ตอนที่ 2,104 : แสงสุดท้าย…กระบี่?
ในขณะที่กล่าวถามออกไป แรงกดดันจากพลังที่ทัดเทียมกับขอบเขตเซียนสวรรค์ก็แผ่พุ่งออกไปกดทับพวกมันทั้ง 9 เอาไว้ เป็นพลังเซียนสุริยันที่ได้รับการหนุนเสริมจากปฐมเวทย์กลืนกินเรียบร้อยแล้ว!
ด้วยด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด แม้อาศัยพลังเซียนสุริยันอย่างเดียวไม่ได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน เขาก็แผ่แรงกดดันขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดได้แล้ว
ตอนนี้ด้วยมีเวทย์พลังสายสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน จึงทำให้พลังเซียนสุริยันของเขามีพลังอำนาจทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์!
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนแผ่แรงกดดันออกมา ทั้งหมดจึงตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์จริงๆ ร่างพวกมันจึงสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกแรงกดดันพลังของเขาทำให้หวาดกลัวขวัญหนีดีฝ่อ!
“ขอรับใต้เท้า!”
คนพันธมิตรขวานปฐพีที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุด เร่งกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพกลัวตาย
ขณะเดียวกันหลังตอบคำไปแล้วมันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตากับต้วนหลิงเทียน
เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้งหลายเมื่อได้ยินคนกล่าวตอบออกไป ก็เร่งตอบรับคำตามๆกันไปจนครบ 9 คน
จังหวะนี้ในใจของพวกมันอดไม้ได้ที่จะบังเกิดคววามขุ่นเคืองใจในตัวผู้นำอยู่บ้าง
หากพวกมันรู้แต่แรกว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า พวกมันก็ไม่กล้าสะกดรอยตามอีกฝ่ายมาแบบนี้!
เมื่อเผชิญหน้ากับคนของพันธมิตรขวานปฐพีที่หวาดกลัวจนตัวสั่น เรื่องราวหลังจากนั้นก็ง่ายดายแล้ว
ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามอะไร พวกมันก็ไม่กล้าโกหกต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น
“หืม? ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีให้พวกเจ้าคอยตามข้างั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบ
ว่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีเบื้องหน้าทั้งหมด ล้วนติดตามเขาเพราะคำสั่งของผู้นำอย่าง เหยาปู่จี ที่สั่งให้มาจับตาดูเขาหน้าโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ
สำหรับเหตุผลที่เหยาปู่จีให้มาจับตาดูเขานั้น พวกมันไม่รู้
อย่างไรก็ตามพวกมันคาดเดาว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…
เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินการคาดเดาของพวกมันเขาก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง สมองของพวกมันมีรูหรือไร ไฉนคิดเป็นตุเป็นตะไปได้ขนาดนี้ มโนเก่งนัก!
‘แปลกจริง…ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีทำไมถึงส่งคนมาจับตาดูข้า?’
ต้วนหลิงเทียนงุนงง
เขามั่นใจ
ว่าในตอนที่เขาสังหารคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 หน้าเมือง ไม่น่าจะมีใครแลเห็นใบหน้าเขาชัดเจน
‘จริงสิ…หลังจากเจ้าพวกนั้นตาย ดูเหมือนจะมีคลื่นพลังผันผวนบางประการ กลิ่นอายพลังยังคล้ายยันต์เต๋าอะไรสักอย่าง..หรือจะเป็นเพราะเรื่องนี้จริงๆ?’
ต้วนหลิงเทียนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา และยังมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้นตัวตนเขาถึงถูกเปิดเผย
จึงอดไม่ได้ที่จะลองถามผู้เฒ่าหั่วดู
“อาจเป็นได้”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบยืนยัน “ยันต์เต๋าที่เจ้าว่าสมควรทำงานหลังจากที่พวกมันตายตก นั่นหมายความว่ายันต์เต๋านั่นสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติหลังจากที่ผู้ครอบครองยันต์เต๋าหรือถูกใช้ยันต์ส่งสัญญาณบางประการตายตก…”
“จากการคาดเดาของข้า…ยันต์เต๋าที่เปิดใช้งานจากร่างพวกมัน สมควรมีความสามารถในการส่งภาพเรื่องราวช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เจ้าจะฆ่าพวกมันทิ้งไปยังผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีอะไรนั่น ทำให้มันเห็นฉากสังหารของเจ้า”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“มียันต์เต๋าอะไรแบบนี้อยู่ด้วย?”
ต้องบอกเลยว่าวาจาของผู้เฒ่าหั่วทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจกลัวไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าในโลกนี้ยังมียันต์เต๋าอะไรแบบนี้ดำรงอยู่ ตอนไปเดินดูในจัตุรัสกลางของลัทธิบูชาไฟ ไฉนเขาไม่เคยพบเห็น…
“ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าหั่วก็ตอบยืนยันทันที
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ลอบกล่าวในใจ ‘กลับไปนครแห่งบาปคราวนี้ต้องหาตำหรับตำราอะไรอ่านไว้บ้างแล้ว ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนมันมียันต์เต๋าอะไรให้ใช้บ้าง’
‘อย่างไรก็ตาม กับแค่ฆ่าคนไป 2 คน ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีถึงกับต้องระดมคนมากมายให้ตามหาข้าเลยงั้นเหรอ ยังส่งคนมาเฝ้าจับตาดูข้าแบบนี้อีก?’
‘จริงสิ…หรือจะเป็นเพราะกระบี่พันอาคมเซียน?’
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดาเรื่องราวได้ เพราะในแหวนพื้นที่ของชายชราผู้เป็นเป้าหมายของคนพันธมิตรขวานปฐพีนั้น มันมีกระบี่พันอาคมเซียนอยู่!
และกระบี่พันอาคมเซียนของชายชราที่ตายตก แน่นอนว่าตอนนี้ย่อมตกทอดมาถึงมือเขา
เรียกว่ายิ่งคิดต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้แน่ๆ
“พลังฝึกปรือผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเจ้าบรรลุถึงขีดขั้นไหน แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเจ้ามีด่านพลังอะไร?”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็มองจี้ถามคนของพันธมิตรปฐพีเสียงขรึม
จากการสอบสวนคนของพันธมิตรขวานปฐพี ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบ
ผู้นำพันธมิตรขาวนปฐพีเรียกว่า เหยาปู่จี พลังฝีมือของมันบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน และในพันธมิตรขวานปฐพีก็มีมันบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนั้นพลังฝีมือของเหยาปู่จีคนนี้ แม้มองทั่วเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งหมด แม้จะไม่ใช่คนที่ร้ายกาจที่สุด แต่มันก็อยู่ในอันดับบนๆ เรียกว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่งที่เก่งกล้ากว่าระดับกลางๆและล่างๆไม่น้อย
ดูได้จากอันดับในรายนามยอดเซียนของมัน
ปู้หงที่แพ้พ่ายเขาที่ลัทธิบูชาไฟนั้น แม้จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้ว แต่อันดับในรายนามยอดเซียนของมันก็แค่ 421 เท่านั้น ไม่นับว่าเป็นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ร้ายกาจอะไร
ทว่าผู้นำพันธฒิตรขวานปฐพีคนนี้ อันดับในรายนามยอดเซียนของมันคือ 266!
เช่นนั้นจึงเห็นความต่างระหว่างทั้งคู่ได้ชัดเจน
‘พันธมติรขวานปฐพีมีเหยาปู่จีคนเดียวที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน’
เป็นธรรมดาที่แม้จะรู้ว่าพลังฝีมือของเหยาปู่จีเหนือกว่าปู้หง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร
เพราะด้วยพลังฝีมือของเขาในปัจจุบันหากใช้กระบี่นิลสวรรค์ ขอเพียงเหยาปู่จีไม่ใช่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน คิดฆ่ามันเขาก็ลำบากแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
และในพันธมิตรขวานปฐพีก็มีเพียงเหยาปู่จีที่บรรลุเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณเพียงคนเดียว…
ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า
ในพันธมิตรขวานปฐพีแล้ว นอกจากเหยาปู่จีก็ไม่มีใครมีความสามารถที่จะจับร่องรอยกระบี่นิลสวรรค์ได้ หากเขาใช้เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจของยอดใจกระบี่ อาศัยกระบวนท่ากระบี่บินปลิดชีพมันก็ไม่มีใครรู้
สำหรับตัวเหยาปู่จีนั้น เกรงว่าทำได้แค่เห็นเงากระบี่ของเขาในพริบตาสังหารเท่านั้น
และทันทีที่มันเห็น มันก็ไม่ต่างใดจากคนที่ตายไปแล้ว
“พวกเจ้าทั้ง 9 อยากจะอยู่หรือตาย?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส ไม่อาจสัมผัสได้ถึงอารมรณ์ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น
“ขอใต้ผู้ยิ่งใหญ่เท้าโปรดเมตตา ข้าน้อยยังมิอยากตาย”
“ใต้เท้าข้าพเจ้าก็มิอยากตาย…ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ละเว้นข้าพเจ้าด้วย”
…
เมื่อคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ได้ยินคำถามตัดสินชีวิตของพวกมันจากปากต้วนหลิงเทียน ต่างก็เร่งกล่าวาตอบด้วยน้ำเสียงวิงวอนร้องขอชีวิตทันที
ล้อกันเล่นหรือไง!
หากเลือกอยู่รอดได้ใครมันจะไปอยากตาย?
“ถ้างั้นก็นำทางข้าไปฐานที่มั่นพันธมิตรขวานปฐพีของเจ้าเสีย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงบ หากแต่ลึกลงไปในถ้อยคำกลับแฝงเร้นไว้ด้วยเจตนาฆ่าฟันขุมหนึ่ง
ราวกับมีโมโหไม่น้อยที่อีกฝ่ายคิดฆ่าเขาก่อน!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
ทันทีที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ทั้ง 9 ก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บทันที
ฟังจากวาจาของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า มิใช่อยากจะบุกไปฐานที่มั่นของพันธมิตรขวานปฐพีพวกมันหรอกหรือ?
ใยมิใช่ตะพาบคิดลงให ปลาพุ่งเข้าไปในร่างแห?
หากแต่ไม่ว่าพวกมันจะมองอีท่าไหน ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ก็ไม่คล้ายคนสิ้นคิดเบื่อชีวิตคิดอยากตายสักกะผีกเดียว…
ดังนั้นย่อมเหลือความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น
‘ใต้เท้าผู้นี้น่ากลัวว่าจะไม่เกรงกลัวอะไรผู้นำ!’
จังหวะนี้ในใจของคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ยังเผยรอยยิ้มขื่นขมขึ้นมาถ้วนหน้า
สวรรค์ นี่พวกมันมาตอแยเทพยดาองค์ใดกัน?
พวกมันทุกคนเชื่อว่าที่อีกฝ่ายกล่าวถามเรื่องพลังฝึกปรือของผู้นำพวกมัน รวมถึงผู้ใดแข็งแกร่งที่สุดเมื่อครู่ หาได้ถามไปลอยๆไม่
อีกฝ่ายกำลังหยั่งถึงขีดจำกัดของพันธมิตรขวานปฐพี!
คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ย่อมไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของต้วนหลิงเทียน ต่างเหินร่างขึ้นฟ้า หมายนำทางต้วนหลิงเทียนออกจากป่า และย้อนกลับไปยังนครแห่งบาปทันที
“เรียนใต้เท้าก่อนที่พวกเราจะเข้ามาในป่า ข้าน้อยได้ใช้หยกส่งสัญญาณติดต่อกลับไปแล้ว…”
หลังเหินร่างย้อนกลับไปได้ไม่นาน คนของพันธมิตรขาวนปฐพีคนหนึ่งก็กล่าวแจ้งเรื่องราวออกมาให้ต้วนหลิงเทียนรู้อย่างกล้ากลัวๆ “ตอนนี้ผู้นำพันธมิตรขาวนปฐพีเรา…สมควรกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกัน”
“อ่า…มันมาถึงแล้วล่ะ”
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงของคนพันธมิตรขวานปฐพีผู้นั้นดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่เส้นขอบฟ้า อีกทั้งทิศทางดังกล่าวยังเป็นทิศทางกลับนครแห่งบาปพอดี
ซู่ม!
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นร่างหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ
ความเร็วของร่างดังกล่าวยังสูงล้ำเหนือกว่าขอบเขตความเร็วที่เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนจะบรรลุถึงได้
และไม่นานร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 และต้วนหลิงเทียน
การมาถึงของมันยังทำให้คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 โค้งคารวะด้วยความเคยชิน สองตายังแลดูสดใสขึ้นมาบ้าง “ท่านผู้นำ”
ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพี เหยาปู่จี!
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที ยังหันไปพินิจอีกฝ่ายด้วยความสนใจ
ชายวัยกลางคนผู้นี้รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดาเหลือเกิน หากโยนลงในฝูงชนเกรงว่าคงไม่อาจแยกแยะได้ออก
อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงแล้ว เหยาปู่จีก็ไม่สนใจการทำความเคารพของคนพันธมิตรมันทั้ง 9 เพียงมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา สายตาของมันยังคมกล้าปานมีดดาบ
เพียงเพราะว่า…
ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า คือคนที่ฆ่าลูกน้องทั้ง 2 ของมัน! มันเห็นหน้าตาอีกฝ่ายชัดเจนจากยันต์กระจกเงาแม่ลูก และเป็นคนที่เก็บกระบี่พันอาคมเซียนไป!
“เจ้า…”
ทันใดนั้นน้ำเสียงเยียบเย็นของเหยาปู่จีพลันดังขึ้น คล้ายคิดจะกล่าวคำอะไรบางอย่าง
ฟั่ฟฟฟ!!
ทว่าพริบตานั้นเอง เสียงหอนกรีดแหวกอากาศของกระบี่หนึ่ง พลันแว่วดังเข้าหูทุกผู้คน
ในขณะที่ลูกตาของเหยาปู่จี้กำลังหดหยี มันก็เห็นกระบี่หนึ่งที่ฉับไวปานลำแสงพุ่งมาถึงเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงล้ำเกินกว่ามันจะหลบได้ทัน!
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก…
เผชิญกับกระบี่ที่กระพริบลัดฟ้ามาดั่งประกายแสง อย่าว่าแต่จะหลบอะไร กระทั่งแค่ตอบสนอง มันยังไม่อาจตอบสนองใดได้ทันด้วยซ้ำ! แลเห็นได้เพียงแสงสุดท้ายที่พรากชีวิตของมันไป…!!
สึบบ!!
เสียงทะลวงชำแรกเลือดเนื้อหนึ่ง ดังขึ้นเข้าหูคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9! ยังดังขึ้นแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงกระบี่หอน พาลให้ใจพวกมันต้องสะท้านไปถึง 2 ครั้งติดต่อ!
ครู่ต่อมาพวกมันก็ได้แลเห็นฉากที่พวกมันคงไม่มีวันลืมเลือนได้ชั่วชีวิต
ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมัน เหบาปู่จี ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ติดอันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียน…
หว่างคิ้วปรากฏหลุมโลหิตอันน่าสยดสยอง…สมควรถูกหนึ่งกระบี่แทงทะลวงตกตาย!
“เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน”
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ ส่งกระบี่นิลสวรรค์พุ่งบินตัดฟ้าทะลวงหว่างคิ้วเหยาปู่จี้ เร่งรุดเข้ามาคว้าศพเหยาปู่จีทันที และเมื่อได้ฟังคำของผู้เฒ่าหั่ว สองตาของเขาก็ส่องสว่างขึ้นมาด้วยความยินดี ในใจยังตื่นเต้นนัก!