เล่มที่ 30 เล่มที่ 30 ตอนที่ 881 สบายดีหรือ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

“มันยากหรือไม่? เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรือไม่? ข้าเป็นคนตัดสินใจ เรื่องนี้อยู่ที่ท่านเท่านั้น นอกจากเงื่อนไขนี้ ข้าไม่มีอันใดจะขออีก ท่านกับข้าจะร่วมมือกันได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่าน ท่านมหาอุปราช”

สีหน้าของตงหลิงหวงจริงจังแน่วแน่

มู่หรงเฟิงกัดฟันกรอด

“รัชทายาทตงหลิง ข้าขอบอกตามความจริง! เรื่องอื่นข้ายังสามารถลองทำดูสักครั้ง ทว่าเรื่องชุบชีวิต ข้าทำไม่ได้จริงๆ หากท่านยืนกรานในเรื่องนี้ ข้าก็อับจนหนทาง”

แม้ตงหลิงหวงจะเสนอเงื่อนไขนี้ ทว่าภายในใจของนางก็ชั่งน้ำหนักอยู่เช่นกัน

เมื่อมองท่าทางของมู่หรงเฟิง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้พูดโกหกจริงๆ

เป็นดั่งที่เขาพูด เรื่องของคนเป็นยังจัดการยาก เรื่องชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายากเสียอีก

นางจึงออกคำสั่งเสียงดัง “องครักษ์ เชิญท่านเฟิง”

แม้ตงหลิงหวงจะพูดคำว่าเชิญ ทว่าน้ำเสียงของนางแผ่วเบาอย่างมาก ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับตงหลิงหวง ย่อมรู้ว่าคำว่า ‘เชิญ’ ขององค์รัชทายาทนั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นักฆ่าฉีเฟิงจำนวนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าและตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พ่ะย่ะค่ะ! ”

ตงหลิงหวงเก็บกระบี่ยาวในมือ จากนั้นจึงมอบตัวมู่หรงเฟิงให้องครักษ์ฉีเฟิง

ทว่ามู่หรงเฟิงเป็นคนเช่นไร?

เขาเป็นถึงมหาอุปราชของแคว้นหนานหลี เขาเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งแคว้นหนานหลี ทั้งยังกุมอำนาจในแคว้นหนานหลีมานานหลายปี เขาใช่คนที่รับมือได้ง่ายหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเร้นกายอยู่ข้างกายฮ่องเต้แคว้นตงเฉินเป็นเวลานาน เขาต้องมีแผนสำรองของตนเอง

ในเวลานี้ เขาจะปล่อยให้ถูกจับตัวโดยง่ายได้อย่างไร?

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ตงหลิงหวงเก็บกระบี่ยาวในมือ มู่หรงเฟิงก็กระโดดขึ้นและหนีไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น นักฆ่าและองครักษ์ของตงหลิงหวงสิบกว่านายก็เข้ามาขวางทางมู่หรงเฟิง และล้อมเขาไว้ตรงกลาง

ตงหลิงหวงมองไปทางมู่หรงเฟิงที่ยังคงดิ้นรนต่อสู้กับนักฆ่าและทหารองครักษ์เพื่อหลบหนี โดยที่นางไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด ก่อนจะหรี่ตาลงด้วยความสนใจและยืนกอดอกทั้งสองข้าง

ตอนนั้น ในบรรดายักษ์ใหญ่ทั้งสามของแคว้นหนานหลี มู่หรงเฟิงเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด เมื่อมองมู่หรงเฟิงในตอนนี้ เขาสามารถต่อสู้กับนักฆ่าหลายสิบคนที่ล้อมเขาได้ และเขายังสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้หลายร้อยกระบวนท่า ต่อสู้จนทำให้นักฆ่าล้มลงกับพื้นไปหลายคน

ทุกคนต่างตกตะลึงจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และไม่รู้ว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร

ตงหลิงหวงเดินอ้อมกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้ มาหยุดอยู่เคียงข้างฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน

แม้หมอหลวงหยวนได้จัดการบาดแผลของฮ่องเต้แคว้นตงเฉินแล้ว ทว่าฮ่องเต้แคว้นตงเฉินตกพระทัยอย่างมาก ทั้งยังมีพระโลหิตไหลออกมาไม่น้อย ตอนนี้พระพักตร์ของพระองค์ขาวซีดจนน่ากลัว สติค่อนข้างเลือนราง

“เสด็จพ่อ ทรงเป็นอย่างไรบ้าง? ”

ทันทีที่ตงหลิงหวงพูดจบ ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินก็คว้าแขนของนาง “หวงเอ๋อร์ เจ้าอย่ารับปากเจ้าโจรเฒ่ามู่หรงเฟิง ห้ามรับปากเด็ดขาด การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่มีประโยชน์กับแคว้นตงเฉิน อีกทั้งหากมองตามความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซี แคว้นหนานหลี แคว้นจงหนิง และแคว้นซีอวิ๋นทั้งสามแคว้น เป็นไปได้มากที่พวกเขาจะเข้าร่วมมือกัน ถึงตอนนั้น หากพวกเขาต้องการบุกแคว้นตงเฉิน คงเป็นเรื่องง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ

กว่าพวกเราจะเจรจาสงบศึกชั่วคราวได้นั้นยากลำบากเพียงใด ต้องใช้โอกาสจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อย สะสมเสบียงให้พร้อม รอเวลาที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น

พวกเราห้ามละเมิดสนธิสัญญาสงบศึกระหว่างสองแคว้น และเคลื่อนทัพไปแคว้นหนานหลีเด็ดขาด”

ตงหลิงหวงจับหลังมือของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน และตอบรับอย่างหนักแน่น

“เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย ในใจลูกคิดวิเคราะห์อย่างดีแล้ว สถานการณ์วุ่นวายเกินไป ลูกให้คนส่งเสด็จพ่อกลับวังก่อน รอให้ลูกจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วจะกลับวังไปหาเสด็จพ่อ”

ฮ่องเต้แคว้นตงเฉินไม่พูดอันใดอีก ทำเพียงพยักพระพักตร์เล็กน้อย

ตงหลิงหวงสั่งให้ทหารองครักษ์หลายคนและคนที่ติดตามฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน คุ้มกันฮ่องเต้แคว้นตงเฉินกลับไปยังพระราชวัง

จากนั้นจึงกำชับหมอหลวงหยวนอีกครั้ง “ตรวจดูพระอาการของเสด็จพ่อให้ดีที่สุด”

“องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะอยู่ข้างพระวรกายพระองค์ไม่ห่างพ่ะย่ะค่ะ”

ตงหลิงหวงพยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงคำนับส่งเสด็จฮ่องเต้แคว้นตงเฉินกลับวังหลวง

ทันทีที่ทุกคนกลับไป จู่ๆ องครักษ์นายหนึ่งก็ควบม้ามาหาด้วยสีหน้าแตกตื่น มองดูป้ายบนร่างของเขา คงจะเป็นองครักษ์ประจำประตูเมือง

ก่อนที่องครักษ์นายนั้นจะควบม้าเข้ามาใกล้ตงหลิงหวง เขาก็ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก “แย่แล้ว องค์รัชทายาท แย่แล้ว มีคนโจมตีประตูเมืองตะวันตก”

ทันทีที่สิ้นเสียงขององครักษ์นายนั้น องครักษ์อีกคนก็วิ่งมาจากด้านหลัง

“แย่แล้ว องค์รัชทายาท แย่แล้ว… ชาวบ้านจำนวนมากที่ประตูเมืองทิศเหนือถูกพิษ บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน”

จากนั้น ทหารองครักษ์ก็ควบม้ามาจากทางทิศใต้

“ชาวบ้านจำนวนมากฝั่งประตูทิศใต้ถูกวางยาพิษ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยราย พระองค์โปรดช่วยด้วย! ”

มีคนโจมตีประตูทิศตะวันตก? ชาวบ้านถูกวางยาพิษ?

