“เหตุใดสหายหานต้องพูดจาเย็นชาเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไร เจ้ากับข้าก็นับว่าได้พบหน้ากันหลายครั้งแล้ว นับว่ามีความสัมพันธ์กัน ทว่าครั้งนี้ที่ข้าขวางเจ้าไว้กลับมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าอยากทำการแลกเปลี่ยนกับสหาย ไม่ทราบว่าสหายหานสนใจหรือไม่?” เป่าฮวาเอ่ยมุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“แลกเปลี่ยน? ผู้แซ่หานจะลองฟังก่อนก็แล้วกัน” หานลี่หัวเราะร่า สีหน้าไม่คิดเช่นนั้น

“เจ้ากับข้าไปคุยกันตามลำพังเป็นอย่างไร?” เป่าฮวามองนักพรตเซี่ยและอิ๋นเย่ว์แวบหนึ่ง ฉับพลันนั้นก็กวาดตามมองที่ว่างด้านหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“ได้ ไม่มีปัญหา!” หานลี่ตอบรับด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง จากนั้นก็หันกายไปเอ่ยกับอิ๋นเย่ว์และพวกทั้งสองด้วยเสียงแผ่วเบา แล้วพลันบินตามเป่าฮวาไปยังจุดที่ไม่ไกลนัก

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เป่าฮวาและหานลี่ก็ยืนตัวตรงแน่วอยู่บนเนินทรายขนาดย่อม ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงห้าหกจั้ง

เป่าฮวาชี้นิ้วไปกลางอากาศรอบๆ ชั่วขณะนั้นเส้นไหมสีชมพูสองสามสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา เปล่งแสงวาววาบแล้วหายวับไป

ชั่วขณะนั้นทั้งเนินทรายก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เขตอาคมไร้รูปร่างห่อหุ้มลงมา

หานลี่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยอย่างราบเรียบ

“ยามนี้สหายพูดได้แล้วสินะ”

“เหตุใดสหายถึงใจร้อนเช่นนั้น สองสามวันก่อนข้าได้ผลหอมรัญจวนที่หายากมากมาชนิดหนึ่ง จะให้สหายชิมสักหน่อย สหายเชิญนั่งเถิด” เป่าฮวาฉีกยิ้มเบิกบาน สะบัดแขนเสื้อไปบนพื้น

เนินทรายพลิ้วไหว เม็ดทรายจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา คาดไม่ถึงว่าชั่วครู่ตรงหน้าของทั้งสองคนจะมีม้านั่งหินสีเหลืองสองตัวและโต๊ะหินความยาวสองสามจั้งปรากฏขึ้น

หลังจากที่ลำแสงสีชมพูม้วนวนออกมา บนโต๊ะหินก็มีผลวิญญาณสีม่วงอ่อนสองผลปรากฏขึ้น รวมทั้งสุราวิญญาณหนึ่งขวดและถ้วยหยกแวววาวสองถ้วย

หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนผลวิญญาณสีม่วงสองผล สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดไปชั่วครู่ ก็นั่งลงบนม้านั่งหินตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา

เป่าฮวาสาวเท้าไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามด้วยใบหน้าไปที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

สุราวิญญาณใสแจ๋วราวกับวารี ผลสีม่วงหวานกรอบราวกับสาลี่!

รอจนหานลี่วางถ้วยสุราลง เป่าฮวาถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

“ความจริงแล้วเรื่องที่ข้าคิดจะแลกเปลี่ยนกับสหายในครั้งนี้นั้นง่ายดายมาก แค่อยากให้สหายลงมือช่วยรั้งใครบางคนไว้สักครั้งหนึ่งหลังจากนี้ในอีกไม่นานเท่านั้น ให้ข้ามีเวลาไปจัดการแผนการที่วางแผนมานาน”

“รั้งคนหนึ่งไว้! สหายไม่คิดว่าควรพูดให้ละเอียดหรือ? ผู้ที่ทำให้สหายเป่าฮวาหวาดกลัวได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเป็นคนธรรมดาได้สินะ” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบา ท่าทีไม่แปลกใจเลยสักนิด

“สหายเฉียบแหลมนัก คนผู้นี้เป็นคนที่ข้าเองก็ยังไม่อยากปะทะด้วย แต่แค่อยากให้สหายรั้งอีกฝ่ายไว้สักระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้จะให้สหายหานทำสงครามชี้เป็นชี้ตายกับคนผู้นั้น ข้าว่าแค่นี้คงไม่ยากสำหรับสหายหรอกกระมัง หากสหายหานทำได้ ก็นับว่าข้าติดหนี้นายท่านครั้งหนึ่ง จากนี้หากสหายมีอันใด ข้าก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่มีทางปฏิเสธแน่ พี่หานคิดว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นอย่างไร?” เป่าฮวาเพ่งมองใบหน้าของหานลี่แล้วเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน

“สหายเป่าฮวายอมรับปาก แน่นอนว่าย่อมคุ้มค่า แต่สหายคิดจะให้ข้าต่อกรกับผู้ใด บอกชื่อมาก่อนเถิด” หานลี่แววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย

“คนผู้นี้ ก็ไม่ใช่ว่าสหายหานจะไม่รู้จัก เขาคือ…” เป่าฮวามีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ริมฝีปากขยับเล็กน้อย กลับถ่ายทอดเสียงมา

“เป็นเขา? หรือว่าสหายกำลังล้อเล่น ข้าน้อยแค่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาอยู่ระดับมหายาน จะไปรั้งอีกฝ่ายไว้ได้อย่างไร สหายเป่าฮวาประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว” หานลี่ได้ฟังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วปฏิเสธ

“พี่หานอย่างเพิ่งปฏิเสธเร็วไปนัก ข้ายังมีอีกสิ่งหนึ่งอยากให้สหายดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน?” หานลี่กลับหัวเราะน้อยๆ ขณะเอ่ย แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้น ลำแสงสีขาวบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาอยู่ตรงหน้าหานลี่

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นขวดหยกสีสันแวววาวขนาดเท่าฝ่ามือ

หานลี่ขยับแขนคว้าขวดยาเข้ามาอยู่ในมือ ก้มหน้าลงพิจารณาสองแวบ แล้วหรี่ตาทั้งสองข้าง

“สหายหมายความว่าอย่างไร?” หานลี่ไม่ได้เปิดขวดยาในทันที กลับเอ่ยถามอย่างเย็นชา

“ข้าให้สัญญา แล้วยังจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือของสหายด้วย” เป่าฮวากลับเอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

หานลี่แค่นเสียงหึ ไม่ได้เอ่ยอันใดในทันที มือเปิดขวดยาออก กวาดจิตสัมผัสเข้าไปข้างใน

“ยาลูกกลอนยางเทวะ”

ครู่ต่อมาหานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าจะร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งออกมา

“คิดไม่ถึงว่าสหายจะมีความรู้มากมายจริงๆ มองปราดเดียวก็รู้จักยาลูกกลอนชนิดนี้” เป่าฮวาเห็นเช่นนี้ ใบหน้ากลับฉายแววประหลาดใจ

“ยาลูกกลอนชนิดนี้เป็นยาลูกกลอนเพียงไม่กี่ชนิดที่มีผลดีต่อพลังจิตวิญญาณของระดับมหายาน โดยเฉพาะระดับมหายานที่เพิ่งพัฒนาระดับย่อมมีได้ผลดีเป็นอย่างมาก แต่วิธีการปรุงยาลูกกลอนชนิดนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว สหายเป่าฮวาได้มาจากที่ใด?” หานลี่ถือขวดยาเอาไว้ สีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส

“ข้าบังเอิญได้ยาลูกกลอนชนิดนี้มาจากถ้ำพำนักของผู้บำเพ็ญเพียรโบราณเมื่อหลายปีก่อน ยามนั้นได้มาถึงเจ็ดเม็ด แต่ผ่านมานานขนาดนี้จึงเหลือเพียงเม็ดเดียวแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง สหายหานน่าจะรู้ถึงความจริงใจของข้าแล้วสินะ” เป่าฮวาเอ่ยอย่างแช่มช้า

“ดูแล้วสหายเป่าฮวาคงเลือกผู้แซ่หานแล้วสินะ เจ้าเชื่อว่าข้าน้อยจะช่วยเจ้ารั้งคนผู้นั้นได้จริงๆ หรือ? ไม่กลัวว่าข้าน้อยจะมีกำลังไม่พอ ถึงยามนั้นจะทำให้เรื่องใหญ่ของเจ้าเสียเรื่องหรือ!” หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“ความจริงแล้วก่อนจะรวมตัวกันครั้งนี้ คนที่ข้าคิดจะไปหาย่อมไม่ใช่พี่หาน แต่เป็นอีกคนหนึ่ง แม้ว่าสหายผู้นั้นจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่ธรรมดา แต่ความมั่นใจที่จะรั้งคนผู้นั้นได้กลับมีไม่ถึงครึ่ง ไม่เหมือนกับสหายหาน! ก่อนที่เจ้ายังไม่บรรลุระดับมหายาน ก็แทบจะมีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่ากับระดับมหายานแล้ว ยามนี้พัฒนามาอยู่ในระดับมหายาน พละกำลังย่อมเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า เกรงว่าหากอยู่ในยามจริงจังข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่าน แผนการของข้าครั้งนี้สำคัญมาก ในเมื่อข้าต้องหาผู้ช่วย ย่อมต้องหาผู้ที่วางใจได้ ต่อให้ต้องเสียค่าตอบแทนขนาดไหน ข้าก็ยินดี” เป่าฮวาเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ หว่างคิ้วดำขลับมีเผยความงดงามออกมาลางๆ

“ในเมื่อสหายเป่าฮวามองข้าน้อยสูงส่งเช่นนี้ หากผู้แซ่หานยังปฏิเสธ ก็คงจะไม่รู้จักวางตัวเกินไปหน่อย ได้ ข้าลงมือได้ แต่นอกจากยาลูกกลอนเม็ดนี้และคำสัญญา กลับยังมีอีกเงื่อนไขหนึ่ง หากสหายตกลง ข้าก็รับประกันว่าจะรั้งคนผู้นั้นไว้หนึ่งวันหนึ่งคืน ให้เจ้ามีเวลาพอไปทำเรื่องที่อยากทำ” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย ฉับพลันนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“อ๋อ สหายหานลองพูดมาให้ฟังเถิด!” รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่าฮวาหายวับไป พลางเอ่ยอย่างเคร่งขรึมเล็กน้อย

“หากเป่าฮวาควบคุมแดนมารได้อีกครั้ง ข้าอยากให้เจ้าสัญญาว่าในชีวิตของเจ้าเผ่ามารจะไม่ถือโอกาสใช้ยามที่สองแดนเชื่อมต่อกันไปรุกรานแดนวิญญาณ!” หานลี่จ้องเขม็งไปที่เป่าฮวา แล้วเอ่ยออกมาทีละคำๆ

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้! สหายหาน เจ้าไม่คิดว่าเงื่อนไขนี้มันเกินไปหรือ แค่ช่วยข้าครั้งหนึ่งเท่านั้น ถึงกับกล้าเสนอเงื่อนไขนี้หรือ!” เป่าฮวามีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กๆ

“แม้ว่าข้าจะไม่รู้เนื้อหาจริงๆ ในแผนของสหายเป่าฮวา แต่ในเมื่อคิดจะให้ผู้แซ่หานรั้งคนผู้นั้น นี่ย่อมเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการดำเนินแผนครั้งนี้ และยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่คิดว่าแดนมารในยามนี้นอกจากข้าแล้ว ยังมีผู้ใดจะช่วยเจ้าได้อีก หรือว่าสหายยังคิดจะไปหาผู้เฒ่าถงหยาผู้นั้น? เขาจะยอมเสี่ยงลงมือหรือไม่นั้นไม่ต้องพูดถึง แต่ถึงยามนั้นค่าตอบแทน เกรงว่าคงมากกว่าผู้แซ่หานหลายเท่า? ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ยอมตั้งตนเป็นศัตรูกับศัตรูที่แข็งแกร่งเพื่อค่าตอบแทนเหล่านี้อย่างเปล่าประโยชน์แน่” หานลี่ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

“หึ หรือว่าเจ้าไม่กลัวว่าจะล่วงเกินคนผู้นั้น!” เป่าฮวามีสีหน้าเคร่งขรึม เลิกคิ้วน้อยๆ พลางย้อนถามกลับ

“เหตุใดสหายเป่าฮวาต้องถามทั้งๆ ที่รู้ด้วย ตอนนั้นข้าล่วงเกินคนผู้นั้นไปแล้ว ล่วงเกินอีกสักครั้ง ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด” หานลี่ฉีกยิ้มบางๆ แล้วตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด

“พูดมีเหตุผล แต่ให้ข้ายกเลิกพิธีศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองแดน ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่หากรอให้ข้าควบคุมแดนศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง และทำสัญญาว่าในช่วงชีวิตของเผ่ามนุษย์จะไม่รุกรานเผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าแม้แต่ครึ่งก้าวย่อมทำได้” เป่าฮวาหน้าเปลี่ยนสีอย่างต่อเนื่องอยู่ชั่วครู่ แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างแช่มช้า

“แค่เผ่ามนุษย์ย่อมเป็นไปไม่ได้ บวกเผ่าปีศาจไปด้วยเถิด เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจร่วมมือกันมาโดยตลอด หากเผ่ามารรุกรานเผ่าปีศาจ เผ่ามนุษย์ของพวกเราก็นิ่งดูดายไม่ได้” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เอ่ยอย่างตัดสินใจ

“ได้ หากจำกัดอยู่ในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ ข้าย่อมตกลงได้” ครั้งนี้เป่าฮวาแค่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็ตอบรับทันที

“ได้ ข้าจะรับยาเม็ดนี้ไปก่อน เจ้ากับข้าต่างก็สัญญากับจิตมารกันเถิด จากนั้นค่อยปรึกษารายละเอียดกัน” หานลี่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มออกมาขณะเอ่ย

เป่าฮวาย่อมตอบรับ

หนึ่งชั่วยามต่อมาหานลี่ก็พานักพรตเซี่ยและอิ๋นเย่ว์บินจากไป ครึ่งวันต่อมาก็ร่อนลำแสงหลีกหนีลงบนเนินเขาตรงขอบของทะเลทราย

สิบวันต่อมาเหนือเมืองดินก็มีไอสีดำหมุนวน ยอดฝีมือเผ่ามารระดับสูงหลายหมื่นคนมารวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผู้ใดระดับต่ำกว่าระดับหลอมสูญ

ในบรรดาเผ่ามารเหล่านี้มีสำเภามารขนาดยักษ์หลายร้อยลำปรากฏอยู่ หานลี่และระดับมหายานยี่สิบสามสิบคนก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลังจากนั้นไม่นานไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ออกคำสั่ง เผ่ามารสองสามหมื่นตนก็กรูกันไปยังสำเภาเหาะเหล่านั้น

สามเดือนต่อมากลางอากาศเหนือหุบเขาของแดนมาร รัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น นักรบชุดเกราะเผ่ามารแทบจะเรียงรายไปทั่วทั้งหุบเขารกร้าง

คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีนักรบชุดเกราะเผ่ามารมารวมตัวกันจำนวนนับไม่ถ้วน บ้างก็ควบคุมอาวุธเหาะเหิน บ้างก็ลอยอยู่บนไอมาร

ตรงใจกลางของกองทัพเผ่ามารบนสำเภามารขนาดยักษ์ราวกับเกาะขนาดย่อม หานลี่และระดับมหายานมารวมตัวกันที่ห้องโถงห้องหนึ่งอีกครั้ง และฟังเป่าฮวาเอ่ยคำพูดที่เย็นชา

“ข้าจะให้นักรบชุดเกราะที่อยู่ภายนอกแบ่งออกเป็นสองสามกลุ่ม แล้วออกเดินทางล่วงหน้าไปยังรอบๆ จุดผนึกพยายามดึงดูดความสนใจของทะเลแมลงและแมลงพิษระดับสูงมา จากนั้นพวกเราก็ส่งผู้คุ้มกันสองสามหมื่นคนเข้าไปในจุดผนึกที่อยู่อีกทาง ขอแค่เข้าไปในจุดผนึกได้ ข้าก็จะใช้เขตอาคมกั้นแมลงพิษเหล่านั้นไว้ภายนอกได้ชั่วคราว จากนั้นพวกเราก็ทำตามแผนที่วางเอาไว้ แยกกันเคลื่อนไหว”