บทที่ 1843 แต่งงานแล้วจริงๆ
เมื่อได้ยินเสียงอันราบเรียบไร้อารมณ์ลอยมา คนเบื้องบนของตระกูลซือและฉินรั่วซีที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ตกตะลึง
วินาทีต่อมา กลุ่มชายในชุดคลุมแน่นหนาที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีหลายสิบคน ต่างก็หลั่งไหลเข้ามาจากนอกประตูบ้านตระกูลซือ
ด้านหน้าสุด ชายผู้นั้นก้าวช้าๆ เขาปรายตามองบริเวณนั้นด้วยใบหน้าเฉยเมย ชุดสูทสีดำที่สวมใส่ดูราวกับพระราชาที่ก้าวออกมาจากราตรีอันมืดมิด
รูปลักษณ์ที่ดูสงบนิ่งตลอดมา ทำให้ทุกคนในตระกูลซือยืนกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง
แววตาของฉินรั่วซีปรากฏแสงเย็นวาบ ผู้ชายคนนี้ เขากลับมาแล้ว…
“ซือเยี่ยหาน…”
สวี่อี้เผยสีหน้าตื่นเต้นหลังจากที่ได้เห็นซือเยี่ยหานปรากฏกาย คุณชายเก้าที่หายตัวไปหลายเดือน ในที่สุดก็กลับมายังบ้านตระกูลซืออีกครั้ง…เขารู้ดีว่าจะไม่เกิดเรื่องใดๆ ขึ้นกับคุณชายเก้าแน่นอน!
……
ในขณะนี้ บอดี้การ์ดลับของตระกูลซือคนหนึ่ง รีบเดินไปหาหัวหน้าบอดี้การ์ดลับและพูดอะไรบางอย่าง
เมื่อฟังจบ สีหน้าของหัวหน้าบอดี้การ์ดลับก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบเดินเข้าไปหาสืออีแล้วกระซิบ “ท่านเอริก ซือเยี่ยหานทำลายแนวป้องกันของตระกูลซือแล้ว…กองกำลังส่วนใหญ่ถูกพวกเขาจับเป็นเชลยแล้ว…”
เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าบอดี้การ์ดลับรายงาน แววตาเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของสืออี
ขณะนี้ เยี่ยหวันหวั่นที่ยืนอยู่ที่เดิมมองซือเยี่ยหานหลายครั้งแล้วครุ่นคิด ก่อนหน้านี้ซือเยี่ยหานเคยบอกกับตนว่ามีธุระต้องรีบไปสะสาง จำเป็นต้องออกจากประเทศจีน แต่ทำไมตอนนี้…ซือเยี่ยหานถึงกลับมาที่บ้านตระกูลซือ…
แทบไม่ต้องคิดมากด้วยซ้ำ หากซือเยี่ยหานคือนายแห่งอาชูร่าจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นรอบๆ ตระกูลซือ จะต้องมีดวงตาสัปปะรดคอยจับตาดูอยู่ ไม่อย่างนั้นตอนที่มีอะไรเกิดขึ้นกับตน ซือเยี่ยหานก็คงไม่ได้รับข่าวสารในทันที และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมายังตระกูลซือภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้
“วะฮ่าๆๆ ยัยตัวประหลาด ไม่ได้เจอกันนานสบายดีไหม?” หลินเชวียเดินเข้ามาจากด้านข้างของซือเยี่ยหาน และมาหยุดตรงหน้าเยี่ยหวันหวั่นพลางยิ้มถาม
“เชี่ย แม่งพูดภาษาคนไม่เป็นเหรอวะ แกเรียกใครว่ายัยตัวประหลาดนะ?” เป่ยโต่วจ้องไปที่หลินเชวียและตะโกนอย่างเย็นชา
“เอ่อ…” หลินเชวียดูเขินเล็กน้อย จึงได้แต่แค่นหัวเราะฮ่าๆ แล้วเอ่ยอีกครั้ง “อาสะใภ้เก้า…ผมผิดไปแล้ว…”
ก่อนที่เยี่ยหวันหวั่นจะพูดอะไรออกมา เสียงของซือเยี่ยหานก็ดังขึ้นมา “หลินเชวีย…ส่งพวกเขาออกไปจากบ้านตระกูลซือ”
“เข้าใจแล้วครับ พี่เก้า”
หลังจากได้รับคำสั่งจากซือเยี่ยหาน หลินเชวียก็มองไปที่เยี่ยหวันหวั่น “อาสะใภ้เก้า ฉันขอส่งพวกเธอกลับไปก่อน เรื่องในบ้านตระกูลซือ ปล่อยให้พี่เก้าจัดการเองเถอะนะ”
“ให้ซือเยี่ยหานจัดการเองงั้นเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นมองไปที่ซือเยี่ยหานทันที “เพราะอะไร”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของซือเยี่ยหานก็จับจ้องไปที่เยี่ยหวันหวั่น ความเย็นยะเยือกนั้นหายไป แทนที่ด้วยความอ่อนโยนอันหาได้ยาก “ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอไม่จำเป็นต้องมาเกลือกกลั้วกับเรื่องพวกนี้หรอก”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ…จะเป็นไปได้ยังไง…” เยี่ยหวันหวั่นมองซือเยี่ยหาน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยปรากฏเป็นรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ “ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณหรอกเหรอ…ยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วนะ เรื่องของคุณก็เป็นเรื่องของฉัน ระหว่างเราสองคนยังต้องแบ่งแยกอะไรอีก”
ก่อนหน้านี้ซือเยี่ยหานบอกกับตนว่า เป็นเพราะซือเยี่ยหานแต่งงานกับเธอแล้ว จึงนำไปสู่การไล่ล่าพวกเขาโดยกลุ่มซือโบราณในรัฐอิสระ อ้างจากคำพูดของซือเยี่ยหาน พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นคู่รักที่มีชื่อเสียง เมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว ย่อมมีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน
“อะไร…อะไรนะ?!”
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เป่ยโต่วก็มองไปยังเยี่ยหวันหวั่นและซือเยี่ยหานด้วยความสยอง “…แต่งงานกันแล้ว ตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมผมไม่รู้เรื่อง?”
———————————————
บทที่ 1844 จี้หวงจะทำยังไง
ไม่ต้องพูดถึงเป่ยโต่ว ชีซิง แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด ผู้นำกับหัวหน้าตระกูลซือในประเทศจีนไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอ แค่ผ่านไปไม่ทันไร ทำไมถึงกลายเป็นสามีภรรยากันแล้วล่ะ?
“ทำไมนายต้องแส่ทุกเรื่องเลยล่ะ” เยี่ยหวันหวั่นเหลือกตามองเป่ยโต่ว
“ไม่มีทางเฟิง…นี่ไม่ถูกต้องนะ…พี่หวันหวั่น…พี่จะบอกว่าพี่แค่เล่นๆ เท่านั้นก็แล้วไปเถอะ แฟนน่ะ พี่จะมีซักกี่คนก็ได้…แต่สามีนั้นมีได้แค่คนเดียวนะ…พี่หวันหวั่นจะแต่งกับหัวหน้าครอบครัวชาวจีนได้ยังไง…ไม่ได้นะ ไม่ได้แน่นอน ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้!”
เป่ยโต่วจ้องเยี่ยหวันหวั่นตาเขม็งพร้อมกับส่ายหัว
“พูดมากจังวะ” ชีซิงมองไปยังเป่ยโต่วด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“พูดมากยังไงเหรอ” เป่ยโต่วไม่เข้าใจ
“นี่มันเรื่องส่วนตัวของพี่หวั่นนะ” ชีซิงตอบ
“ถุย ดูความซื่อสัตย์ของแกสิ แกรู้ไหมความซื่อสัตย์หมายความว่ายังไง สำหรับคนซื่อสัตย์อย่างฉัน ฉันต้องเกลี้ยกล่อม ที่ฉันทำไปเพราะหวังดีกับพี่หวันหวั่น แกจะเข้าใจกะผีสิ ออกไปให้พ้นเลยนะ” เป่ยโต่วผลักชีซิงออกไปด้วยมือเดียว
ก่อนที่เยี่ยหวันหวั่นจะได้พูดอะไร เป่ยโต่วก็ชิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พี่หวันหวั่น นี่มันไม่ได้จริงๆ…ถ้าพี่แต่งงานกับหมอนี่แล้ว…ถ้างั้นจี้หวงจะทำยังไง?”
“จี้หวง…”
ในตอนนี้ คนเบื้องบนของตระกูลซือต่างก็มองหน้ากัน จี้หวงนี้…ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน มันคืออะไรกัน ชื่อนี้ฟังแล้วค่อนข้างน่ากลัว
เมื่อเป่ยโต่วกล่าวถึงจี้หวง ความอ่อนโยนในแววตาของซือเยี่ยหานที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หายไปในทันที ราวกับมีเมฆครึ้มและพายุฝนฟ้าคะนองที่น่าสะพรึงกลัว
“จี้หวงก็ไม่ผ่านเถอะ…ฉันว่านายแห่งอาชูร่าก็ได้อยู่นะ ฉันรู้สึกว่านายแห่งอาชูร่ากับพี่เยี่ยหวันหวั่นเหมาะสมกันดี…เวร ฉันเข้าใจแล้ว พี่หวันหวั่น พี่คงไม่ได้บ้าไปหลงใหลนายแห่งอาชูร่าเข้าหรอกนะ พี่อยากได้เขาแต่กลับไม่ได้ ก็เลยไปชอบนายคนนี้แทนใช่ไหม…” เป่ยโต่วมองซือเยี่ยหานด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าภายนอกของหัวหน้าตระกูลซือในประเทศจีนกับใบหน้าของนายแห่งอาชูราแห่งรัฐอิสระนั้นแทบจะเหมือนกันทุกส่วน เหมือนกันอย่างกับฝาแฝด นอกจากสีผมที่ไม่เหมือนกันนั้น ก็เหมือนกันไปหมดทุกอย่าง…
“ใช่ ไม่ผิดแน่…ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน พี่หวันหวั่นพี่รักนายแห่งอาชูร่ารักจนแทบจะตายแทนได้ รักจนไม่เป็นตัวของตัวเอง…เพราะฉะนั้น พี่ก็เลยรักนายคนนี้แล้วแต่งงานกับเขา…” เป่ยโต่วลูบคางพลางพยักหน้าวิเคราะห์
เมื่อได้ยินเป่ยโต่วพูดเช่นนั้น สีหน้าของซือเยี่ยหานจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“แต่พี่หวันหวั่น ต่อให้พี่ไม่ได้นายแห่งอาชูร่า…แต่ผมว่าจี้หวงก็พอได้นะ จี้หวงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านายแห่งอาชูร่าเลย ถ้าให้ผมวิเคราะห์ให้พี่ดู…หน้าตาของจี้หวง ก็ไม่ต้องพูดถึง เทียบเท่ากับนายแห่งอาชูร่า…เงินทอง…ก็อาจจะมีพอๆ กัน…ฐานะเหรอ…ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะเท่ากัน ส่วนชื่อเสียงก็ไม่ต่างกัน…และแน่นอน ผมสงสัยว่านายแห่งอาชูร่ากับจี้หวงนั้นดีพอๆ กัน…แต่ต่อให้เป็นจี้หวง พี่หวันหวั่นก็น่าจะจีบไม่ติด ผมคิดว่า ทั้งจี้หวงและนายแห่งอาชูร่าต่างก็ไม่ได้ชอบพี่ทั้งคู่…แต่ถ้า…จี้หวงกับนายแห่งอาชูร่ายังไม่ผ่าน ก็ยังมีพี่เสิ่นของผมเหลืออยู่นะ…”
เพราะคำพูดเพ้อเจ้อที่ไม่ปะติดปะต่อกันของเป่ยโต่ว จึงทำให้เยี่ยหวันหวั่นหน้าดำคร่ำเครียด เสิ่นบ้านปู่นายสิ!
พี่เสิ่นที่เป่ยโต่วว่า ในรัฐอิสระมีแค่คนเดียว เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่แห่งตระกูลเสิ่น…
นอกจากเป่ยโต่วแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่ต้องการจะจับคู่ตัวเองกับคุณชายใหญ่เสิ่น…นั่นคือเนี่ยอู๋หมิง…
“แกจะพล่ามอะไรเยอะแยะ”
ในขณะนี้ผู้อาวุโสสามที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดกลับทนฟังสิ่งที่เป่ยโต่วพูดไม่ไหวอีกต่อไป เขาคิ้วขมวดมองเป่ยโต่วด้วยความไม่พอใจ