บทที่ 1845 พวกเรามีลูกชายด้วยกันไหม
“ผู้อาวุโสสาม ที่มาของพี่เสิ่นเป็นยังไง ก็ไม่ใช่ว่าพี่จะไม่รู้ ถ้าพี่หวันหวั่นแต่งงานกับคุณชายเสิ่น พวกเราก็ได้ประโยชน์นะ…ถึงตอนนั้น ตระกูลเสิ่นรวยจะตาย มีอุตสาหกรรมตั้งมากมาย พวกเราสามารถเข้าร่วมได้นะ…จุ๊ๆๆ”…เป่ยโต่วทำเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยโต่ว ผู้อาวุโสสามก็ยิ้มเยาะ “ตลกแล้ว…พวกเราก็ไม่ได้ขัดสนอะไรนี่?”
หลังจากผู้อาวุโสสามพูดจบก็หันมองไปที่เยี่ยหวันหวั่นทันที “ที่จริงแล้ว…ไม่สำคัญว่าจะรวยหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญคือฉันคิดว่าคุณชายเสิ่นก็ดูเจริญหูเจริญตาดี แล้วเขาก็ยังดีกับเธอมากๆ ด้วย ถ้าได้แต่งงานกับคุณชายเสิ่น ฉันคิดว่ามันคงจะวิเศษมากๆ เลย อนาคตของเธอก็จะมีแต่ความสุข เอาอย่างนี้ไหม…เธอกับหัวหน้าตระกูลซือนี่ …ไปหย่ากันก่อนดีกว่านะ?”
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
ผู้อาวุโสใหญ่ก็พูดไม่ออก
เป่ยโต่วเงียบกริบ
ชีซิงยิ่งอึ้ง
“เชี่ย พวกแกนี่แค่เห็นเงินก็ตาลุกวาวแล้วเหรอ คุณชายเสิ่นมีเงินเยอะแล้วยังไง…มีเงินแล้วเอามากินแทนข้าวได้มั้ย!” หลินเชวียที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ
“น้องชายผู้นี้ สมองได้รับความกระทบกระเทือนเหรอ มีเงินแล้วกินแทนข้าวไม่ได้ยังไงล่ะ” เป่ยโต่วจ้องไปที่หลินเชวีย
ไม่เปิดโอกาสให้หลินเชวียได้ตอบอะไร จากนั้นเป่ยโต่วก็ทำหน้าตาสงสัยขึ้นมา “นี่นายรู้จักคุณชายเสิ่นด้วยเหรอ หรือว่านายเคยไป…?”
“เอ่อ…หลินเชวียที่เพิ่งได้สติก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง วินาทีต่อมาก็รีบมองเป่ยโต่วแล้วส่ายหัว “ไม่ๆๆ ไม่เคยไป ไม่เคยไปเลย…ฉันจะไปรู้จักคุณชายเสิ่นได้ไง ก็พวกนายไม่ได้บอกว่าคุณชายเสิ่นมีเงินหรอกเหรอ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ อย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด…ฉันแค่คิดเฉยๆ นะ….ว่ารักแท้นั้นประเมินค่าไม่ได้ ความรักนี่นะ…เป็นสิ่งที่ไม่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แม้ตายก็เอาไปไม่ได้…ต้องการมากไปก็ไร้ประโยชน์…พูดอีกที พี่เก้าและอาสะใภ้เก้าของฉันต่างก็แต่งกันแล้ว พวกนายมาพูดโน้มน้าวอะไรที่นี่ เคยได้ยินไหมคำว่าเกลี้ยกล่อมให้คืนดีกันน่ะ อย่าขาดคุณธรรมนักเลย”
“พวกนายคุยกันจบหรือยัง”
ก่อนที่หลินเชวียจะพูดอะไรต่อ สืออีที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็มีแสงเย็นวาบปรากฏในแววตาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในตอนนี้เอง ซือเยี่ยหานก็มองไปยังสืออี “พี่เจ็ด ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“เฮอะ…เจ้าเก้า ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ นายมันคนใจชั่ว” สืออีจ้องซือเยี่ยหาน ทั้งสองต่างก็จ้องหน้ากันและกัน
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเรา ให้เยี่ยหวันหวั่นออกไปก่อนเถอะ” ซือเยี่ยหานเอ่ย
พอฟังจบ สืออีก็ยิ้มตอบ “ได้สิ ไม่ว่ายังไง เยี่ยหวันหวั่นก็เป็นอาจารย์ของฉัน ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการล่อนายออกมา ฉันคงจะนั่งพูดคุยดื่มเหล้ากับเยี่ยหวันหวั่นอยู่ ไม่ทำให้เรื่องวุ่นวายถึงขั้นนี้หรอกนะ”
“พูดคุยกันเฉยๆ น่ะได้ แต่ห้ามดื่มเหล้า!” เป่ยโต่วกล่าว
“อื้ม…” ชีซิงเห็นด้วย
ซือเยี่ยหานไม่สนใจเป่ยโต่ว เขามองตรงไปยังเยี่ยหวันหวั่น “กลับไปก่อนเถอะนะ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉันกับพี่เจ็ด”