ลางสังหรณ์ไม่ดีปรากฏขึ้นในใจของตงหลิงหวง นางเห็นคนจำนวนมากในเหตุการณ์มีบางอย่างผิดปกติ

ที่แปลกมากที่สุดคือชาวบ้านทั่วไป ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีเขียว พวกเขาล้มลงกับพื้นและอาเจียนไม่หยุด

ต่อมาคือทหารองครักษ์และนักฆ่า

ลางสังหรณ์ไม่ดีในใจของนางเริ่มเข้มข้นมากขึ้น ตงหลิงหวงนึกอันใดได้บางอย่าง นางหยิบกระบี่ยาวในมือออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกลั้นลมหายใจและเดินพลังลมปราณ

เมื่อลมปราณอุ่นไหลออกจากจุดตันเถียน ปิดกั้นเส้นลมปราณทั้งแปดทั่วร่างกายของนาง ตงหลิงหวงพลันลืมตาขึ้น และขมวดคิ้วมองคนที่กำลังล้มลงต่อหน้านาง

“ในอากาศมีพิษ ทุกคนกลั้นหายใจ”

ทว่านางเตือนช้าเกินไป ผู้คนจำนวนมากล้มลงกับพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงนักฆ่าและองครักษ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังปลอดภัยเช่นเดียวกับนาง

ฮั่วจีและฮั่วซืออวี่วิ่งมาทางตงหลิงหวง

“องค์รัชทายาท พิษนี้กระหม่อมคุ้นเคยอย่างมาก มันเป็นยาพิษของแคว้นไหวเจียง ตอนที่กระหม่อมอยู่แคว้นจงหนิง กระหม่อมเคยติดตามโยวอ๋องเพื่อสืบความลับที่แคว้นไหวเจียง กระหม่อมเข้าใจรูปแบบพิษของแคว้นไหวเจียงเป็นอย่างดี ต้องเป็นฝีมือของคนแคว้นไหวเจียงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่จำเป็นต้องให้ฮั่วซืออวี่อธิบาย ตงหลิงหวงก็พอคาดเดาได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว

“ท่านแม่ทัพใหญ่ฮั่ว ท่านนำกำลังทหารไปเสริมกำลังที่ประตูเมืองทิศตะวันตก จำไว้ ท่านต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะพิษของแคว้นไหวเจียง”

“ฮั่วซืออวี่” ตงหลิงหวงหันไปมองฮั่วซื่ออวี่ “นำทหารของเจ้าตามข้าไปต่อสู้กับทหารแคว้นไหวเจียง ตอนนี้ชาวบ้านส่วนมากทางประตูทิศใต้และประตูทิศเหนือถูกพิษแล้ว เมื่อครู่ฝ่ายตรงข้ามเพิ่งลงมือ ประตูทางทิศตะวันออกอยู่ใกล้กับพวกเรา พวกเขายังหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอน”

“พ่ะย่ะค่ะ! ” ฮั่วจีและฮั่วซืออวี่ตอบรับอย่างพร้อมเพรียง

ฮั่วจีรีบนำกำลังทหารไปยังประตูเมืองทิศตะวันตก

ฮั่วซืออวี่รีบรวบรวมกำลังเพื่อรอคำสั่งจากตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงหันมา ดวงตาเย็นชาของนางค่อยๆ หันไปมองมู่หรงเฟิงที่กำลังต่อสู้กับองครักษ์ ก่อนจะถือกระบี่ยาวในมือและโจมตีมู่หรงเฟิงอย่างรวดเร็ว

แท้จริงแล้ว ด้วยวรยุทธ์ของตงหลิงหวง การจัดการมู่หรงเฟิงในทันทีนั้นไม่ใช่เรื่องยากอันใด เหตุผลที่นางไม่จัดการมู่หรงเฟิงในทันที เป็นเพราะนางต้องการเห็นสิ่งที่มู่หรงเฟิงต้องการจะทำเท่านั้น

ทว่าการลงมือครั้งนี้ นางทำอย่างรวบรัด จัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว นางจัดการมู่หรงเฟิงได้อย่างฉับไวและสั่งให้องครักษ์จับมู่หรงเฟิงไปขังไว้ก่อน

ขังไว้ชั่วคราว

แม้ทักษะทางการแพทย์และทักษะด้านพิษของตงหลิงหวงจะไม่ยอดเยี่ยมเท่าซูจิ่นซี ทว่าอย่างไรเสีย นางก็เป็นศิษย์จากสำนักแพทย์เทียนอี นับว่าฝีมือไม่เลวเช่นกัน

ตงหลิงหวงไวต่อสารพิษ นางพาคนไปจำนวนมาก ไม่นานนักก็สามารถจับกุมคนของแคว้นไหวเจียงที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วจากเบาะแสที่นางสังเกตเห็น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางไม่คาดคิดคือ คนที่มาทั้งหมดเป็นบุคคลระดับสูงในแคว้นไหวเจียง

กูสือซาน ราชครูแคว้นไหวเจียง หลานอวี่ เจ้าสำนักห้าพิษแคว้นไหวเจียง และเยี่ยเซิน อดีตรัชทายาทแคว้นจงหนิง ทั้งยังมีหมอพิษของแคว้นไหวเจียงอีกจำนวนมาก

ตอนที่ตงหลิงหวงพาคนไปถึงที่นั่น พวกเขากำลังโจมตีชาวบ้านในเมืองหลวง

แววตาของตงหลิงหวงที่เย็นชาอยู่แล้ว พลันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง ไอสังหารภายในดวงตาพลุ่งพล่าน

“ท่านราชครูกู ประมุขหลาน พวกท่านพาคนบุกเข้ามาในเมืองหลวงแคว้นตงเฉินอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังลงมือกับชาวบ้านแคว้นตงเฉินที่อยู่ภายใต้การปกครองของข้า ตงหลิงหวง พวกท่านคิดว่าตงหลิงหวงไม่มีตัวตนหรือ? ”

หลานอวี่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฟ้าคราม ใบหน้างดงามราวกับต้นพู่ระหงที่โผล่พ้นผิวน้ำ นางกำลังนั่งดีดพิณอยู่บนหลังคาสูง

แมลงปอสีแดงโลหิตบินออกมาจากพิณโบราณของนางอย่างต่อเนื่อง จำนวนของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขอเพียงแมลงปอกัดผู้ใด ใบหน้าของคนผู้นั้นจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวและอาเจียนไม่หยุด

เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการของพิษ

กูสือซานนั่งขัดสมาธิข้างกายนาง ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน ในฝ่ามือยังมีควันสีแดงลอยออกมา คละคลุ้งไปกับอากาศรอบบริเวณ และไม่นานนัก ท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงเลือด

ภาพเหตุการณ์นี้ ฮั่วซืออวี่คุ้นเคยอย่างมาก ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ในแคว้นจงหนิง เขาเคยเห็นกูสือซาน หลานอวี่และคนอื่นๆ ใช้วิธีนี้ลงมือกับชาวบ้านในเมืองหลวงแคว้นจงหนิงมาแล้วครั้งหนึ่ง

ดูเหมือนว่าวิธีนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง แม้แมลงปอโลหิตเหล่านั้นจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่มีพิษรุนแรง

ตอนนั้น ซูจิ่นซีจัดการกับคนเหล่านี้ จากนั้นจึงถอนพิษให้ชาวบ้านในเมือง นางยังต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

เมื่อกูสือซานได้ยินเสียงของตงหลิงหวง จึงลืมตาขึ้นเล็กน้อย

“ไม่นึกว่ารัชทายาทตงเฉินจะมาเร็วถึงเพียงนี้ เดิมทีข้ายังคิดว่ารัชทายาทตงเฉินต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะตามหาพวกเราพบ ดูท่าตอนนี้ วรยุทธ์ของรัชทายาทตงเฉินคงสูงขึ้นมากทีเดียว! ”

เขายังพูดเสริมอีกว่า “ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งสี่แคว้นอย่าง แคว้นตงเฉิน แคว้นหนานหลี แคว้นจงหนิง และแคว้นซีอวิ๋น สนุกครื้นเครงอย่างมาก แคว้นไหวเจียงของพวกเราจะอยู่เฉยได้อย่างไร? พวกเราจึงเดินทางมาร่วมสนุกด้วยเท่านั้น ไม่ใช่… พวกข้าเดินทางผ่านแคว้นตงเฉินพอดี จึงแวะมาทักทายรัชทายาทตงหลิงหวงเท่านั้น

รัชทายาทตงหลิงหวง หลังงานแข่งซิ่งหลินของแคว้นหนานหลี พวกเราไม่ได้พบกันหลายเดือน ท่านสบายดีหรือ? ”