ท่านเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สายตาและท่าทางของตงหลิงหวงแสดงออกอย่างหมดความอดทนยิ่งกว่าท่านเฟิง
“ความอดทนของรัชทายาทอย่างข้ามีจำกัด”
“ตงหลิงหวง ท่านบอกให้ทุกคนถอยออกไปก่อน ข้าจะคุยกับท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
แม้ท่านเฟิงจะสนิทสนมกับฮ่องเต้แคว้นตงเฉินมาก แต่ภายในใจของเขาไม่ค่อยมั่นใจนัก
อย่างไรเสีย ตงหลิงหวงในตอนนี้ก็ไม่เหมือนในอดีต
เขามีสายสืบมากมาย แม้แต่ในวังหลวงของแคว้นตงเฉิน เมื่อเข้ามาที่เมืองหลวงแคว้นตงเฉิน เขาก็ได้ข่าวว่าตงหลิงชางใช้วิชามารบางอย่าง ยาวิเศษเม็ดเดียวช่วยเพิ่มพลังยุทธ์ให้เขาอย่างมหาศาล ทั้งร่างกายยังอยู่ยงคงกระพันอีกด้วย
ทว่าตงหลิงหวงไม่ได้อ่อนด้อย นางฝึกฝนวิชาเทพซิวเสวียน และกำจัดตงหลิงชางได้สำเร็จ
วิชาเทพซิวเสวียนนั้น เป็นสิ่งที่คนในอาณาจักรเทียนเหอไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แม้วรยุทธ์ของเขาไม่ได้อ่อนด้อย ทว่าเขาไม่มีความมั่นใจเมื่อเผชิญหน้ากับตงหลิงหวง เรื่องที่เขาไม่มั่นใจ เขาจะไม่ทำอันใดบุ่มบ่าม
ตงหลิงหวงกำลังครุ่นคิดว่าจะทำตามที่ท่านเฟิงพูดหรือไม่ สั่งให้ทุกคนออกไปและคุยกับเขาเพียงลำพัง ทว่าตงหลิงไท่ที่ไม่ได้ปริปากกลับรู้สึกตื่นตระหนกยิ่งกว่า
“หวงเอ๋อร์ อย่าไปฟังเขา อย่าไปฟังเขา ตอนนี้ไม่เหมาะที่ทั้งสองทัพจะรบกัน
แม้ภาคเหนือและทางตอนเหนือของแคว้นหนานหลีจะเป็นฤดูกาลที่หาเสบียงอาหารยากที่สุด ทว่าทางตะวันออกและทางใต้ของแคว้นตงเฉินก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้มากนัก การทำสงครามตอนนี้จะสร้างความเสียหายแก่ทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน ย่อมทำให้มู่หรงเฟิงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้
มู่หรงเฟิงก็คือมู่หรงเฟิง
เขาคิดยืมอำนาจแคว้นตงเฉินเพื่อกำจัดมู่หรงฉีพ่อลูก จากนั้นจึงฉวยโอกาสที่แคว้นตงเฉินสูญกำลังทหารในศึกสงครามกลับมาโจมตีแคว้นตงเฉิน
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
อย่าไปฟังเขา”
มู่หรงเฟิง???
ท่านเฟิง…
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วแน่น
นางไม่คิดว่าท่านเฟิงผู้นี้ก็คือมู่หรงเฟิง อดีตมหาอุปราชแห่งแคว้นหนานหลี
ได้ยินมาว่ากองทัพสกุลจงพ่ายแพ้ราบคาบ หลังจากมู่หรงอวิ๋นไห่กลับคืนสู่ราชสำนัก มู่หรงเฟิงได้หลบหนีไป ไม่รู้ว่าเขาหนีไปอยู่ที่ใด แต่นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะหนีมาอยู่ในแคว้นตงเฉิน และปกปิดตัวตนเร้นกายอยู่ข้างกายฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน
ทว่าเมื่อตรึกตรองอย่างละเอียด เรื่องนี้ก็สมเหตุสมผล
ยามนี้ ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ แคว้นที่สามารถต่อกรกับแคว้นหนานหลีได้ มีเพียงแคว้นไหวเจียง แคว้นจงหนิง และแคว้นตงเฉินเท่านั้น
แคว้นเป่ยอี้ลึกลับยากคาดเดา มู่หรงเฟิงไม่กล้าแม้แต่จะคิด
ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นซีอวิ๋นกับแคว้นจงหนิง รวมทั้งความสัมพันธ์กับราชวงศ์ก่อนแน่นแฟ้น มู่หรงเฟิงไม่คิดพึ่งพา
ในบรรดาทั้งสามแคว้น แคว้นจงหนิงอยู่ในพระราชอำนาจของเยี่ยโยวเหยา หากเขาต้องการหลอกใช้เยี่ยโยวเหยา เขาคงเป็นคนโง่ที่รนหาที่ตาย
แคว้นไหวเจียงยิ่งคาดเดาได้ยากและควบคุมยาก
เหลือเพียงแคว้นตงเฉิน
ใบหน้าของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินปรากฏความตื่นตระหนกเล็กน้อย ท่านเฟิงดึงรั้งฉลองพระองค์ของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน
ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเชื่อในคำเตือนของเสด็จพ่อของนาง
“โอ้ ที่แท้ท่านเฟิงก็คือมหาอุปราชมู่หรงเฟิง ในเมื่อมหาอุปราชมู่หรงเฟิงมาเยือนถึงที่นี่แล้ว เหตุใดจึงต้องหลบๆ ซ่อนๆ มิสู้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ท่านกับข้าจะได้เจรจากันอย่างเปิดเผย”
เมื่อเห็นว่าท่านเฟิงไม่เคลื่อนไหวและไม่ถอดหมวกฟากที่ปกปิดใบหน้า ตงหลิงหวงจึงเลิกคิ้วขึ้น
“หรือว่าท่านเฟิงมีบางสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็น? ”
ตอนนี้สถานะถูกเปิดเผยแล้ว มู่หรงเฟิงไม่มีอันใดต้องปิดบัง เขาจึงกระชากเสียงเย็นชาว่า “อ๋องอย่างข้า มีอันใดต้องหลบซ่อนหรือ? ”
เขาพูดพลางยกมือขึ้นและถอดหมวกยาวบนใบหน้าออก ทันใดนั้น เป็นเพราะรัศมีเย็นยะเยือกรอบตัวที่ทำให้เสื้อของเขาพลิ้วไหวอย่างรุนแรง
ลือกันว่ามู่หรงเฟิง มหาอุปราชแคว้นหนานหลีเป็นบุรุษที่งดงามที่สุดในแคว้นหนานหลี หล่อเหลากว่ามู่หรงฉีหลายส่วน สมคำร่ำลือยิ่งนัก
ทันทีที่หมวกยาวของมู่หรงเฟิงถูกเปิดออก เมื่อใบหน้าของเขาปรากฏต่อสายตาผู้คน สตรีจำนวนมากที่อยู่โดยรอบบริเวณต่างกรีดร้องด้วยความประหลาดใจ แม้แต่บุรุษหลายคนก็จ้องใบหน้านั้นโดยไม่รู้ตัว
หากบุรุษผู้นี้ไม่ได้จับตัวฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ไม่แน่ว่าบุรุษจำนวนไม่น้อยต้องเข้าไปนอบน้อมโค้งคำนับ
แม้มู่หรงเฟิงจะเป็นคนสูงอายุเช่นกัน ทว่าดูเหมือนกาลเวลาจะเข้าข้างเขาอยู่ไม่น้อย ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นตามกาลเวลา
ใบหน้าอิ่มเอิบดั่งหยก สันจมูกโด่ง ใบหน้าคมสันเหลี่ยมมุมชัดเจน คิ้วดาบเฉียงไปในขมับ มีกลิ่นอายความงามตามแบบฉบับของสตรีเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งนุ่มนวลสามส่วน ความงดงามเจ็ดส่วน หล่อเหลาคมสัน รูปร่างสูงส่งดั่งต้นหยกที่เผชิญหน้าท้าสายลม
แม้แต่ตงหลิงหวงที่ไม่ได้พบมู่หรงเฟิงเป็นครั้งแรก ทว่านางก็อดตกตะลึงชั่วครู่ไม่ได้
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงตั้งสติได้อีกครั้ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
“เป็นมหาอุปราชแห่งแคว้นหนานหลีจริงๆ ”
มู่หรงเฟิงขมวดคิ้ว เขารั้งตงหลิงไท่ให้แน่นขึ้น มีดพกในมือแนบชิดบริเวณลำคอของตงหลิงไท่อีกครั้ง
“หยุดพูดจาไร้สาระ เจ้าสองพ่อลูกต้องการทำศึกสงครามกับแคว้นหนานหลีหรือไม่? ”
“รบ ทำสงครามแน่นอน” แม้ตงหลิงหวงจะยืนยันด้วยเสียงแข็งกร้าว ทว่าท่าทางของนางยังคงสงบนิ่ง “ใต้หล้านี้ แคว้นตงเฉินของข้าต้องแย่งชิงมาให้ได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องรบกับแคว้นหนานหลีแน่นอน”
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ ตงหลิงหวง เจ้ารู้ดีว่าข้าหมายถึงสิ่งใด? ข้าต้องการให้เจ้าเคลื่อนทัพไปที่แคว้นหนานหลีตอนนี้ และต้องยึดแคว้นหนานหลีก่อนฤดูใบไม้ผลิ”
จิตใจคนเราช่างร้ายกาจจริงๆ
การเคลื่อนทัพไปยังแคว้นหนานหลีในฤดูกาลนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่ากองทัพสามารถไปถึงพรมแดนระหว่างสองแคว้นได้หรือไม่ ไม่รู้ว่าจะมีคนรอดจากพายุหิมะและความหนาวเหน็บได้กี่คน และยังต้องการยึดแคว้นหนานหลีให้ได้ก่อนฤดูใบไม้ผลิ ย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ทว่าคำพูดเหล่านี้ ตงหลิงหวงไม่มีทางเอ่ยออกมา ยิ่งไม่มีทางเผยท่าทางผิดปกติ
นางแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย
มู่หรงเฟิงพลันร้อนใจ
“ตงหลิงหวง เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ชีวิตบิดาเจ้า เจ้าไม่ต้องการแล้วหรือ? ”
กระบี่ยาวในมือของตงหลิงหวงร้องเรียกนางหลายต่อหลายครั้ง นางมองไปที่มู่หรงเฟิงด้วยแววตาแปลกประหลาด
เมื่อมู่หรงเฟิงถูกสายตาเช่นนี้จับจ้อง ทันใดนั้น เขาก็นึกอันใดขึ้นมาได้ แต่มันสายเกินไปที่จะตอบสนอง
ตงหลิงหวงกระโดดขึ้นจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น ยิ่งไม่รู้ว่าตงหลิงหวงเคลื่อนไหวอย่างไร พวกเขารู้สึกได้เพียงว่ามีแสงเย็นยะเยือกวูบผ่าน ในวินาทีต่อมา นางก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าของมู่หรงเฟิงแล้ว
ภายใต้สถานการณ์คับขัน มู่หรงเฟิงกำลังจะลงมือสังหารฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน ทว่าก่อนที่มีดพกในมือของเขาจะเคลื่อนไหว กระบี่ยาวของตงหลิงหวงก็ฟันลงบนข้อมือของเขาแล้ว
หลังจากนั้น กระบี่ยาวก็โจมตีไปที่ร่างกายของมู่หรงเฟิงอย่างรวดเร็วดั่งสายลม มู่หรงเฟิงหลบหลีกไม่ทัน ทำได้เพียงถอยไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
หมอหลวงหยวนที่อยู่ด้านข้างต้องการฉวยโอกาสนี้เข้าไปช่วยเหลือฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน เนื่องจากตอนนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุด จากนั้น เขาจึงช่วยฮ่องเต้แคว้นตงเฉินหลบไปยังจุดที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตา ตงหลิงหวงก็โจมตีมู่หรงเฟิงไปกว่าสิบกระบวนท่า แต่ละกระบวนท่าใช้พลังเทพซิวเสวียนทุกครั้ง การเคลื่อนไหวทุกกระบวนท่าต้องการปลิดชีพ
ในกระบวนท่าสุดท้าย กระบี่ยาวของตงหลิงหวงหมุนวนบนท้องฟ้า จากนั้นคนก็หมุนวนรอบกระบี่ยาวราวกับกระแสน้ำวน และแทงไปที่กลางกระหม่อมของมู่หรงเฟิง
มู่หรงเฟิงไม่สามารถหลบหนีได้ เขาทรุดนั่งลงบนพื้น
เดิมที ตงหลิงหวงสามารถสังหารมู่หรงเฟิงด้วยกระบวนท่านี้ ทว่านางกลับหยุดมือและเหาะลงมายืนด้านข้างอย่างมั่นคง ก่อนจะวางกระบี่ยาวไว้บนลำคอของมู่หรงเฟิง
มู่หรงเฟิงรู้สึกหวาดกลัวสุดขีด เหงื่อไหลท่วมตัว เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากและหันไปมองตงหลิงหวง
“รัชทายาทตงเฉิน ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ”
ตงหลิงหวงเหลือบมองมู่หรงเฟิงและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“มู่หรงเฟิง หากข้าต้องการสังหารเจ้า ย่อมง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”
นี่เป็นคำเตือน มู่หรงเฟิงรู้ความสามารถของตงหลิงหวงมาก่อนแล้ว เขาเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี
“นอกจากการโจมตีแคว้นหนานหลีแล้ว ข้า มู่หรงเฟิงจะไม่ร่วมมือกับเจ้ากระทำเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น”
“จริงหรือ? ” ตงหลิงหวงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาปรากฏความแข็งกร้าว นางพลิกกระบี่ยาวในมือโดยไม่ลังเล ต้องการปาดคอของมู่หรงเฟิง
“ช้าก่อน! ” มู่หรงเฟิงรีบพูดขึ้น
ตงหลิงหวงหยุดชะงัก
“เป็นอย่างไร? ท่านมหาอุปราชเปลี่ยนใจแล้วหรือ? ”
“เจ้าต้องการอันใดกันแน่? ”
“ได้ยินมาว่า ท่านมหาอุปราชมีสมบัติล้ำค่ามากมายอยู่ในมือ ก่อนหน้านี้มีปีศาจดอกไม้ที่สามารถเชื่อมเส้นลมปราณของเจ้าหุบเขาเทพโอสถ ข้าเพียงต้องการ… ทำข้อตกลงกับท่านมหาอุปราช”
“ข้อตกลงอันใด? ”
“ข้ารับปากท่านว่าจะโจมตีแคว้นหนานหลีแน่นอน ทว่าไม่ใช่เวลานี้ ข้าต้องการรอจนถึงเวลาที่เหมาะสม ส่วนสิ่งที่ข้าต้องการคือ… ”
ตงหลิงหวงหรี่ตาและก้าวไปหามู่หรงเฟิงสองก้าว ก่อนจะโน้มตัวลงและจงใจลดเสียงเล็กน้อย
“ข้าต้องการทำให้คนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในเมื่อในมือของท่านมหาอุปราชมีปีศาจดอกไม้ คิดว่าเรื่องนี้… คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่าน”
มู่หรงเฟิงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขามองไปที่ดวงตาแข็งกร้าวของตงหลิงหวงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หลังผ่านไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มประชดประชันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“ตงหลิงหวง เจ้ากำลังล้อเล่นกับมหาอุปราชอย่างข้าหรือ? เรื่องของคนเป็นก็ยากจะจัดการอยู่แล้ว เรื่องของคนตาย ข้าย่อมทำไม่ได้ ยิ่งเรื่องชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง… เจ้าคิดได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย”