บทที่ 821 ค่ำคืนอันยาวนาน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 821 ค่ำคืนอันยาวนาน

“คัมภีร์แผนภูมิจิตจำแลง?”

หลินเป่ยเฉินมองแผ่นหินที่อยู่ในมือด้วยความพิศวง

บนแผ่นหินแกะสลักไว้ด้วยท่วงท่าการใช้กระบี่หลายร้อยกระบวนท่า แต่ละกระบวนท่ามีจุดโจมตี และอานุภาพในการทำลายล้างแตกต่างกันไป

นับเป็นวิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยม

เป็นวิชากระบี่ที่ควรค่าต่อการเรียนรู้

แต่ว่า… มันไม่ใช่คัมภีร์ฝึกพลังจิตสักหน่อย

“พี่ใหญ่เกา ขอเพียงข้าสามารถจดจำท่วงท่ากระบี่บนแผ่นหินเก่าครึนี้ได้ทุกท่า ก็เท่ากับว่าข้าสามารถฝึกฝนวิชาพลังจิตนี้ได้สำเร็จแล้วใช่ไหมขอรับ?”

เขาจ้องมองเกาเฉิงฮั่นด้วยแววตาเหมือนนักฟุตบอลที่จ้องมองผู้จัดการทีม

“แผ่นหินเก่าครึ?” เกาเฉิงฮั่นชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ “งั้นเจ้าก็เอาคืนมา”

หลินเป่ยเฉินรีบยิ้มประจบทันที “พี่ใหญ่ใจเย็นก่อน ข้าแค่เผลอพูดออกไปโดยไม่ทันคิด… ว่าแต่นี่คือวิชาพลังจิตสำหรับผู้มีพลังขั้นเซียนแน่นะขอรับ?”

“แน่นอน”

เกาเฉิงฮั่นคลายหัวคิ้วที่ขมวดลงและพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “วิชาแผนภูมิจิตจำแลงคือหนึ่งในวิชาพลังจิตที่ดีที่สุด ถือเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าของแผ่นดินตงเต้า ตามตำนานเล่าขานกันว่า มันคือคัมภีร์พลังจิตระดับหกดาวเลยทีเดียว…”

“อ้าว แค่ระดับหกดาวเท่านั้นหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

เกาเฉิงฮั่นยื่นมือออกมาข้างหน้า “งั้นก็เอาคืนมา…”

“พี่ใหญ่ได้โปรดใจเย็นก่อนขอรับ ใจเย็นก่อน… ขอเชิญท่านพี่อธิบายต่อไป”

หลินเป่ยเฉินรีบขอโทษโดยไม่ต้องคิด

เกาเฉิงฮั่นกัดฟันกรอดและอธิบายว่า “เจ้าอย่าได้ประมาทคัมภีร์พลังจิตระดับหกดาวเด็ดขาด และเจ้าควรรู้ไว้เสียด้วยว่าการฝึกพลังจิตนั้นยากเย็นยิ่งกว่าการฝึกวิทยายุทธ์ด้วยพลังลมปราณหลายเท่า ถึงมันจะเป็นคัมภีร์พลังจิตระดับหกดาว แต่ก็ถือว่าเป็นคัมภีร์ที่หาได้ยากมากแล้ว ถ้าเอาไปขายในตลาดมืด เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนกับคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับเจ็ดดาวถึงสามเล่มได้สบายๆ แต่การพูดถึงเรื่องทฤษฎีให้คนโง่เขลาเช่นเจ้าฟัง ก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใดอีกแล้ว”

แทนที่จะฉุนโกรธในคำดูถูกของเกาเฉิงฮั่น หลินเป่ยเฉินทำได้เพียงยิ้มแย้มตอบกลับไป

ก็ใครใช้ให้เขาโง่เขลาถึงเพียงนี้

ก็ใครใช้ให้เขารู้จักการฝึกวิชาผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้นล่ะ

เกาเฉิงฮั่นส่งเสียงเฮอะฮะในลำคออีกหลายครั้งก็กล่าวต่อ “แต่วิธีการฝึกพลังจิตวิชานี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ขอเพียงเจ้าหลับตาลงและสามารถจดจำทุกกระบวนท่าบนแผ่นหินได้สำเร็จ ก็ถือว่าเจ้าบรรลุวิชาแผนภูมิจิตจำแลงแล้ว มันจะทำให้เจ้ามีพลังจิตแข็งแกร่งมากขึ้น เทียบเท่ากับระดับพลังของเจ้าในปัจจุบัน”

“ง่ายขนาดนั้นเลยหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินยังคงไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี

เพราะมันฟังดูง่ายเกินไป

เกาเฉิงฮั่นทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจอีกครั้ง “ข้าเองกว่าจะฝึกวิชานี้ได้สำเร็จก็ใช้เวลาร่วมเดือน หลินเป่ยเฉิน เจ้ามีพรสวรรค์ก็จริง แต่เจ้าไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน บนโลกนี้มีคัมภีร์เกี่ยวกับพลังจิตอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฝึกได้สำเร็จ และคัมภีร์พลังจิตระดับหกดาวเช่นนี้ หากข้าไม่ได้ยึดถือเจ้าเป็นเสมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา ข้าก็คงไม่เอาออกมาให้เจ้าดูอย่างแน่นอน…”

“ขอบคุณพี่ใหญ่เกามากขอรับ”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าขัดจังหวะการพูดของเกาเฉิงฮั่นอย่างไร้เยื่อใย “ในเมื่อวิธีการฝึกไม่ซับซ้อน ท่านสามารถฝึกได้ ข้าก็ย่อมฝึกได้เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องสำเร็จวิชานี้ให้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น”

เกาเฉิงฮั่นพูดอะไรไม่ออก

ก็เขาเพิ่งบอกอยู่ว่าวิชานี้ไม่ใช่จะฝึกกันได้ง่ายๆ อย่างที่คิด แล้วทำไมหลินเป่ยเฉินถึงได้มั่นใจนะ?

ถ้าเด็กหนุ่มสามารถสำเร็จวิชานี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วันจริง ก็คงนับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากแล้ว

หลินเป่ยเฉินเก็บแผ่นหินเก่าครึเข้าไปในถุงเก็บของวิเศษและกล่าวว่า “นี่ก็ดึกแล้วขอรับ เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่ข้าจะเข้าไปโปรยเสน่ห์ใส่เหยียนอิง เดี๋ยวข้าจะลองไปสำรวจดูค่ายที่พักของพวกมันก่อน ส่วนเรื่องการปกป้องกำแพงเมือง ต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่เกาแล้ว”

พูดจบ เด็กหนุ่มก็หายตัวไปจากป้อมบัญชาการรบราวกับเป็นสายลมวูบหนึ่ง

เกาเฉิงฮั่นยังไม่ทันจะได้ยกมือตบไหล่บอกให้เด็กหนุ่มระวังตัว อีกฝ่ายก็หายตัวไปเสียแล้ว

เด็กคนนี้ช่างรวดเร็วจริงๆ

คัมภีร์แผนภูมิจิตจำแลงคือวิชาการฝึกพลังจิตที่หายาก เกาเฉิงฮั่นต้องซื้อมาด้วยราคาแพงลิบลิ่ว ผู้คนธรรมดาล้วนไม่มีวาสนาได้รับชมเด็ดขาด และการที่เขามอบแผ่นหินให้หลินเป่ยเฉินหยิบยืม ก็เป็นเพราะต้องการจะสานมิตรภาพให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

คิดไม่ถึงเลยว่าคำขอบคุณสักคำ หลินเป่ยเฉินก็ไม่คิดจะกล่าว

แต่แน่นอนว่าเกาเฉิงฮั่นคงไม่สามารถซื้อใจหลินเป่ยเฉินได้ด้วยแผ่นหินแผ่นเดียวอยู่แล้ว

ในอนาคตข้างหน้า เขาต้องคิดหาวิธีอื่นที่จะซื้อใจเด็กหนุ่มผู้นี้ให้ได้

ค่ายที่พักของชาวทะเล

ด้านในกระโจมหลังใหญ่ประดับด้วยไข่มุกราตรีถึง 24 เม็ด ทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน

ในอากาศมีลูกไฟสีแดงกำลังลอยอยู่ตรงกลาง ปลดปล่อยคลื่นพลังงานความร้อนออกมาเล็กน้อย

อากาศในกระโจมจึงอบอุ่น

นี่คือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของชาวทะเล

แม้แต่ชาวทะเลที่มีฝีมือแข็งแกร่งและมีระดับพลังสูงส่ง ก็ยังไม่สามารถทนอยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่นและแห้งผากเช่นนี้ได้เป็นเวลานานๆ

นายทหารหน่วยองครักษ์ม้าน้ำจากวิหารทมิฬเดินลาดตระเวนอยู่รอบกระโจม

ในกระโจมมีเพียงเด็กสาวบนรถเข็นผู้เดียวเท่านั้น นางกำลังถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกส่งผ่านมาในเปลือกหอยแก้วใส เมื่อโคจรพลังลมปราณใส่ลงไป หน้ากระดาษที่ว่างเปล่าก็จะปรากฏตัวอักษรขึ้นมา… ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินทั้งสิ้น

