ตอนที่ 2058 เข้าใจแล้ว…

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2058 เข้าใจแล้ว…

หลังจากลงทะเบียนกับพนักงานต้อนรับ จางเซวียนรีรออยู่ราว 10 นาทีก่อนจะตรงเข้าสู่สังเวียนประลอง

เจ้าหน้าที่หันไปถามผู้อาวุโสด้วยความอยากรู้ “ผู้อาวุโส สำนักดาวเจ็ดดวงกำลังจะส่งคนไปทะเลพลัดดาวใช่ไหม?”

ตำหนักคว้าดาวนั้นได้ชื่อว่าไม่เคยญาติดีกับอีก 5 สำนักที่เหลือ แล้วทำไมสำนักดาวเจ็ดดวงถึงคิดจะส่งคนของตัวเองไป?

“มันเป็นข่าวลับสุดยอดนะ อย่าพูดไปล่ะ ว่ากันว่าท่านเจ้าสำนักจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อหารือเรื่องสำคัญบางอย่าง” ผู้อาวุโสตอบ

เขาคือผู้อาวุโสผู้ทำหน้าที่ดูแลหอนิรันดร์แห่งเมืองปี้หยวน เขาสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์นานแล้ว ทำให้เป็นบุคคลผู้ทรงเกียรติของที่นั่น ด้วยเหตุนี้ จึงมีโอกาสได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสำนักดาวเจ็ดดวง

“อ้อ…” เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับ เจ้าหน้าที่ไม่กล้าซักไซ้ให้มากความ เธอหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง “ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าหมอนั่นจะหาเงิน 20,000 เหรียญนิรันดร์ได้ทันเวลาไหม…”

“เฮ่อออ!” ผู้อาวุโสคำรามเยาะ “นอกเสียจากนักรบระดับอมตะขั้นสูง ไม่มีทางที่ใครจะหาเงินมากขนาดนั้นได้หรอก!”

“แล้ว…” เจ้าหน้าที่กระพริบตาปริบๆ ประหลาดใจกับทีท่าของผู้อาวุโส

“ผมก็แค่อยากให้เขารู้ว่าควรเจียมกะลาหัวแล้วกลับไปเสีย เพราะการขี่อสูรอมตะธรรมดาๆไปที่นั่นก็ใช้เวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น แถมมีราคาแค่ 200 เหรียญนิรันดร์ แต่ถ้าจะเดินทางไปพร้อมกับสำนักดาวเจ็ดดวง จะต้องเสียเงินถึง 20,000 เหรียญนิรันดร์ ไม่มีใครยอมจ่ายแพงกว่าเป็น 100 เท่าเพียงเพื่อประหยัดเวลาเดินทางแค่ 20 วันหรอก!” ผู้อาวุโสส่ายหน้า

นักรบที่มีวรยุทธระดับพวกเขาสามารถใช้เวลาหลายเดือนในการปลีกวิเวกเพื่อพัฒนาวรยุทธ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ยอมจ่ายเงินมากขนาดนี้เพื่อประหยัดเวลาเพียง 20 วัน

“ก็จริง…” เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ “มาลองนึกดู เท่าที่ฟังจากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนเขาจะมีเงินไม่มาก เลยตั้งใจจะออกไปหาเงินให้ได้ก่อน”

ผู้อาวุโสคำราม “วิธีหาเงินที่เร็วที่สุดในหอนิรันดร์ก็คือเข้าสู่สังเวียนประลอง เพราะเดิมพันจะทวีคูณในแต่ละรอบที่ได้ชัยชนะ เขาจึงต้องเอาชนะติดต่อกันให้ได้หลายๆรอบ แต่ขนาดศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจากสำนักดาวเจ็ดดวงที่เข้าสู่สังเวียนประลองของเราบ่อยๆก็ยังเอาชนะติดต่อกันถึง 4 รอบได้ยาก นับประสาอะไรกับตัวเขา!”

เพราะสำนักดาวเจ็ดดวงตั้งอยู่ใกล้กับหอนิรันดร์ของเมืองปี้หยวน เหล่าศิษย์สายตรงของสำนักดาวเจ็ดดวงจึงมาเยือนที่นี่บ่อยๆ

“ค่าลงทะเบียนคือ 5 เหรียญนิรันดร์ ต่อให้เขาเอาชนะได้ 5 รอบติดต่อกัน ก็จะได้เงินเพียง 80 เหรียญนิรันดร์เท่านั้น ยังห่างไกลนักกับเป้าหมายของเขาที่ 20 เหรียญนิรันดร์” เจ้าหน้าที่เสริมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

ราคาเริ่มต้นสำหรับการเข้าร่วมสังเวียนประลองถูกตั้งไว้ไม่สูง เพียงแค่ 5 เหรียญนิรันดร์เท่านั้น เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้าร่วมการประลองให้มากๆ

เมื่อใครคนหนึ่งเอาชนะรอบแรกได้ เดิมพันจะสูงขึ้นเป็น 2 เท่าทันที ผู้เข้าท้าทายคนต่อไปจะต้อง จ่ายเงินในราคาที่เพิ่มขึ้นแล้วเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้

ผู้อาวุโสพยักหน้ายิ้มๆ “เอาล่ะ ผมจะกลับไปพักผ่อนนะ มีอะไรก็เรียกผมก็แล้วกัน”

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเพื่อเดินกลับห้อง แต่หลังจากออกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาและตะโกน “ผู้อาวุโส!”

“มีอะไร?” ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว

“เมื่อครู่นี้ นักสู้คนหนึ่งเพิ่งเอาชนะการประลองได้ถึง 10 รอบติดต่อกัน!” เจ้าหน้าที่ร้องออกมา

“10 รอบ?” ผู้อาวุโสถึงกับผงะ “นานแล้วนะที่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จขนาดนี้ในสังเวียนประลอง เขาเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจากสำนักดาวเจ็ดดวงหรือเปล่า?”

ในเมืองปี้หยวน ผู้ที่เอาชนะการประลองได้ 10 รอบติดต่อกันมักเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของสำนักดาวเจ็ดดวง

ผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นจะปรากฏตัวขึ้นเป็นระยะๆ แต่น้อยครั้งที่จะเข้าร่วมการประลอง เพราะถึงอย่างไรก็ถือว่าไม่ยุติธรรมต่อนักรบคนอื่นๆ เหมือนการที่นักสู้ผู้ช่ำชองขึ้นสังเวียนเดียวกันกับมือสมัครเล่น ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา ต่อให้พวกเขาเอาชนะได้ก็ตาม

“จากที่สอบถามจ้าวเหมิง เขาไม่ใช่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของสำนักดาวเจ็ดดวง” เจ้าหน้าที่ตอบ

จ้าวเหมิงคือหนึ่งในคือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของสำนักดาบเจ็ดดวง มีอันดับค่อนข้างสูง

“เข้าใจแล้ว…” ผู้อาวุโสชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบเดินกลับห้อง “ผมต้องไปดูสักหน่อย”

เขานำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาและเพ่งสมาธิเข้าไป ไม่ช้าก็มายืนอยู่ในหอนิรันดร์เสมือนจริง

ด้วยการก้าวยาวๆเพียง 2-3 ก้าว เขาก็มาถึงสังเวียนประลอง

บนสังเวียนประลอง มีนักสู้ 2 คนกำลังสู้กันด้วยมือเปล่า

นักสู้เสื้อคลุมสีเทาที่อยู่ทางซ้ายกำลังปล่อยพลังจากฝ่ามือออกมาเป็นชุด ส่วนนักสู้ที่อยู่ทางขวาก็ย่างเหยาะไปทั่วสังเวียนอย่างว่องไวเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีนั้น

“นักสู้เสื้อคลุมสีเทาคือศิษย์สายตรงอันดับต้นๆของสำนักดาวเจ็ดดวง, เมิ่งฮั่น, ใช่ไหม?”

“ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่!”

“ส่วนนักสู้อีกคนน่ะเอาชนะได้ถึง 12 รอบติดต่อกันอย่างง่ายดาย คู่ต่อสู้ของเขาสามคนเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจากสำนักดาวเจ็ดดวงด้วย ในฐานะศิษย์สายตรงชั้นยอด เขาคงรู้สึกว่าจะต้องปกป้องชื่อเสียงของสำนักดาวเจ็ดดวงไว้”

ทันทีที่มาถึงสังเวียนประลอง ผู้อาวุโสได้ยินเสียงออกความเห็นเซ็งแซ่

“นี่รอบที่ 13 แล้วหรือ?” ผู้อาวุโสผงะ

เขาจำได้รางๆว่าเมื่อครู่นี้เจ้าหน้าที่เพิ่งรายงานว่านักสู้คนหนึ่งเอาชนะการดวลได้ 10 รอบติดต่อกัน แล้วทำไมถึงกลายเป็น 12 รอบติดต่อกันแบบนี้?

“เขาคงเอาชนะได้อีก 2 รอบระหว่างที่ฉันตามหาคุณ…” เจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่มีสีหน้าไม่อยากเชื่อ “แต่นั่นก็ไม่น่าใช่นะ ฉันออกจากหอนิรันดร์ไปตามหาคุณเพียงแค่นาทีเดียว!”

ผู้อาวุโสอ้าปากค้าง

หมอนี่เล่นงานคู่ต่อสู้ได้ถึง 2 คนในเวลาเพียงนาทีเดียว!

“ดูนั่น!”

ขณะที่ผู้อาวุโสพยายามขบคิดว่าเกิดอะไรขึ้น นักสู้ที่เอาแต่หลบเลี่ยงพลังจากฝ่ามือมาตลอดก็ปล่อยหมัดออกมาอย่างกะทันหัน

พลั่ก!

เมิ่งฮั่น, ศิษย์สายตรงชั้นยอดของสำนักดาวเจ็ดดวงร่วงลงไปกองกับพื้น ร่างของเขาชักกระตุกไม่หยุด เมื่อมองไกลๆ ศีรษะของเขายุบเข้าไปข้างใน

“ขนาดเมิ่งฮั่นยังแพ้ง่ายๆแบบนั้นหรือ?” ผู้อาวุโสถึงกับอึ้ง

เมิ่งฮั่นเป็นนักสู้หมายเลข 1 ของหอนิรันดร์มาอย่างน้อย 3 ปีแล้ว ใครจะไปคิดว่าเขาจะร่วงด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว?

แบบนี้ก็หักมุมเกินไป!

ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ฝูงชนที่เหลือก็จังงัง

นักสู้ที่ทรงพลังขนาดนั้นต้องพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว…ยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ

…..

ที่สภาผู้อาวุโสของสำนักดาวเจ็ดดวง…

พลั่ก! ตุ้บ!

ชายวัยกลางคนคู่หนึ่งกำลังแลกหมัดกันอย่างดุเดือด คลื่นความสั่นสะเทือนแผ่ออกมาจากการปะทะของพวกเขา ทำให้อักษรที่จารึกไว้บนค่ายกลโดยรอบเรืองแสงซ้ำแล้วซ้ำอีกขณะดูดซับแรงปะทะนั้น

ทั้งคู่มีอายุราว 40-50 ปี แต่เป็นนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์แล้ว ทุกกระบวนท่าของพวกเขาดูจะมีอิทธิพลต่อพละกำลังของธรรมชาติ

ฟึ่บ!

ในที่สุดผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเขียวก็เข้าประชิดอีกฝ่ายได้ใกล้พอที่จะแทงลำคอของผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาได้ เขายั้งมือไว้ที่ระยะห่างเพียง 1 นิ้ว

“ผมแพ้แล้ว…” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทายอมแพ้

“เป็นการต่อสู้ที่ไม่เลว!” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเขียวตอบอย่างกระตือรือร้นก่อนจะหันไปมองฝูงชน “มีใครอยากดวลกับผมไหม?”

เงียบกริบ

ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวออกมาและประกาศ “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมขอประกาศว่าผู้อาวุโสหงอู่คือผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ ผมจะพาเขาไปที่ทะเลสาบพลัดดาว!”

ผู้อาวุโสคนนี้คือเจ้าสำนักดาวเจ็ดดวง, คุ่ยเฉี่ยว!

“ขอรับ เจ้าสำนักคุ่ย!” ฝูงชนประสานมือ

สองชั่วโมงก่อน คุ่ยเฉี่ยวสั่งการให้ผู้อาวุโสทุกคนที่สำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์และมีอายุต่ำกว่าร้อยปีมารวมตัวกันที่สภาผู้อาวุโสแห่งนี้ เขาจัดการให้ทุกคนดวลกันแบบแพ้คัดออก และสุดท้าย ก็เป็นผู้อาวุโสหงอู่ที่ได้ชัยชนะ

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครตั้งคำถามกับคำตัดสินของคุ่ยเฉี่ยว

“ผมมีบางอย่างต้องคุยกับผู้อาวุโสหงอู่เป็นการส่วนตัว พวกคุณที่เหลือแยกย้ายได้”

เจ้าสำนักคุ่ยพูดพร้อมกับโบกมือ

คนที่เหลือพยักหน้ารับก่อนจะออกจากสภาผู้อาวุโส

แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไป ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามารายงาน “เจ้าสำนักคุ่ย เกิดเรื่องแล้ว!”

“ฮะ?” เจ้าสำนักคุ่ยขมวดคิ้ว

ผู้อาวุโสที่เพิ่งเข้ามาคือผู้อาวุโสหมายเลข 1 ของสำนักดาวเจ็ดดวง แม้จะมีวรยุทธต่ำกว่าตัวเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นหนึ่งในนักรบระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม

ด้วยพละกำลังของเขา ไม่น่ามีอะไรทำให้เขาสะทกสะท้านได้ การที่อีกฝ่ายพรวดพราดเข้ามาด้วยอาการร้อนใจแบบนี้ แปลว่าต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก

“ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหอนิรันดร์แห่งเมืองปี้หยวน เขาท้าทายคู่ต่อสู้จำนวนมากมาย เข้าประลองติดต่อกันหลายรอบ แต่ไม่มีใครรับมือกับเขาได้เลย สุดท้ายเขาก็เอาชนะได้ถึง 13 รอบติดต่อกัน ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดของเรา, เมิ่งฮั่น ก็ท้าทายเขาด้วย แต่ขนาดเมิ่งฮั่นก็พ่ายแพ้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว” ผู้อาวุโสที่ 1 รายงานโดยใช้โทรจิต

“แม้แต่เมิ่งฮั่นก็สู้เขาไม่ได้?” เจ้าสำนักคุ่ยประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

เมิ่งฮั่นไม่ได้เป็นแค่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับ 1 ของสำนักดาวเจ็ดดวง แต่ยังเป็นศิษย์สายตรงของเขาด้วย มีความเป็นไปได้สูงที่ในอนาคตเมิ่งฮั่นจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสที่ 1 หรือแม้แต่สืบทอดตำแหน่งของเขา!

ด้วยความแข็งแกร่งของเมิ่งฮั่น เขาน่าจะเป็นนักรบผู้ไร้เทียมทานเมื่อเผชิญหน้ากับนักรบอมตะตัวจริงคนอื่นๆ แต่กลับลงเอยด้วยการพ่ายแพ้ในหมัดเดียว นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?

คุ่ยเฉี่ยวไม่อาจนิ่งเฉยได้กับความพิลึกพิลั่นนี้ เขาพูดพร้อมกับโบกมือ “ไปดูกันเถอะ”

“ขอรับ!”

ผู้อาวุโสที่ 1 รีบนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่เตรียมไว้ออกมา

คุ่ยเฉี่ยวรับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้ เขากำลังจะเข้าสู่หอนิรันดร์ ก็พอดีกับที่พลันนึกได้ เขาหันไปพูดกับผู้อาวุโสหงอู่ “คุณก็ควรมากับพวกเราด้วย”

ขณะที่พูด ก็โยนตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไป

“ขอรับ เจ้าสำนักคุ่ย!” ผู้อาวุโสหงอู่ตอบรับขณะคว้าตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้

ในเมื่อผู้เชี่ยวชาญคนนี้เอาชนะได้แม้แต่เมิ่งฮั่น เขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน

“ผู้ที่เอาชนะเมิ่งฮั่นได้…ชื่ออะไร?” เจ้าสำนักคุ่ยตั้งคำถามขณะหยดเลือดหยดหนึ่งลงไปบนตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลเพื่อเปิดใช้งาน

“ดูเหมือนเขาจะชื่อ…” ผู้อาวุโสที่ 1 อ้ำอึ้งไปครู่หนึ่งเพื่อครุ่นคิด ก่อนจะตอบว่า “หลิวหยาง!”