ตอนที่ 2217 สงครามทะเลแมลง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ก่อนออกเดินทางทุกคนได้ยืนยันแผนการกันไปรอบหนึ่ง ยามนี้ก่อนถึงที่หมายบรรพชนระดับมหายานย่อมไม่มีความเห็นอื่น

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ กองทัพเผ่ามารที่กรูกันไปอยู่กลางอากาศเหนือที่รกร้างก็ส่งเสียงอึกทึก แยกออกเป็นสองสามกลุ่ม แล้วพุ่งตัวไปยังจุดเดียวกัน

ที่เดิมจึงเหลือเพียงยอดฝีมือดีที่สุดของเผ่ามารสองสามหมื่นตนรวมทั้งระดับมหายานเท่านั้น

หนึ่งชั่วยามต่อมากลางอากาศเหนือที่ราบสูงที่ไม่มีต้นหญ้าเติบโตแม้แต่ต้นเดียว นักรบชุดเกราะเผ่ามารแสนกว่าตนก็รวมตัวกันเป็นกองทัพ กำลังรบราฆ่าฟันกันอยู่ในทะเลแมลง

กองทัพเผ่ามารกลุ่มนี้มีการเดินหน้าและหลังที่เป็นแบบแผน สำเภายักษ์สองสามร้อยลำรวมตัวกันเป็นเขตอาคมวงกลมประหลาดๆ อยู่กลางอากาศ และวางม่านลำแสงป้องกันเจ็ดแปดม่าน

เสาลำแสงหนาๆ และไอสีดำอันหนาแน่นพ่นออกมาจากม่านลำแสงสุดชีวิต แทบจะทุกวินาทีก็มีซากแมลงประหลาดร่วงลงมาจากที่สูง

แต่แมลงพิษในทะเลแมลงกลับมีไม่มากนัก!

ไม่ว่าจะบาดเจ็บล้มตายไปเท่าไหร่ ล้วนจะมีแมลงประหลาดจำนวนมากกว่าเดิมกรูกันเข้าไป และพยายามโจมตีเขตอาคมทั้งเขต

กองทัพเผ่ามารที่แต่เดิมยังค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า ถูกขัดขวางไว้ก็จำใจต้องหยุดอยู่ที่เดิม แต่การโจมตีที่พ่นออกมาจากเขตอาคมวงกลมกลับยิ่งรุนแรงขึ้น สังหารแมลงพิษรอบๆ ไปจำนวนนับไม่ถ้วน ความกดดันเดิมจึงลดลงไปหลายส่วน

แต่เผ่ามารระดับผสานอินทรีย์สามคนที่อยู่ในสำเภายักษ์ลำหนึ่งในเขตอาคมเห็นสถานการณ์ทั้งหมด กลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเลยสักนิด

“ยามนี้หากจะใช้กองหลังย่อมไม่ใช่ความคิดที่ชาญฉลาดอันใด เวลาที่เราจะยืดไปได้หลังจากนี้เกรงว่าต้องลดเวลาลงแล้ว” ชายร่างใหญ่เผ่ามารสวมชุดเกราะสีแดงสดเอ่ยพึมพำ

“หึ ยามนี้หากไม่ใช้ เขตอาคมเมื่อครู่อาจจะพังทลายได้ หากแค่นี้ยังผ่านไม่ได้ จะพูดถึงเรื่องต่อจากนี้ทำไมกัน” ชายชราเผ่ามารร่างกายผ่ายผอมอีกคนหนึ่งกลับแค่นเสียงเย็นชาขณะเอ่ย

“แต่คำสั่งที่ใต้เท้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์สองสามท่านมอบให้พวกเราคือต้องอยู่ในทะเลแมลงครึ่งวันขึ้นไป ยามนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่สองสามชั่วยามเท่านั้น หากพวกเราอยากรอดชีวิตกลับไป ต้องเหลือกองทัพเอาไว้บ้าง มิเช่นนั้นหากทุกคนเหนื่อยล้า อาศัยแค่พวกเราจะฝ่าออกไปจากทะเลแมลงได้อย่างไร” เผ่ามารสวมชุดเกราะสีแดงกลับย้อนถามอย่างไม่เห็นด้วย

“หากไม่ส่งกำลังทั้งหมดไป พวกเราก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ยังจะมาพูดถึงฝ่าออกไปจากทะเลแมลงอันใดอีก มากสุดพวกเราก็ร่วมมือกันสำแดงเคล็ดวิชาลับเต็มอัตรา คงไม่ถึงกลับไม่อาจออกไปได้อย่างปลอดภัยกระมัง” ชายชราร่างกายผ่ายผอมกลับมีท่าทีไม่สนใจ

“พยายามเต็มที่! สหายพูดง่าย หากเกิดอุบัติเหตุเข้า พวกเราก็ยังคงหนีจากการกลืนกินของแมลงพิษเหล่านี้ได้ยาก” ชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีแดงเอ่ยอย่างเย็นชา

“ข้ากลับรู้สึกว่าขอแค่คิดแผนให้ดี คว้าโอกาสงามๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอันใด” ชายชราร่างกายผ่ายผอมพลันค้อนปะหลักปะเหลือกแค่นเสียงหึขณะเอ่ย

ชายร่างใหญ่ได้ยินพลันโกรธเกรี้ยว แล้วยังคิดจะอ้าปากเอ่ยอันใด กลับถูกจอมมารฮูหยินวัยกลางคนๆ สุดท้ายเอ่ยปากตัดบท

“ยามนี้มันเวลาอันใดแล้ว คาดไม่ถึงว่าสหายทั้งสองจะยังทะเลาะกันอีก หากมีเวลาว่างขนาดนั้น รอให้ออกไปจากที่นี่ก่อนก็ยังไม่สาย ทว่าก่อนหน้านั้นเราสามคนยังต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ยามนี้ส่งกองกำลังทั้งหมดออกไปหมดแล้ว มาเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว มาคิดดีกว่าว่านอกจากพยายามเต็มที่แล้ว ยังต้องหาวิธีอื่นที่จะฝ่าออกไปจากทะเลแมลงได้หรือไม่” ฮูหยินเผ่ามารหน้าตาสะสวยเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ฮูหยินเทียนเมี่ยวพูดมีเหตุผล พวกเราต้องช่วยกันคิด ดูว่าจะหาวิธีอื่นได้หรือไม่” ชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีแดงมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ถึงได้ระงับความไม่พอใจเอาไว้ แล้วฝืนยิ้มขณะเอ่ย

“ใช่แล้ว ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าแมลงพิษที่นี่จะร้ายกาจกว่าที่อยู่ในโลกภายนอกมาก ยามนี้ควรจะร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะถูก” ชายชราร่างกายผ่ายผอมกระแอมไอแห้งๆ แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

ดังนั้นจอมมารทั้งสามก็ปรึกษาแผนการฝ่าออกไปอย่างละเอียดอยู่บนสำเภายักษ์

ในเวลาเดียวกันกองทัพเผ่ามารกลุ่มอื่นๆ ก็ตกอยู่ในวงล้อมของทะเลแมลงตรงจุดอื่นเช่นกัน และมีจอมมารนำทัพเผ่ามารพยายามต้านทานการโจมตีของแมลงพิษระลอกแล้วระลอกเล่า และล้วนมีท่าทีต้านทานได้อย่างยากลำบาก

ทว่ายามนี้หานลี่ เป่าฮวาและพวกยอดฝีมือทั้งหมดของเผ่ามารก็ถือโอกาสที่แมลงพิษกว่าครึ่งถูกกองทัพเผ่ามารดึงดูดไป กลับใช้ความเร็วมากที่สุดฝ่าการขัดขวางของฝูงแมลงสิบกว่าฝูงออกมารวดเดียว อยู่ห่างจากจุดผนึกไปไม่ไกลแล้ว

แต่มาถึงยามนี้ฝูงแมลงพิษเผ่ามารฝูงอื่นๆ ก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ในที่สุดพวกเขาเองก็ถูกแมลงพิษกรูกันมาทั่วทั้งสี่แปดด้านล้อมเอาไว้ และเหมือนกับกองทัพเผ่ามารกองทัพอื่น ตกอยู่ในทะเลแมลงที่ไร้ขอบเขต

ทว่ากองทัพเผ่ามารเหล่านั้นไม่เหมือนกัน! แม้ว่าหานลี่ เป่าฮวาและพวกบรรพชนระดับมหายานจะยังไม่ได้ลงมือ แต่ยอดฝีมือสองสามหมื่นคนของเผ่ามารและศิษย์ใต้อาณัติบรรพชนระดับมหายานเกือบพันคนลงมือพร้อมกัน แมลงพิษธรรมดาๆ จะต้านทานได้อย่างไร

ทันใดนั้นเห็นเพียงกระบี่ลำแสงและใบมีดลำแสงสจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นด้านหน้ากองทัพ ขวางแมลงพิษไม่ให้เคลื่อนมาข้างหน้า ชั่วขณะนั้นพลันทยอยกันกลายเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็นลงมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