“ก็บอกไปแล้วไงว่าเราแต่งงานกันแล้ว ไม่มีเรื่องส่วนตัวอีกแล้วใช่ไหม” เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยเหตุผล
ซือเยี่ยหานขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่พอเยี่ยหวันหวั่นพูดแบบนี้ กลับปิดกั้นคำพูดเขาทั้งหมดไว้ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
“เออใช่…ก่อนหน้านี้นายพูดว่าเราแต่งงานกันแล้ว…ถ้างั้น ฉันมีคำถามอยากจะถามนาย” ทันใดนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็จ้องไปยังซือเยี่ยหานและเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“จะถามอะไร” ซือเยี่ยหานกล่าว
“พวกเรา…มีลูกชายด้วยกันไหม” เยี่ยหวันหวั่นถามช้าๆ
“ไม่มี” ซือเยี่ยหานตอบ
“อ้อ…ใช่เหรอ แต่ทำไมฉันคิดมาตลอดว่าเรามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน…” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
——————————————————————-
บทที่ 1846 เราเป็นพี่น้องกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น ซือเยี่ยหานก็เงียบไป ไม่รู้จะตอบว่าอะไรอยู่พักหนึ่ง
ที่เรียกว่าการแต่งงาน เพียงเพื่อโน้มน้าวให้เยี่ยหวันหวั่นเชื่อเรื่องที่ตนทำไว้ จึงต้องสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา ดังนั้นเรื่องระหว่างพวกเขาจะมีลูกชายด้วยกันได้ยังไง
“มัวแต่ตะลึงอะไรกันอยู่ จับตัวซือเยี่ยหานมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นฉินรั่วซีที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สิ้นเสียงของฉินรั่วซี บอดี้การ์ดลับของตระกูลซือก็เตรียมบุก
แม้ว่าพลังต่อสู้ด้านนอกของตระกูลซือจะถูกควบคุมโดยกองกำลังที่ซือเยี่ยหานนำมา แต่ก็ยังมีพลังการต่อสู้มากมายภายในเขตบ้านตระกูลซือที่ยังเหลืออยู่ เพียงนำตัวซือเยี่ยหานมาให้ได้ ทุกอย่างก็จะง่ายดาย!
“ฉัน เหมือนจะไม่ได้บอกว่าให้จับซือเยี่ยหานตอนนี้นะ” สืออีมองฉินรั่วซีอย่างเย็นชา
“คุณเอริก แต่…” ฉินรั่วซีขมวดคิ้วมองสืออี
อย่างไรก็ตามสืออีไม่ได้สนใจฉินรั่วซีแม้แต่น้อย แต่กลับมองไปยังสวี่อี้ที่อยู่ไม่ไกล “สวี่อี้ ไปเตรียมข้าวยาปลาปิ้งมาหน่อย ฉันจะนั่งคุยกับเจ้าเก้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น สวี่อี้ก็มองไปยังซือเยี่ยหาน
รอจนกระทั่งซือเยี่ยหานพยักหน้า สวี่อี้จึงยอมออกไป
จากนั้นไม่นาน คนจำนวนหนึ่งก็ตามสืออีเข้าไปยังห้องนั่งเล่น สมาชิกอาวุโสของตระกูลซือและฉินรั่วซีต่างก็เฝ้าอยู่ด้านนอก มีเพียงเป่ยโต่วกับชีซิงและซือเยี่ยหานเท่านั้นที่เดินเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น
บนโต๊ะอาหาร สืออียกยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเก้า จานนี้คือเนื้อใจดำ[1] เตรียมมาให้นายโดยเฉพาะเลยนะ”
ซือเยี่ยหานไม่ได้ขยับตะเกียบ ทำแค่เหลือบมองไปที่สืออีเบาๆ
“เจ้าเก้า นายคงคิดไม่ถึงละสิ ว่าฉันจะเปลี่ยนโฉมหน้ามาปะปนอยู่ในบ้านตระกูลซือ และกลายเป็นบอดี้การ์ดลับตัวเล็กๆ คนหนึ่ง” สืออีมองซือเยี่ยหานพร้อมรอยยิ้ม
“พี่เจ็ด ฉันจะบอกให้นะ พี่อย่าโง่ไปหน่อยเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่เข้ามาเป็นบอดี้การ์ดลับให้ตระกูลซือ พี่เก้าก็รู้แล้วว่าพี่คือพี่เจ็ด” หลินเชวียที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดออกมาหลังจากตักชิ้นเนื้อกินไปคำหนึ่ง
สิ้นเสียงของหลินเชวีย สีหน้าของสืออีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้!”
“ยังจะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก…พี่เจ็ด พี่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าทักษะของตัวเองเป็นยังไง…ถ้าไม่ใช่เพราะความยินยอมจากพี่เก้า พี่จะเข้ามาอยู่ในตระกูลซือได้ยังไง” หลินเชวียอธิบาย
สืออีนิ่งเงียบไปในทันใด
จากนั้นไม่นาน เป่ยโต่วก็ขยับตะเกียบและหันไปทางชีซิงและผู้อาวุโสใหญ่ “มาๆๆ…กินข้าวกัน…อาหารพวกนี้ไม่มียาพิษ”
“แกรู้ได้ยังไงว่าไม่มีพิษ?” ผู้อาวุโสสามงุนงง
“ฉันรู้แน่นอน” เป่ยโต่วชี้ไปที่หลินเชวีย “เจ้าเด็กนี่กินไปตั้งเยอะแล้ว ฉันดูอยู่ตลอด ถ้ามียาพิษมันต้องตายไปนานแล้วล่ะ”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
“เวรเอ๊ย…ทำไมแกแม่งไร้คุณธรรมอย่างนี้ เห็นฉันเป็นหนูทดลองหรือไงหา?!” หลินเชวียกล่าว
“พูดกับฉันก็ระวังท่าทางกับน้ำเสียงหน่อย…ไม่งั้น ฉันจะทำให้แกได้ลงข่าว แกเชื่อไหม?” เป่ยโต่วเหลือบตามองหลินเชวีย
ในเวลานี้ มุมปากสืออีก็ขยับขึ้นเล็กน้อย “นั่นสินะ…อย่างนี้นี่เอง…เจ้าเก้า นายมันแน่จริงๆ รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันแล้วแต่ก็ไม่ยอมบอก ปล่อยให้ฉันอยู่ใต้จมูกนายในตระกูลซืออยู่ได้…ด้วยวิธีนี้ นายก็จะฆ่าฉันได้ทุกเมื่อที่ต้องการใช่ไหมล่ะ”
“ฆ่านาย” ซือเยี่ยหานที่ไม่เอ่ยคำใดจู่ๆ ก็ถามขึ้น “เพราะอะไร”
“เพราะอะไรงั้นเหรอ?!” สืออีลุกพรวดขึ้นทันที เกือบจะคว่ำโต๊ะอาหาร “เจ้าเก้า แกแม่งเสแสร้งอะไรกับฉันอีก?!”
ซือเยี่ยหานไม่สนใจ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมและมองไปยังสืออี “นายคือพี่น้องของฉัน”
“พี่น้อง?!” เมื่อสิ้นเสียงของซือเยี่ยหาน สืออีก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เป็นพี่น้องงั้นเหรอ? เจ้าแปดเป็นพี่น้องกับนายด้วยหรือเปล่า เป็นพี่น้อง…แฟนของฉัน…หลินอวิ๋น ต่างก็เสียชีวิตด้วยฝีมือบอดี้การ์ดลับที่นายส่งไป แต่ตอนนี้นายแม่งมาบอกฉันว่านายเป็นพี่น้องกับฉัน?!”
…………………………………
[1] เนื้อใจดำหรือเฮยซินโร่ว พ้องเสียงกับคำว่าเฮยซินที่แปลว่าใจดำ