เหยียนอิงชอบอยู่คนเดียว

นางนั่งอยู่บนรถเข็นและอ่านข้อมูลเพียงลำพัง

เด็กสาวแตกต่างจากชาวทะเลโดยทั่วไป นางชอบอยู่คนเดียว ชอบอากาศที่อบอุ่น…

อาจเป็นเพราะว่าสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง ครึ่งหนึ่งมาจากสายเลือดของบิดาที่เป็นมนุษย์ ซึ่งนางเกลียดชังเขาที่สุด

เพราะสายเลือดของเขาที่ไหลอยู่ในตัวเหยียนอิง มันจึงทำให้นางกลายเป็นตัวแปลกประหลาดของชาวทะเล

เมื่อวางกระดาษข้อมูลของหลินเป่ยเฉินลง เหยียนอิงก็เริ่มต้นใช้ความคิด

ภาพของหลินเป่ยเฉินปรากฏขึ้นมาในหัว

ฉากการต่อสู้ของเขาเล่นซ้ำในหัวสมองของเหยียนอิงช้าๆ ราวกับภาพสโลว์โมชั่น

นางพยายามจะหาจุดอ่อนในการโจมตีของหลินเป่ยเฉิน

“มารดาชื่นชอบในตัวเขามาก ถึงกับอยากให้ข้าลองเป็นพันธมิตรกับเขา… ช่างเป็นความคิดที่โง่เง่าสิ้นดี”

“หลายปีที่ผ่านมา เหตุไฉนมารดาถึงยังเชื่อใจมนุษย์อยู่อีกนะ? มารดาไม่ได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลยหรืออย่างไร? เพราะมนุษย์ผู้นั้น มารดาต้องถูกจองจำอยู่ถึง 15 ปี แต่มารดาไม่เคยเกลียดชังเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว มิหนำซ้ำ มารดายังอยากจะอยู่กับเขา ยังเอ็นดูและชื่นชมลูกศิษย์ของเขาเหลือเกิน…”

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเหยียนอิงก็ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ และไข่มุกราตรีที่ประดับอยู่ในกระโจมก็มีแสงสว่างไสวเพิ่มมากขึ้น

เหยียนอิงเป็นเด็กสาววัย 15 ปี ยังไม่รู้ซึ้งถึงเรื่องราวความรักระหว่างคนสองคน แต่ไม่ว่าจิตใจของนางจะโกรธแค้นยิ่งกว่าผู้ที่โตเต็มวัยสักเท่าไหร่ ทว่า ร่างกายของเหยียนอิงกลับยังดูอ่อนเยาว์กว่าที่เป็น และเมื่อนางสามารถเก็บกดความโกรธแค้นในจิตใจกลับลงไปได้สำเร็จ โฉมหน้าที่งดงามของเด็กสาวก็กลับมาพริ้มพรายด้วยเสน่ห์อีกครั้ง

มีแต่เพียงดวงตาเท่านั้นที่แสดงออกถึงความโกรธแค้นอย่างชัดเจน

“เราต้องฆ่าเขาให้ได้ และเราจะพิสูจน์ให้มารดาเห็นว่าท่านคิดผิด”

“ข้าจะนำหัวของลูกศิษย์สุดที่รักกลับไปให้เขาดูด้วยตนเอง อยากรู้นักว่าเขาผู้นั้นจะทำสีหน้าอย่างไร”

เหยียนอิงคิดแค้นด้วยจิตใจที่ดำมืด หลังจากนั้น จึงเริ่มต้นวางแผนการขึ้นมาอย่างละเอียดรอบคอบ

บัดนี้ นางรู้ข้อมูลส่วนตัวของหลินเป่ยเฉินหมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวชีวิตส่วนตัว รายชื่อญาติสนิทมิตรสหาย วีรกรรมในอดีตที่เขาเคยสร้างเอาไว้ในเมืองหยุนเมิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างต่างถูกเขียนอยู่บนกระดาษในเปลือกหอยทั้งสิ้น

ไม่ว่าคนเราแข็งแกร่งสักเพียงใด ตราบใดที่หาจุดอ่อนเจอ ก็สามารถโค่นล้มได้อย่างง่ายดาย

เหยียนอิงมั่นใจว่าตนเองพบเจอจุดอ่อนของเขาแล้ว

มุมปากของเด็กสาวปรากฏรอยยิ้ม

และในทันใดนั้น…

“ค่ำคืนนี้ช่างยาวนาน ข้านอนไม่ค่อยหลับ คิดว่าจะมีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้นที่ข่มตาไม่ลง ปรากฏว่าน้องสาว… เอ๊ย ปรากฏว่าพี่สาวท่านนี้ก็นอนไม่หลับเช่นกัน…”

เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง

เหยียนอิงหรี่ตาลงเล็กน้อย