เผ่ามารทั้งกลุ่มที่มีไอมารปกคลุมไม่หยุดแม้เพียงชั่วครู่ ใช้ความเร็วที่น่าตกตะลึงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีแมลงพิษที่ค่อนข้างร้ายกาจสองสามตัวต้านทานเอาไว้ ชั่วพริบตาก็ถูกอาวุธมารจำนวนนับไม่ถ้วนสังหารไป

ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ กองทัพเผ่ามารก็เดินทางไปข้างหน้าไกลถึงล้านลี้ ระหว่างทางก็สังหารแมลงพิษหลากหลายชนิดไปจำนวนนับไม่ถ้วน

ฉับพลันนั้นทะเลแมลงเบื้องหน้าพลันมีเสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น จากนั้นแมลงพิษทั้งหมดก็แยกออก มาคาดไม่ถึงว่าจะเผยร่างแมลงยักษ์สีเขียวมรกตออกมา

แมลงยักษ์เหล่านั้นมีขนาดตัวประมาณสิบจั้งเศษ ขาหน้าเหมือนกรงเล็บปู ปากเต็มไปด้วยเขี้ยว ท่าทางน่ากลัว

“ระวังแมลงพิษระดับสูงเหล่านี้ สิ่งที่พวกมันพ่นออกมาเทียบได้กับการโจมตีเต็มอัตราของจอมมารระดับผสานอินทรีย์” ไม่รู้ว่าเผ่ามารระดับสูงตนไหนรู้จักที่มาของแมลงยักษ์เหล่านี้ ชั่วขณะนั้นก็ร้องตะโกนด้วยความตกตะลึง

แต่ในยามนี้แมลงยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าพลันทยอยกันอ้าปากออก เสาลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมา

ยอดฝีมือระดับหลอมสูญเกือบสองสามพันคนของเผ่ามารไม่ทันระวัง ก็ถูกลำแสงเหล่านี้ทะลวงผ่านไอมารป้องกันและโจมตีไปที่เรือนร่าง ทยอยกันส่งเสียงกรีดร้องแล้วหายไป

คาดไม่ถึงว่าเสาลำแสงเหล่านี้จะร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้ เกราะสงครามและลำแสงคุ้มกันของนักรบเผ่ามารกลับไม่อาจต้านทานได้เลยสักนิด

“ฮ่าๆ แมลงพิษระดับสูงเหล่านี้ คาดไม่ถึงว่าจะรวบรวมได้มากขนาดนี้ ดูแล้วในที่สุดพวกมันก็เข้าใจว่าพวกเราถึงจะเป็นกำลังหลักในการเดินทางครั้งนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจะรออะไร” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารชุดเกราะสีดำคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้าสำเภายักษ์กลับหัวเราะร่า ยกมือข้างหนึ่งขึ้น เส้นไหมสีดำพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นตาข่ายสูงค้ำฟ้า ขนาดสองสามลี้ห่อหุ้มแมลงยักษ์เหล่านั้นเอาไว้

ยามนี้บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ สองสามคนพลันหน้าเปลี่ยนสี แล้วทยอยกันลงมือ

คนหนึ่งแค่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นอากาศตรงหน้าพลันมีพายุปรากฏขึ้น พายุหมุนสูงพันจั้งสิบกว่าต้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็กดลงมาด้วยท่าทางดุดัน

อีกคนแค่ใช้มือหนึ่งชี้ไปกลางอากาศ ปราณแท้ก็กระเพื่อมไปมากลางอากาศ เสียงฟ้าร้องดังขึ้น อสรพิษสายฟ้าหนาๆ เท่าปากชามจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมาราวกับห่าฝน

แทบจะในเวลาเดียวกันบรรพชนระดับมหายานที่เหลือก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ ใบมีดวายุขนาดยักษ์ความยาวสองสามฉื่อและลูกบอลเพลิงสีฟ้าขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก็ทะลักออกมาจากรอบตัวแมลงยักษ์ แล้วพุ่งไปหาฝูงแมลงอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

แม้กระทั่งบรรพชนระดับมหายานคนหนึ่ง ก็ตะปบมือไปกลางอากาศ กระบี่เล่มเล็กสีสันแวววาวเปล่งแสงสว่างวาบ จากนั้นก็สะบัดออกแล้วสับออกมา

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีสันแวววาวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น ส่งเสียงแหวกอากาศออกมาแล้วปรากฎตัวทั่วท้องฟ้า

บรรพชนระดับมหายานจำนวนมากขนาดนี้ลงมือพร้อมกัน แม้ว่าแมลงยักษ์เหล่านั้นจะร้ายกาจมาก แต่จะรับการโจมตีจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นบ้างก็ถูกฉีกขาดบ้างก็ทยอยกลายเป็นเถ้าถ่าน ชั่วพริบตาก็ถูกกวาดไปจนเกลี้ยง

ชั่วขณะนั้นกองทัพเผ่ามารก็ส่งเสียงกรีดร้องดีใจจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา!

“อย่าหยุด เดินหน้าต่อ!” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารสวมชุดเกราะสีดำก็หัวเราะอย่างโหดเหี้ยมออกมา แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงอันดังทันที

ยอดฝีมือเผ่ามารเหล่านั้นไม่กล้าดูแคลน กลุ่มที่เดิมเชื่องช้าก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ยามนี้แมลงพิษคนอื่นๆ ที่เดิมถอยออกไปกลับกรูกันเข้ามาอย่างไม่กลัวตายอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่อาจลดความเร็วของกองทัพได้

หานลี่อยู่ในห้องโถงของสำเภายักษ์ แต่จิตสัมผัสแค่กวาดออกไปด้านนอก ก็มองเห็นุทกอย่างๆ ชัดเจน

เมื่อเห็นแมลงยักษ์เหล่านั้นถูกระดับมหายานสองสามคนร่วมมือกันโจมตี ก็ถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย ทันใดนั้นมุมปากกก็กระตุกรอยยิ้มออกมา

แม้ว่าแมลงยักษ์เหล่านั้นจะพ่นการโจมตีที่อานุภาพไม่ต่างอันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์นักแต่พลังการป้องกันกลับแตกต่างกัน ดูเหมือนจะเป็นแค่ของเหลือใช้เท่านั้น

มิเช่นนั้นแม้ว่าเมื่อครู่ระดับมหายานสองสามคนลงมือพร้อมกันคงไม่อาจสังหารระดับผสานอินทรีย์จำนวนมากพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย

ดูแล้วแมลงยักษ์เหล่านี้คงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดของแมลงพิษที่แท้จริง!

ดังนั้นบรรพชนระดับมหายานที่รวมตัวกันในห้องโถงแปดเก้าส่วน จึงมีเพียงเจ็ดแปดแปดคนที่ยืนอยู่ตรงหัวสำเภา เพื่อจะได้ต่อกรกับสิ่งที่คาดไม่ถึงได้ทันเวลา

เป่าฮวากลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางห้องโถง ควงกระจกขนาดเท่าฝ่ามือในมือเล่น

นั่นก็คือกระจกพิภพมายาน้อย

ส่วนระดับมหายานคนอื่นๆ ไม่กำลังรวมตัวซุบซิบอันใดกัน ก็นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนเก้าอี้

หานลี่แววตาเปล่งประกายตกอยู่บนเรือนร่างของสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง กลับเป็นบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เซี่ยเหลียน

สตรีผู้นี้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเป่าฮวา กำลังมองสถานการณ์การรบของผู้พิทักษ์และแมลงพิษด้านนอกหน้าต่าง สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก กลับมองไม่ออกว่ากำลังคิดอันใดอยู่

ไม่ไกลจากหญิงสาวผู้นี้ผู้เฒ่าถงหยาผู้นั้นกลับกำลังนั่งสมาธิอยู่บนพื้นโดยมีระดับมหายานของแดนอีกาสวรรค์สองสามคนรายล้อมอยู่ เรือนร่างกลับมีผลึกลำแสงสีเหลืองอ่อนไหลวนโคจรไปมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนกำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาอันใดอยู่

หลังจากที่หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็ชักสายตากลับมาหลับตาทำสมาธิเช่นกัน

ข้างกายเขานักพรตเซี่ยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าแข็งทื่อ กลับไม่เห็นเงาร่างของอิ๋นเย่ว์

นี่กลับเป็นเพราะหานลี่รู้สึกว่าการเดินทางนี้มันเสี่ยงถึงได้ไม่พาหญิงสาวมาด้วย ให้นางรออยู่ที่ถ้ำพำนักชั่วคราวในทะเลทราย

แม้ว่าหากอิ๋นเย่ว์อยู่ห่างกายเขา จะได้รับผลกระทบจากคาถาลืมความรู้สึก แต่ขอแค่ไม่นานก็ไม่มีผลนัก