ตอนที่ 2218 สงครามทะเลแมลง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หานลี่กำลังขบคิดในใจเงียบๆ เป่าฮวาอยู่ตรงใจกลางห้องโถง ฉับพลันนั้นคิ้วดำขลับก็เลิกขึ้นแล้วเอ่ยขึ้น

“สหายทุกท่านโปรดระวัง พวกมันมาแล้ว”

เป่าฮวาไม่ได้เอ่ยว่าสิ่งใด แต่บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ ที่เดิมมีสีหน้าเยือกเย็นพลันเคร่งขรึมขึ้น บรรพชนบางคนกวาดจิตสัมผัสออกไปนอกสำเภายักษ์โดยไม่ปริปาก

หานลี่ใจหายวาบเช่นกัน

เห็นเพียงทะเลแมลงรอบด้านมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ฉับพลันนั้นก็แมลงประหลาดสีแดงสดราวกับลูกบอลเพลิงก็ปรากฏตัวขึ้นทีละตัวๆ

แมลงพิษเหล่านี้มีขนาดไม่นับว่าใหญ่หนัก แค่สองสามจั้งเท่านั้น แต่ทั่วเรือนกายมีลวดลายสีทองอ่อนเป็นสายๆ ในเวลาเดียวกันดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นสีเขียวมรกต มีรัศมีลำแสงห้าสีไหลวนโคจรไปมาลางๆ

เมื่อแมลงพิษเหล่านี้ปรากฏตัว สิ่งมีชีวิตระดับมหายานสองสามคนที่ยืนอยู่ตรงหัวสำเภายักษ์พลันหน้าเปลี่ยนสีทันที พลางร่ายอาคมกระตุ้นสมบัติอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด

ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสง ดาบลำแสง ลูกบอลเพลิงไอสีดำล้วนม้วนวนมา

เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรงแมลงพิษธรรมดาๆ ที่อยู่รอบด้านพลันกลายเป็นผุยผงในพริบตา

แต่หลังจากที่แมลงประหลาดสีแดงสดเหล่านั้นถูกการโจมตีปกคลุมอยู่ กลับกระพือปีกทั้งสองข้าง ร่างกายพลันเลือนรางทยอยกันสลายหายไปจากการโจมตี

ครู่ต่อมาแมลงพิษสีแดงสดเจ็ดแปดตัวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวรอบๆ ระดับมหายานสองสามคน ขาหลังพลันขยับอีกครั้ง แล้วพุ่งไปหาพวกเขา

ชั่วขณะนั้นบรรพชนระดับมหายานเหล่านั้นพลันตกตะลึง ไม่ก็ร่ายนิ้ว ลำแสงเจิดจ้าจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงมา ไม่ก็ผิวเปล่งแสงสว่างวาบ สมบัติอาคมป้องกันตัวสองสามชิ้นปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน แม้กระทั่งมีระดับมหายานจากแดนต่างๆ ร้องตะโกนออกมา มือหนึ่งยื่นมือออกไป คาดไม่ถึงว่าจะตะปบแมลงพิษที่อยู่ด้านหน้าเอาไว้

แต่ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือการป้องกันตัวชนิดไหน แมลงพิษเหล่านี้แค่พลิ้วกายอีกครั้ง ก็ทำเหมือนมองไม่เห็นทุกอย่าง ราวกับไร้รูปร่างก็ไม่ปานมาปรากฏตัวที่ข้างกายของระดับมหายานเหล่านั้นแค่คืบ จากนั้นร่างกายก็มีเปลวเพลิงสีแดงลุกโชน แล้วทยอยกันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา

บรรพชนระดับมหายานเหล่านี้ล้วนร้องอุทานออกมาว่า “แย่แล้ว” พร้อมกับหน้าถอดสี ทำได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งของกายเนื้อต้านทานการระเบิดตัวเอง

แต่ในยามนี้บรรยากาศรอบด้านพลันมีเสียงเยือกเย็นของเป่าฮวาดังขึ้น

“ไม่ต้องกลัว ให้ข้าจัดการก็พอแล้ว”

สิ้นเสียงเสาลำแสงสีขาวสายหนึ่งก็ทะลวงออกมาจากห้องโถงห้องโดยสารของสำเภายักษ์ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันกลายเป็นลำแสงเส้นเล็กๆ สองสามสายโจมตีไปที่แมลงพิษสีแดงสดที่คิดจะระเบิดตัวเอง คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีพวกมันจนกระเด็นลอยไปสิบกว่าจั้ง

หลังจากที่เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ดวงอาทิตย์สีแดงสดสองสามดวงพลันปรากฏขึ้น จากนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะมีรอยบากปรากฏขึ้น ราวกับว่าสามารถฉีกห้วงเวลาได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน

อานุภาพของแมลงพิษเหล่านั้นที่ระเบิดตัวคาดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจเพียงนี้

บรรพชนระดับมหายานเหล่านี้เห็นทุกอย่าง ก็พลันตกตะลึง

แมลงพิษระเบิดตัวเองเหล่านั้นร้ายกาจสมคำร่ำลือ พวกเขาอยู่ใกล้แค่นี้หากรับการระเบิดตัวเองตรงๆ แม้ว่าจะไม่ถึงกับเพลี้ยงพล้ำไปในทันที แต่ก็อาจจะบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน

ยามนี้กลางอากาศเหนือสำเภายักษ์พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาลวงตาบุปผายักษ์สีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เป่าฮวาปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

บรรพชนระดับมหายานที่อยู่ด้านหน้าสำเภายักษ์เหล่านั้นยังไม่ทันได้พุ่งไปหาเป่าฮวา ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังขึ้น แมลงพิษสีแดงสดปรากฏขึ้นอีกสิบกว่าตัว

แมลงพิษเหล่านี้เคลื่อนย้ายตัวไปเช่นกัน ปรากฏตัวขึ้นห่างจากเป่าฮวาไปสองสามฉื่อ ล้อมนางเอาไว้อย่างแน่นหนา และทันใดนั้นก็ระเบิดตัวเองพร้อมกับเปลวเพลิงโชติช่วง คิดจะโจมตีเป่าฮวาศัตรูผู้นี้ให้ตายไป

แต่เป่าฮวากลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ผิวมีดวงดาราสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมา แค่เลือนรางก็กลายเป็นทางช้างเผือกที่ไร้ขอบเขต ม้วนแมลงพิษเหล่านั้นเข้ามาไว้ข้างใน

เสียงระเบิดตัวเอง “ปังๆ” ดังขึ้น ดวงอาทิตย์สองสามดวงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับกลุ่มควันท่ามกลางทางช้างเผือก ไม่ได้ทำอันตรายรอบด้านเลยสักนิด

ดวงดาราจำนวนมากในทางช้างเผือกม้วนวนรวมตัวกัน กลายเป็นธงความยาวสองสามจั้งด้ามหนึ่ง ผิวมีลวดลายสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ นั่นก็คือธงดาราคล้อย!

ส่วนลำแสงหลีกหนีในสำเภายักษ์กลับมีอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด มีบรรพชนระดับมหายานอีกสิบกว่าคนที่ไม่วางใจ บินออกมาจากห้องโถงห้องโดยสาร

สายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งหม่นแสงลงแล้วสลายหายไป ปรากฏเป็นเงาร่างสีเขียวสายหนึ่ง นั่นก็คือหานลี่

หานลี่เอามือกอดอก อยากดูการกระทำของเป่าฮวา คิดจะดูว่านางจะรับมือกับแมลงพิษเหล่านั้นอย่างไร

ก่อนหน้านี้ที่แมลงพิษสีแดงเหล่านั้นระเบิดตัวเองล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าทำให้ฝูงแมลงทั้งหมดโกรธแล้ว หลังจากผ่านไปชั่วครู่แมลงพิษในทะเลแมลงก็เกิดความวุ่นวายขึ้น มีลำแสงสีแดงสดจำนวนมากกว่าเดิมปรากฏตัวขึ้นเต็มไปหมด ท่าทางมีเกือบพันตัว

และเมื่อแมลงพิษระเบิดตัวเองจำนวนมากขนาดนั้นปรากฏขึ้น แม้แต่เป่าฮวาเองก็อดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้ คลี่ธงในมือออกอีกครั้งโดยไม่พูดจา ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นเงาลวงตาทางช้างเผือก และบดบังสำเภายักษ์รวมทั้งหานลี่และพวกเอาไว้ ในเวลาเดียวกันนิ้วเรียวก็ชี้ไปที่กระจกบานเล็กที่อยู่กลางอากาศ

กระจกขนาดเท่าฝ่ามือส่งเสียงอึกทึกขึ้น พลิ้วไหวกลางอากาศแล้วกลายเป็นจันทราทรงกลดเย็นยะเยือก ด้านในมีรัศมีลำแสงสีทองม้วนวนออกมา พ่นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป ทะลวงผ่านแมลงพิษสีแดงสดเหล่านั้นอย่างแม่นยำไม่ผิดพลาด

ชั่วขณะนั้นแมลงพิษสีแดงสดนับร้อยตัวก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญ ล้วนระเบิดตัวเองออกพร้อมกับเปล่งแสงสีแดงสว่างวาบอยู่ที่เดิม เปลวเพลิงสีแดงม้วนแมลงพิษธรรมดาๆ รอบด้านไปจำนวนมากแล้วกลายเป็นผุยผง

แต่แมลงพิษระเบิดตัวเองที่เหลือกลับกระพือปีกทั้งสองข้าง ทยอยกันเลือนรางแล้วเคลื่อนย้ายตัวหายไป

เป่าฮวาแววตาเปล่งประกาย กลับกระตุ้นอาคมในใจ

เงาลวงตาทางช้างเผือกที่เดิมดูนิ่งสบพลันเดือดพล่าน ดวงดาราจำนวนนับไม่ถ้วนขยับเขยื้อน ระลอกคลื่นหายไปจากกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง

ภายใต้ระฆังลูกนั้น บรรยากาศรอบๆ สำเภายักษ์เปล่งแสงสีแดงสว่างวาบ แมลงพิษสีแดงสดเหล่านั้นถูกทยอยบีบให้ปรากฏตัวขึ้น ในเวลาเดียวกันก็เคลื่อนไหวช้าลง ราวกับว่าอากาศเปลี่ยนเป็นเหนียวหนืดก็ไม่ปาน

มุมปากของเป่าฮวาเผยรอยยิ้มเย็นชา รวบรวมพลังปราณที่ลึกล้ำยากจะคาดเดาในร่าง พลางบรรจุไปในจันทราทรงกลด

ครู่ต่อมาผิวของจันทราทรงกลดมีลำแสงเจิดจ้าสว่างวาบขึ้น พ่นลำแสงสีทองออกมา ทุกสายล้วนทำให้แมลงพิษสีแดงสดที่ถูกกักอยู่ในทางช้างเผือกเองระเบิดตัวออก แต่ก็ทำให้ตัวของจันทราทรงกลดหม่นแสงลงส่วนหนึ่ง

หลังจากที่ลำแสงสีทองพ่นออกมาราวกับพายุฝน สังหารแมลงพิษสีแดงสดกว่าครึ่งไปจนเกลี้ยง แต่ก็ทำให้ลำแสงสุดท้ายของจันทราทรงกลดสลายหายไป และสุดท้ายก็ส่งเสียงไพเราะกลายเป็นกระจกบานเล็กแล้วร่อนลงมา

เงาร่างมนุษย์เปล่งแสงสว่างวาบในทางช้างเผือก เป่าฮวาพุ่งออกมา คว้ากระจกบานเล็กเข้ามาอยู่ในมือ กวาดสายตาไปยังแมลงพิษไม่สมบูรณ์ที่อยู่กลางทางช้างเผือก แล้วร่ายอาคมบางอย่าง

เสียง “ปัง” ดังขึ้น!

เงาลวงตาทางช้างเผือกม้วนวนกลับตาลปัตร ดวงดาราสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปยังใจกลางของทางช้างเผือก แล้วปริแตกออก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นพายุหมุนสีเงินและสั่นเทาอย่างรุนแรง ด้านในมีลวดลายสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน เปล่งแสงสว่างวาบๆ เผยความลึกลับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา!

“พายุห้วงเวลา”

บรรพชนระดับมหายานคนหนึ่งเห็นฉากนี้ ทันใดนั้นก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี

บรรพชนระดับมหายานคนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสี

หานลี่มุมปากกระตุกเล็กน้อย กลับเผยสีหน้าขบคิดออกมา

ครู่ต่อมาแมลงพิษสีแดงสดที่ถูกม้วนเข้าไปในพายุหมุนสีเงินก็หมุนคว้างล้วนถูกรอยแยกสีขาวเหล่านั้นกลืนกิน แล้วสลายหายไปอย่างไร้เงา

เมื่อเห็นฉากนี้เป่าฮวาถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ มือหนึ่งกวักไปด้านล่าง

ชั่วขณะนั้นพายุหมุนสีเงินพลันสลายออก ธงสีเงินปรากฏขึ้น และเคลื่อนไหวจมหายเข้าไปในมือของเป่าฮวา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่สำแดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงนี้ ทำให้ธงดาราคล้อยด้ามนี้สูญเสียสติปัญญาไปไม่น้อย

ถึงอย่างไรเสียอิทธิฤทธิ์ระเบิดห้วงเวลาเช่นนี้ สมบัติศักดิ์สิทธิ์ลอกเลียนแบบทั่วๆ ไปก็ไม่อาจมีได้ ธงดาราคล้อยสำแดงได้ จะต้องใช้เคล็ดลับวิชาทำลายตัวเองบางชนิดถึงจะทำได้

เป่าฮวาเก็บสมบัติสองชิ้น ไม่ได้รั้งรออยู่กลางอากาศ แค่เอ่ยกับระดับมหายานคนอื่นๆ หนึ่งประโยค “กวาดแมลงระเบิดตัวเองไปหมดแล้วเหล่าสหายไม่ต้องกังวล” แล้วขยับกายร่อนลงมาในสำเภายักษ์

หานลี่และระดับมหายานคนอื่นๆ พลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วบินกลับมาในสำเภายักษ์ด้วยสีหน้าหลากหลาย

เป่าฮวาที่กลับเข้ามาในสำเภายักษ์นั่งสมาธิลงตรงมุมห้องโถง ท่าทางไม่อยากพูดมาก

ระดับมหายานคนอื่นๆ กลับซุบซิบนินทากัน เห็นได้ชัดว่ากำลังถกกันถึงฉากการสำแดงพลังของเป่า

ฮวาเมื่อครู่ หานลี่กลับนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

และเมื่อไม่มีแมลงพิษระเบิดตัวเองและแมลงยักษ์ระดับสูงเหล่านั้นคอยขัดขวาง กองทัพก็บินไปข้างหน้าโดยไร้ซึ่งการขัดขวางใดๆ อีก

ครึ่งวันต่อมาไม่รอให้ฝูงแมลงที่อื่นมาสนับสนุน ในที่สุดพวกเขาก็ฝ่าวงล้อมทะเลแมลง และมองเห็นจุดผนึกอยู่ไกลๆ

ทว่ายอดฝีมือเผ่ามารในยามนี้ผ่านการรบราฆ่าฟันก็ได้รับบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงเผ่ามารกว่าหมื่นตัวที่กรูกันติดตามสำเภายักษ์ไปยังจุดผนึกในรวดเดียว

จนถึงยามนี้ในที่สุดหานลี่และพวกก็ออกไปจากสำเภายักษ์ ผู้แข็งแกร่งจากแดนอื่นที่ไม่เคยมาที่นี่ย่อมพิจารณารอบด้านด้วยความประหลาดใจ

เห็นเพียงตรงขอบของจุดผนึก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเนินเขารกร้าง และยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งก็มองเห็นหอคอยสองสามหลังระหว่างเนินเขา ทว่ายามนี้กลับเงียบสงัด เงาลวงตาคนสายหนึ่งหายวับไป

ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดก็คือฝูงแมลงที่เดิมไล่ตามอยู่ด้านหลังไม่วางตาไล่ตามมาถึงเนินเขา กลับหยุดชะงักอยู่ด้านนอกยอดเขาราวกับคลื่นน้ำปะทะเขื่อน ดูเหมือนว่าในเนินเขาจะมีสิ่งที่พวกมันหวาดกลัวยิ่ง ทำให้เขามองเบิกตามองฃกองทัพเผ่ามารที่อยู่ไกลออกไป แต่กลับไม่กล้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวเดียว

“นี่คือพลังของผนึกโบราณ มีพลังควบคุมแมลงพิษเหล่านี้ดังคาด หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ให้คนอื่นอยู่ประลองกับฝูงแมลงเหล่านี้ชั่วคราวเถิด พวกเราก็ไปยังส่วนลึกของจุดผนึกเลย” ผู้เฒ่าถงหยากลับ

ผู้เฒ่าถงหยากลับมองไปยังใจกลางของเนินเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา

“สหายถงหยาพูดถูก พวกเราต้องรีบแล้ว ทำตามแผนเดิม สหายเชว่ พี่เฟิง เจ้าสองคนพาลูกศิษย์อยู่ที่นี่ รับหน้าที่ซ่อมแซมเขตอาคมที่เสียหายรอบนอก เขตอาคมเหล่านี้เชื่อมโยงกับผนึกโบราณ หากซ่อมแซมได้ ย่อมช่วยฟื้นฟูพลังผนึกโบราณได้ไม่น้อย” เป่าฮวาได้ยินก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย