนี้รูม่านตาก็อดที่จะหดเล็กลงไม่ได้

“ง่ายมาก สิ่งหนึ่งคือเคลื่อนย้าย สิ่งหนึ่งคือระเบิดตัวเอง!” เซี่ยเหลียนตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“เคลื่อนย้าย ระเบิดตัวเอง!” ชายร่างใหญ่หัวโล้นใจหายวาบ และเผยสีหน้าเข้าใจแล้วออกมา

หานลี่ฟังเสร็จก็มีสีหน้าแปลกประหลาด แต่ก็เอ่ยอย่างแช่มช้า

“อิทธิฤทธิ์สองชนิดนี้ เกรงว่าคงไม่เหมือนกับอิทธิฤทธิ์ธรรมดาๆ มิเช่นนั้นคงไม่อาจบีบสิ่งมีชีวิตระดับมหายานให้ล่าถอยไปได้”

“ใช่แล้ว การเคลื่อนย้ายของแมลงพิษโลหิตชนิดนี้ทำให้ผู้คนไม่อาจหลบหลีกได้ เมื่อถูกมันพบเข้าครู่ต่อมาก็จะปรากฏตัวใกล้แค่คืบ ไม่ว่าสมบัติชนิดใดก็ไม่อาจทะลวงเกราะป้องกันของมันได้ และหากแมลงตัวนี้ระเบิดตัวออก ไม่ว่าเคล็ดวิชาและสมบัติชนิดใดก็ไม่อาจป้องกันมันได้ ทำได้เพียงใช้กายเนื้อต้านทานตรงๆ เท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โชคร้ายที่สุด สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือหากถูกแมลงตัวนี้ระเบิดตัวเอง จิตวิญญาณของพวกเราจะถูกแปดเปื้อนโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ร่างแยกทั้งหมดที่อยู่ตามจุดต่างๆ ก็ได้รับบาดเจ็บพร้อมกัน แม้กระทั่งร่างแยกที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งนักก็อาจจะเพลี้ยงพล้ำไปในทันที” เซี่ยเหลียนมีสีหน้าเหยเกพลางอธิบาย

“แม้แต่จิตวิญญาณร่างแยกก็ถูกแปดเปื้อน?” ชายร่างใหญ่หัวโล้นร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้ง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

หานลี่ได้ยินก็รู้สึกจิตใจหนักอึ้งถึงขีดสุด

“ยามนี้เหล่าสหายรู้ความน่ากลัวของแมลงชนิดนี้แล้ว ตั้งแต่ที่เป่าฮวาตรวจสอบจุดผนึก ต่อมาก็ถูกสยบด้วยอานุภาพของแมลง ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าไปในทะเลแมลงอีก” เซี่ยเหลียนพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา

จนถึงยามนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ดูออกว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซี่ยเหลียนและเป่าฮวาดูเหมือนว่าจะไม่ถูกกัน

“หากแมลงพิษที่ปรากฏตัวขึ้นไม่น่ากลัวเพียงนี้ หากพวกเจ้าร่วมตัวกัน หรือว่าหาวิธีต่อกรกับแมลงตัวนี้ได้แล้ว?” หานลี่ขบคิดชั่วครู่แล้วพลันเอ่ยถาม

“หึ พี่หานช่างชาญฉลาดนัก สาเหตุที่พวกเราจะเคลื่อนไหวหลังจากนี้ ประการแรกก็เพราะรวบรวมผู้แข็งแกร่งที่มาจากแดนอื่นได้อย่างพี่จินและพี่หาน ทำให้พวกเรามีโอกาสชนะมากขึ้น ประการที่สองก็เพราะรอเป่าฮวาหลอมสมบัติที่ใช้ต่อกรกับการระเบิดตัวเองของแมลงพิษโดยเฉพาะสองชิ้น ตามที่เป่าฮวากล่าวมีสมบัติสองชิ้นนี้ก็น่าจะต่อกรกับการระเบิดตัวเองของแมลงพิษชนิดนี้ได้แล้ว” เซี่ยเหลียนแค่นเสียงหึขณะตอบ