ชายชราหน้าอีกากางนิ้วทั้งห้าออกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีขนนกยาวแวววาวสีแดงสดปรากฏขึ้น สีสันแวววาวราวกับว่าแกะสลักมาจากผลึกน้ำก็ไม่ปาน

ผู้เฒ่าถงหยามีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส หลังจากที่เพ่งมองขนนกในมือชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็สะบัดข้อมือ คาดไม่ถึงว่าจะโยนสิ่งนั้นกลับมา และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางเอ่ยกับเป่าฮวา

“เป่าฮวาคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวาสนาได้พบกับใต้เท้าผู้นั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเห็นแก่หน้าใต้เท้าผู้นั้น ครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้า บอกแผนที่เจ้าว่าดีทั้งสองฝ่ายออกมาเถิด ตาเฒ่าจะลองฟังดู”

“ขอบคุณสหายที่ไม่ถือสา เช่นนั้นข้าจะลองพูดก่อน สหายคนอื่นๆ ไม่มีความเห็นสินะ” เป่าฮวาหัวเราะน้อยๆ แล้วกวาดตามองรอบๆ ขณะเอ่ย

“สหายเป่าฮวาไม่ต้องเกรงใจ พวกเราเองก็อยากฟังว่าสหายวางแผนอย่างไร”

“ใช่แล้ว จากชื่อเสียงของสหายเป่าฮวา ตาเฒ่าย่อมเชื่อถือ”

บรรพชนระดับมหายานเหล่านี้เห็นผู้เฒ่าถงหยายอมถอยให้ ก็ทยอยกันเอ่ยอย่างผ่อนคลายลง จากนั้นก็รอคำพูดต่อไปของเป่าฮวาอย่างเงียบๆ

“ในเมื่อสหายทุกท่านเห็นด้วย เป่าฮวาก็ไม่เกรงใจแล้ว ความจริงแล้วครึ่งปีก่อน ข้าเคยแอบเข้าไปในจุดผนึกอีกครั้ง” รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่าฮวาหายไป และเอ่ยสิ่งที่ทำให้บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ ตกตะลึง

“อันใด สหายเป่าฮวาจะแอบเข้าไปในจุดผนึก”

“จะเป็นไปได้ๆ อย่างไร นางทำได้อย่างไร”

ชั่วขณะนั้นระดับมหายานจากแดนอื่นพลันทยอยกันถกเถียงด้วยความตกตะลึง บรรพชนศักดิ์สิทธิ์แดนมารเหล่านั้นก็มีสีหน้าตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้มาก่อน

“สหายทุกท่านไม่ต้องตกใจ ข้าทำได้ประการแรกเป็นเพราะข้าฝึกฝนอิทธิฤทธิ์ล่องหนที่ค่อนข้างพิเศษหลายชนิด อีกประการหนึ่งคือกระจกพิภพมายาน้อยบานใหม่ที่หลอมขึ้น พอมีสมบัติชิ้นนี้คอยปกป้อง ข้าก็ไม่ทำให้แมลงพิษเหล่านั้นตกใจ และแอบเข้าไปในจุดผนึกได้ จึงพบความเปลี่ยนแปลงใหม่ นี่คือสาเหตุที่เมื่อครู่ข้าพูดกับสหายถงหยาว่ามีวิธีทำให้สำเร็จทั้งสองทาง” เป่าฮวากลับไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของคนอื่น กลับอธิบายน้อยๆ สองสามประโยค

“สหายพบความเปลี่ยนแปลงอันใดที่จุดผนึกกันแน่? คาดไม่ถึงว่าจะทำให้สหายเป่าฮวาเปลี่ยนความคิดเดิม!” มีบรรพชนระดับมหายานคนหนึ่งทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

ระดับมหายานคนอื่นๆ เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน

“เพราะพลังที่จุดผนึกเหมือนกับที่ข้าไปครั้งที่แล้ว ไม่อาจเข้าไปในส่วนลึกของจุดผนึกได้เช่นเดิม ทำได้เพียงตรวจสอบอยู่ขอบไกลๆ จากที่ข้าตรวจสอบผนึกโบราณดูเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลง” เป่าฮวากลอกตาคู่งามไปมาแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

“จุดผนึกเปลี่ยนแปลง สหายหมายถึงเปลี่ยนแปลงอย่างไร?” บรรพชนระดับมหายานที่แต่งกายด้วยชุดจักรพรรดิเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“สหายอวี้เจี้ยนไม่ต้องกังวล ความเปลี่ยนแปลงนี้กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องดี เพราะข้าพบว่าผนึกโบราณที่เดิมสลายหายไปครึ่งหนึ่ง ดูเหมือนจะซ่อมแซมตนเอง แม้ว่าจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่จุดผนึกโบราณแข็งแกร่งขึ้นกว่าครั้งที่แล้วที่ข้าไป ราวกับว่าตัวมันมีสติปัญญาของตนเอง” เป่าฮวาตอบกลับพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

“ซ่อมแซมตนเอง มีสติปัญญา!”

เหล่าบรรพชนระดับมหายานในห้องโถงพลันมองสบตากันแล้วอดที่จะมองกันไปมาไม่ได้

“ในเมื่อสหายเป่าฮวาเห็นด้วยตนของตนเอง คิดดูแล้วน่าจะไม่ผิด แต่ข้าน้อยไม่ค่อยเข้าใจ ครั้งที่แล้วสหายพูดว่าพลังของจุดผนึกถูกมารดาแมลงควบคุมไว้มิใช่หรือ หากพลังผนึกแข็งแกร่งขึ้น แมลงตัวนั้นน่าจะรับมือได้ยากขึ้นถึงจะถูก เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องดี” ครั้งนี้กลับเป็นจินชาระดับมหายานแห่งแดนลำแสงสีขาวที่ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

“ดูแล้วสหายผู้นี้คงเข้าใจผิด พลังผนึกแข็งแกร่งขึ้นที่ข้าพูดเมื่อครู่ ไม่ได้หมายถึงส่วนที่ถูกมารดาแมลงควบคุม แต่ยังคงเป็นพลังผนึกที่ถูกผนึกโบราณควบคุมอยู่ แม้ว่าพลังกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นแต่เทียบกับผนึกโบราณแล้วก็ยังไม่เพียงพอ แต่ก็หมายความว่าจะดูแคลนพลังเดิมของผนึกได้ พวกเรายังคงอาศัยได้” เป่าฮวาแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย

“ตาเฒ่ายังฟังไม่เข้าใจว่าวิธีที่จะสำเร็จทั้งสองฝ่ายอยู่ที่ใด? เป่าฮวา เจ้ามีแผนการณ์อันใด ก็พูดมาตรงๆ เถิด อย่าปิดยังเลย” ชายชราหน้าอีกาแค่นเสียงหึง แล้วเอ่ยอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย

“ข้าไม่มีอันใดต้องปิดบัง แค่อยากพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนเท่านั้น ถึงจะอธิบายแผนการต่อจากนี้ให้สหายคนอื่นเข้าใจได้” เป่าฮวาสั่นศีรษะขณะเอ่ย

“เยี่ยม เช่นนั้นตาเฒ่าจะล้างหูรอฟังต่อ” ชายชราหน้าอีกาส่งค้อนวงใหญ่ ท่าทีไม่คิดเช่นนั้น

เป่าฮวาพลันฉีกยิ้ม แล้วอธิบายเรื่องของตนเองต่อ

“เพราะการตรวจสอบครั้งที่แล้วพบว่าจุดที่มารดาแมลงพักพิงและจุดที่สหายหยวนเหยี่ยนติดอยู่ไม่ใช่ที่เดียวกัน ไม่ว่าจะสัมผัสเขตอาคมฝั่งใดก็จะทำให้มารดาแมลงตกใจ ดังนั้นแผนเดิมของข้าคือคิดจะรวบรวมพลังของทุกคนมากดมารดาแมลงเอาไว้ จากนั้นค่อยหาวิธีช่วยสหายหยวนเหยี่ยนและพวก แน่นอนว่าผลของการกระทำเช่นนี้ อาจจะทำให้แมลงตัวนั้นโกรธเกรี้ยว ทำให้มันกระตุ้นพลังผนึกต่อกรกับสหายที่ถูกกักอยู่ทันที เช่นนั้นสหายหยวนเหยี่ยนและพวกก็อาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่ยามนี้ข้าพบว่าหลังจากที่ผนึกโบราณมีสติปัญญาแล้วก็คิดจะช่วยผนึกโบราณชิงพลังส่วนที่สูญเสียไปก่อน หากทำสำเร็จ ไม่เพียงสหายหยวนเหยี่ยนและพวกจะหลุดจากพันธนาการได้ หลังจากที่มารดาแมลงถูกควบคุมอีกครั้งหลังจากที่พลังผนึกโบราณกลับมา ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ต้องให้พวกเราออกแรงมากนัก ก็อาศัยผนึกโบราณกดมารดาแมลงได้อย่างง่ายดาย”

ในที่สุดเป่าฮวาก็เอ่ยแผนการณ์ของตนเองออกมารวดเดียว

เหล่าบรรพชนระดับมหายานในตำหนักได้ยินพลันมีสีหน้าหลากหลาย บ้างก็เผยสีหน้าดีใจออกมา บ้างก็พึมพำไม่พูดไม่จา แต่บางคนก็มีท่าทีลังเลไม่แน่ใจ

หานลี่ลูบใต้คางแล้วเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

อิ๋นเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างพลันกะพริบตาปริบๆ ไม่ได้เผยสีหน้าใดๆ มากนัก

“สหายเป่าฮวา แผนการณ์ของเจ้าดูไม่เลว แต่ตาเฒ่ากลับมีข้อสงสัย หวังว่าจะอธิบายให้ได้” ผู้เฒ่าถงหยาเงียบขรึมไปชั่วครู่ แล้วกลับเอ่ยปากขึ้น

“สหายมีข้อสงสัยใด ก็ถามมาเถิด” เป่าฮวาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

“ข้าอยากรู้ว่า ต่อให้ผนึกโบราณมีสติปัญญาอย่างที่เจ้าพูดจริง แต่เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำให้มันร่วมมือกับพวกเราได้ หากไม่มีผนึกโบราณช่วยเหลือ พวกเราคิดจะชิงพลังผนึกที่มารดาแมลงควบคุมอยู่ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เพ้อฝันแล้ว ถึงอย่างไรเสียแมลงตัวนั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตอันน่ากลัวที่แม้แต่เซียนเที่ยงแท้บนแดนเบื้องบนก็ไม่อาจสังหารได้ ขอแค่มีความผิดพลาดด้านห้วงเวลาเพียงเล็กน้อย พวกเราก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย หากพวกเราเองก็ติดอยู่ในผนึก แดนต่างๆ คงไม่ส่งคนมาช่วยสนับสนุนง่ายๆ อีก” ผู้เฒ่าถงหยาเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ

“พี่ถงหยาวางใจ ในเมื่อข้ามีแผนการณ์นี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะมีวิธีที่จะติดต่อกับผนึกโบราณได้ ตอนนั้นข้าเป็นหนึ่งในบรรพชนแรกเริ่มที่เคยรักษาการณ์อยู่ที่จุดผนึกมาหลายหมื่นปี หากพูดถึงความเข้าใจเขตอาคมโบราณนี้ หยวนเหยี่ยนและเนี่ยผานย่อมสู้ข้าไม่ได้ จุดนี้สหายถงหยาโปรดวางใจ ไม่มีปัญหาแน่” เป่าฮวาตอบกลับอย่างมีแผนการในใจ

“จากชื่อเสียงของสหายเป่าฮวา ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ ตาเฒ่าย่อมเชื่อมั่น และยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ข้าก็คิดจะช่วยคนก่อน มีแผนการณ์ที่ดียิ่งกว่า ไม่ขัดแย้งกับจุดประสงค์ของข้า ตาเฒ่าย่อมไม่มีความเห็น” ชายชราหน้าอีกาหรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

เป่าฮวาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามสิ่งมีชีวิตระดับมหายานคนอื่นๆ

“ทุกท่านยังมีปัญหาอันใดหรือไม่? หากไม่มี จากนี้ก็ปรึกษาแผนการณ์ที่ละขั้นกันเถิด แม้ว่าข้าจะมีแผนคร่าวๆ แต่รายละเอียดนั้น กลับต้องให้สหายทุกท่านช่วยกันออกความเห็น”

สิ่งมีชีวิตระดับมหายานในตำหนักพลันซุบซิบนินทากัน และมีระดับมหายานสองสามคนเอ่ยคำถามและเกี่ยวกับผนึกโบราณออกมาตามลำดับ

เป่าฮวาต่างตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ

นี่จึงทำให้บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ รู้สึกพึงพอใจมาก รู้สึกว่าเป่าฮวาขบคิดการเดินทางครั้งนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่ได้ทำอย่างลวกๆ

เวลาต่อจากนี้บรรพชนทั้งหมดก็ไม่มีความเห็นอื่น ทุกคนจึงเริ่มปรึกษารายละเอียดทีละขั้นตอนกัน

หลังจากผ่านการปรึกษาและถกเถียงกันหนึ่งวันหนึ่งคืน รายละเอียดทุกอย่างก็ถูกไตร่ตรองจนเสร็จเรียบร้อย บรรพชนระดับมหายานในห้องโถงล้วนรู้สึกว่าแผนการณ์ไม่มีปัญหาอันใดนัก และหลังจากที่นัดกันว่าจะออกเดินทางอีกสิบวันให้หลัง ในที่สุดการชุมนุมก็จบลง

หลังจากที่ตำหนักสีเหลืองทองเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นลำแสงหลีกหนีสองสามสายและสายรุ้งก็บินออกมา พลางหายวับไปจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว

หานลี่ก็พานักพรตเซี่ยและอิ๋นเย่ว์เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเตรียมหายอดเขาแถวๆ ทะเลทรายสักแห่งไว้พักอาศัยสักระยะหนึ่ง

แต่หลังจากที่ลำแสงหลีกหนีของทั้งสามออกมาจากเมืองดินได้หนึ่งล้านลี้ หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสี ลำแสงหม่นแสงลง คาดไม่ถึงว่าจะหยุดอยู่กลางอากาศ หลังจากกวาดตามองไปด้านข้างแวบหนึ่ง ก็เอ่ยอย่างราบเรียบ

“ในเมื่อสหายเป่าฮวามาถึงแล้ว เหตุใดต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย ปรากฏตัวมาพบผู้แซ่หานเถิด”

อิ๋นเย่ว์เห็นเช่นนี้ ก็หยุดอยู่ด้านข้างหานลี่ด้วยความตกตะลึง

ลำแสงหลีกหนีของนักพรตเซี่ยเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏตัวด้านหลังหานลี่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ส่วนจุดที่หานลี่มองไปกลับมีเสียงไพเราะดังขึ้น

“คิดไม่ถึงว่าไม่ได้พบกันแค่สั้นๆ สหายหานจะพัฒนามาอยู่ในระดับมหายานได้ และยิ่งไปกว่านั้นอิทธิฤทธิ์ยังร้ายกาจมาก ดูแล้วที่หยวนเหยี่ยนหวาดกลัวเจ้าคงถูกต้องแล้ว”

สิ้นเสียงระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้น เงาลวงตาดอกบัวยักษ์สีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างสง่างามปรากฏขึ้น แผ่นหลังมีชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่

นั่นก็คือเป่าฮวาและจระเข้ดำทั้งสองคน

หญิงสาวผู้นี้มองมาทางหานลี่ด้วยสีหน้าราบเรียบ แววตากลับเผยสีหน้าสนอกสนใจออกมา

“อันใด สหายเป่าฮวารู้สึกเสียใจกับเรื่องในอดีตหรือ?” หานลี่กลับย้อนถามกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ

“เสียใจ ก็อาจจะกระมัง! ทว่าหากไม่ทำเช่นนี้ข้าจะฟื้นฟูพลังยุทธ์กลับมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร และยิ่งไปกว่าการเดินทางครั้งนี้มีพี่หานเข้าร่วมด้วย ข้าก็มั่นใจในแผนการเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน” เป่าฮวาเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

“สหายเป่าฮวาล้อเล่นแล้ว ข้าน้อยเป็นแค่ผู้ที่เพิ่งบรรลุระดับมหายานคนใหม่ จะมีพลังสักเท่าไหร่เชียว จู่ๆ สหายก็มาขวางผู้แซ่หานไว้ คงไม่ได้มาพูดเรื่องน่าเบื่อเหล่านี้หรอกกระมัง” หานลี่จ้องเขม็งไปที่เป่าฮวา แล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย