บทที่ 1461 : คืนกระบี่มังกรเทวะ
ฉินตงเฉวี่ยเดินนำหลิงหยุนไปตามถนนเงียบสงัดที่มุ่งสู่ทางด้านใต้ของหมู่บ้านตลอดสองข้างทางมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น แต่ละต้นล้วนมีลำต้นที่ใหญ่โต และสูงใหญ่กิ่งใบดกหนา ปกปิดท้องนภาเบื้องบนเหนือศรีษะของคนทั้งคู่ไว้มิดชิด
จากที่นี่ไปอีกสามสิบเมตรมีแม่น้ำที่กว้างกว่าสิบเมตรไหลจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก และน้ำในแม่น้ำก็ใสกระจ่างยิ่ง
เมื่อออกจากบ้านของฉินชุงเฟิงมาแรกๆทั้งสองคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผ่านไปได้สักระยะ ฉินตงเฉวี่ยจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบขึ้น
นางชะลอฝีเท้าลงพร้อมกับหันมองไปทางต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกิ่งใบที่ดกหนาอยู่เหนือศรีษะ พร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “ต้นไม้เหล่านี้มีชื่อว่ากั๋วหวยเป็นไม้ที่พบดาษดื่นทางใต้ของส่านซี และเป็นไม้ประจำเมืองซีอานด้วย”
“แต่ทั่วทั้งส่านซีไม้ทั้งสองข้างทางนี้นับว่าเก่าแก่ที่สุด ต้นที่อายุน้อยที่สุดยังยืนยาวไม่น้อยกว่าสามร้อยปี หลังจากต้นเก่าตายบรรพชนตระกูลฉินก็ได้ปลูกมันขึ้นมาใหม่”
มิรู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจที่ฉินตงเฉวี่ยเล่าประวัติเก่าแก่ของหมู่บ้านตระกูลฉินให้กับหลิงหยุนฟัง..
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าแต่มิรู้สึกประหลายใดอันใด นั่นเพราะหมู่บ้านตระกูลฉินมีประวัติมายาวนานมากกว่าสองพันปี
เมื่อเห็นหลิงหยุนยังคงนิ่งเงียบมิกล่าวอันใดออกมาฉินตงเฉวี่ยก็ได้แต่ถอนหายใจ นางหยุดนิ่งก่อนจะพูดต่อว่า
“หลิงหยุนเจ้าปฏิบัติต่อตระกูลฉินของ แตกต่างจากตระกูลหลิงของเจ้า” “…”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งไปเพราะไม่เข้าใจคำพูดของฉินตงเฉวี่ยแต่ในใจก็แอบคิดว่าจะให้เหมือนกันได้อย่างไรเล่า
หลิงหยุนแซ่หลิง..อีกทั้งเมื่อกลับเข้าตระกูลหลิง ทั้งท่านปู่และท่านพ่อต่างก็มีสายเลือดเดียวกันกับเขา ในวันที่หลิงหยุนเข้าไปกราบไหว้บรรพชน หลิงลี่ก็ได้มอบมรดกประจำตระกูลหลิงให้กับเขา อีกทั้งยังมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับเขาด้วย เรื่องราวภายในตระกูลหลิงทั้งหมดจึงล้วนแล้วแต่อยู่ในการตัดสินใจของหลิงหยุนทั้งสิ้น
แต่สำหรับตระกูลฉินแล้ว..เป็นไปมิได้เลยที่จะเป็นเช่นนั้น!
“ย่อมต้องแตกต่างกันอยู่แล้ว!”หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่เพียงครู่เดียวจึงเอ่ยขึ้น..
“นั่นสินะ!สำหรับเจ้า.. ตระกูลฉินคงต้อนรับเจ้าได้ในฐานะแขกคนหนึ่งเท่านั้น!”
ฉินตงเฉวี่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย..
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น..”
ฉินตงเฉวี่ยขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปว่า“แต่ข้าเห็นท่าทางเกรงอกเกรงใจของเจ้าบนโต๊ะอาหาร..”
“ฮ่าๆๆๆ”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะออกมาแล้วจึงตอบกลับไปว่า “เจ้าจะให้ข้าทำเช่นใด จะให้ข้าทำตัวเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่จิงฉู หรือทำตัวเหมือนที่ข้าอยู่ตระกูลหลิงงั้นรึ? เป็นไปไม่ได้!”
และหลิงหยุนก็อธิบายใหักับนางฟังว่า“ตงเฉวี่ย มันมิได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดเลย ข้าไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องผิดแปลกอันใด ในเมื่อข้ากับคนในตระกูลของเจ้าเพิ่งจะพบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงยังไม่สนิทสนมคุ้นเคย ของขวัญก็ยังมิได้นำมามอบให้พวกเขาด้วยซ้ำไป..”
“แต่หากได้ใช้เวลาอีกสักพักก็จะคุ้นเคยสนิทสนมกันไปเอง เหตุการณ์ทุกอย่างก็จะค่อยๆดีขึ้นกว่านี้..”
ร่างของหลิงหยุนมาหยุดยืนอยู่หน้าฉินตงเฉวี่ยพร้อมกับจ้องมองนางในขณะที่เอ่ยออกไป “สิ่งที่เจ้าเป็นอยู่เวลานี้ ทำให้ข้านึกถึงสำนวนหนึ่งขึ้นมา..”
“สำนวนใดรึ”
หลิงหยุนกล่าวออกไปช้าๆ“โจร.. สันหลังหวะ อย่างไรเล่า”
“เด็กแสบ..นี่เจ้ากล้าว่าข้าเชียวรึ!”
ใบหน้างดงามของฉินตงเฉวี่ยเปลี่ยนเป็นเดือดดาลขึ้นมาทันทีพร้อมกับยกเท้าขึ้นหันไปทางหลิงหยุน!
“นี่..อย่าหนีนะ!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว..
“ซิงเฉินกับเซียนเอ๋อเล่าเหตุใดจึงไม่มาพร้อมกับเจ้าด้วย?” ฉินตงเฉวี่ยนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามหลิงหยุน “ท่านแม่ของข้าสั่งให้นางกลับไปที่พรรคมารโดยเร็วที่สุดส่วนเซียนเอ๋อเวลานี้เก็บตัวฝึกฝนวิชาอยู่ที่ภูเขาเพลิง..”
หลิงหยุนที่กำลังกระโดดหลบหนีฉินตงเฉวี่ยเอ่ยตอบกลับมา..
“ภูเขาเพลิงงั้นรึ!ภูเขาเพลิงไหนกัน?!” ฉินตงเฉวี่ยหยุดชะงักและเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัย
“จะเป็นที่ใดได้อีกเล่าก็ภูเขาเพลิงที่พระถังซัมจั๋งกับเหล่าศิษย์ต้องเดินทางผ่านยังไงเล่า?”
หลิงหยุนหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะโยนแหวนในมือให้กับฉินตงเฉวี่ย “นี่.. ข้ามอบให้เจ้า!”
ฉินตงเฉวี่ยรับแหวนมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..
แหวนจักรวาลวงนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับแหวนที่หลิงหยุนสวมใส่เพียงแต่มีขนาดเล็กเหมาะกับนิ้วสตรีมากกว่า.. ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนหลิงหยุนได้มอบแหวนใหักับนางเป็นวงที่สองแล้ว..
ฉินตงเฉวี่ยแอบดีใจอยู่ลึกแต่ก็รีบเอ่ยถามออกไปว่า “นี่เป็นแหวนที่เจ้าหลอมใหม่งั้นรึ”
“ถูกต้องแล้ว..”
หลิงหยุนยิ้มและกล่าวต่อว่า“วันนี้เมื่อตอนบ่ายบนภูเขาเพลิง ข้าได้หลอมแหวนเช่นเดียวกันนี้ทั้งหมดสามวง วงหนึ่งให้เซียนเอ๋อ อีกวงให้เสี่ยวอู๋ ส่วนอีกวงก็ให้เจ้า..”
“พื้นที่ภายในของมันกว้างใหญ่มากเพียงพอที่เจ้าจะใช้ไปได้อีกนานทีเดียว เอาล่ะ.. รีบหยดเลือดลงไปเร็วเข้า!”
ฉินตงเฉวี่ยเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นับว่ายังดีที่นึกถึงข้า!”
หลังจากที่ทำการหยดเลือดลงไปแล้วฉินตงเฉวี่ยจึงได้เห็นว่า พื้นที่ภายในแหวนกว้างขวางใหญ่โตมากอย่างที่หลิหงยุนบอกจริงๆ
“แล้วก็นี่ด้วย..” หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เรียกกระบี่เหินออกมาเล่มหนึ่งมอบให้กับฉินตงเฉวี่ย..
“กระบี่เหินเล่มนี้เป็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นสูงสุดหลอมมาจากโลหะซึ่งได้จากกระบี่เหินของศิษย์คุนหลุน เจ้ารีบกลับมาตระกูลฉิน ข้าจึงยังไม่มีโอกาสมอบให้กับเจ้า”
ฉินตงเฉวี่ยเป็นผู้ที่ชื่นชอบการใช้กระบี่เป็นที่สุดและทันทีที่ได้เห็นกระบี่เหินล้ำเลิศเช่นนี้ ก็แทบมิต้องรอให้หลิงหยุนบอก นางทำการหยดเลือดของตนลงบนตัวกระบี่อย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
ฉินตงเฉวี่ยสื่อสารกับกระบี่เหินสั่งให้มันขยายใหญ่ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปแล้วบังคับควบคุมให้เหาะไปรอบๆ จากนั้นจึงสั่งให้มันร่อนลงต่ำสูงขึ้นจากพื้นดินราวสามฟุต
ฟิ้ว..
ฉินตงเฉวี่ยไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนจากนั้นจึงดึงกระบี่มังกรขาวออกมาจากเอวของตน นางจ้องมองกระบี่ในมือยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็กัดฟันตัดใจยื่นให้กับหลิงหยุน
“ข้าคืนให้กับเจ้า!”
นี่คือกระมังกรขาวที่หลิงหยุนเคยให้ฉินตงเฉวี่ยไว้ใช้แต่เวลานี้นางรู้แล้วว่าแท้จริงกระบี่เล่มนี้ก็คือกระบี่มังกรเทวะ..
“ข้ามิได้ขาดแคลนอาวุธเจ้าเก็บไว้ใช้สิ! เหตุใดจึงต้องคืนให้กับข้าด้วยเล่า”
หลิงหยุนเอ่ยตอบเพราะเวลานี้เขาหาได้ขาดแคลนอาวุธระดับของวิเศษไม่..
“กระบี่เล่มนี้เจ้าได้มาจากก้นหลุมยักษ์มันจึงควรเป็นของเจ้า อีกอย่าง.. ข้าเองก็เคยพูดไว้ว่าจะมอบคืนให้กับเจ้า!”
ฉินตงเฉวี่ยยอมรับตามตรงว่า“แม้ข้าจะสามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้ดี แต่ก็ดูเหมือนยากที่จะบังคับควบคุมได้ ตรงข้าม.. มันกลับจะบังคับควบคุมข้าเสียมากกว่า!”
หลิงหยุนเข้าใจความรู้สึกของฉินตงเฉวี่ยได้ดีกระบี่มังกรขาวเป็นอาวุธขั้นสูง มันจึงมิยอมรับนางเป็นเจ้านาย..
หลิงหยุนนึกถึงเมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยูครั้งนั้นกระบี่มังกรเทวะเล่มนี้ ได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาเอง และได้ช่วยเขารับมือกับเมฆหลากสี
เห็นได้ชัดว่าฉินตงเฉวี่ยมิอาจสื่อสารกับกระบี่มังกรเทวะนี้ได้!
“ตกลง..ข้าจะรับกลับคืน!”
หลิงหยุนตอบกลับไปพร้อมกับรับกระบี่มังกรเทวะกลับเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาลของตนทันที!