บทที่ 1930 ฉีซีหลาง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เพื่อดําเนินการตามแผนที่วางไว้ ผู้อมตะของทะเลตะวันออกต้องทําความเข้าใจวิธีการของวังสวรรค์เป็นอันดับแรก มิฉะนั้นมันจะอันตรายเกินไป

เฉินกงเจิ้งมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและนึกถึงข้อมูลที่ฟางหยวนมอบให้ “เป็นไปได้ที่จะทําลายวิธีการขนส่งของวังสวรรค์ พวกเขาอาจจัดเตรียมดวงดาวไว้ในสวรรค์สีขาว และใช้มันเคลื่อนย้ายผู้อมตะ”

ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะส่องประกายขึ้น

“ในกรณีนี้เราควรทําลายดวงดาวเหล่านั้น”

“แต่หากเราโจมตีสวรรค์สีขาว มันจะไม่เป็นการยั่วยุวังสวรรค์งั้นหรือ? หากพวกเขาส่งกองกําลังออกมาปิดล้อมพวกเราอีกครั้งจะทําอย่างไร?”

บางคนลังเล

ยายหรงแสงกล่าวอย่างมีเหตุผล “มีความเสี่ยงนี้อยู่จริงๆ”

จางหยินเย้ยหยัน “พวกเจ้าจะกลัวสิ่งใด? แม้พวกเราจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขา แต่พวกเราจะไม่สามารถหลบหนึ่งั้นหรือ? เพียงให้ความสนใจกับการทําลายดวงดาวและหลบหนี วังสวรรค์จะยอมเสียเวลาไล่ล่าพวกเราหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่า คํากล่าวของจางหยินสมเหตุสมผล” หยางจื่ออี้ยิ้ม “ตอนนี้ภาคกลางกําลัง วุ่นวาย การต่อสู้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง จางเฉิงถูกปล่อยตัว เรายั่วยุวังสวรรค์ไปแล้ว ณ จุดนี้ยังมีสิ่งใดต้องลังเล?”

ซื้อเดี๋ยวทําหน้าเหมือนกําลังครุ่นคิด “ดูเหมือนวังสวรรค์จะไม่สามารถรับมือ สนามรบมากมายได้ในขณะนี้ มิฉะนั้นเหตุใดพวกเขาไม่ส่งกองกําลังออกมาต่อสู้กับพวกเรา? เหตุใดพวกเขาจึงอนุญาตให้พวกเราปล่อยตี้จางเฉิง?”

ซ่งฉีหยวนพยักหน้า “วังสวรรค์ถึงขีดจํากัดแล้ว ผู้อมตะภาคใต้กําลังโจมตีค่ายกล วิญญาณอมตะที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ ผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตกกําลังมุ่งหน้าไป ยังเมืองจักรพรรดิ ผู้อมตะภาคเหนือยังไม่ปรากฏตัว แต่คนเถื่อนภาคเหนือต้องเข้าร่ว มการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันจางเฉิงก็กําลังออกไปอาละวาด ในความคิดเห็นของข้า ข้าคิดว่าวังสวรรค์จะไม่มีเวลาสนใจพวกเรา”

ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะทั้งแปดของทะเลตะวันออกจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังสวรรค์สีขาว

พวกเขาไม่รู้ว่าถ้ําสวรรค์นิรันดรเริ่มโจมตีวังสวรรค์แล้ว

ในความคิดของพวกเขา เมืองจักรพรรดิไม่มีค่าให้ปล้นสะดม แดนศักดิ์สิทธิ์ได้ที่ติน่าสนใจมากกว่าแต่ผู้อมตะภาคใต้กับวังสวรรค์กําลังต่อสู้กันอยู่ที่นั่น มันจะดีกว่าที่พวกเขาจะหลีกเลี่ยง

วังสวรรค์

ข้อมูลใหม่ถูกส่งมาถึงเทพธิดาจื่อเว่ยอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะของทะเลตะวันออกเข้าสู่สวรรค์สีขาว แรงจูงใจของพวกเขาชัดเจนมาก พวกเขาต้องการทําลายดวงดาวที่วังสวรรค์จัดเตรียมไว้

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

วังสวรรค์เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อพวกเขา

ดวงดาวเหล่านี้ถูกจัดวางไว้อย่างกระจัดกระจาย พวกมันอยู่ห่างไกลกัน ผู้อมตะ ของทะเลตะวันออกต้องใช้เวลานานมากหากต้องการทําลายพวกมันทั้งหมด

กล่าวอีกนัย วังสวรรค์ใช้ทรัพยากรอมตะเหล่านี้เพื่อขัดขวางผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกซึ่งเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก เทพธิดาจื่อเว่ยมีความสุขที่ได้เห็นพวกเขาทําสิ่งนี้

อย่างไรก็ตามด้วยสภาพของฉันซ่ง พวกเขาสามารถใช้วิธีขนส่งนี้ได้อีกสี่ครั้งเท่านั้น ก่อนที่ผู้อมตะของทะเลตะวันออกจะทําลายดวงดาวทั้งหมด วังสวรรค์ก็จะใช้โอกาสสี่ครั้งที่เหลือไปหมดแล้ว

สิ่งที่เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลคือจางเฉิง

ในความเป็นจริงการหลบหนีของจางเฉิงไม่ได้ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยกังวลมากนัก แต่ปัญหาคือหลังจากหลบหนี จางเฉินทําตัวแปลกประหลาด มันไม่ได้สร้างความโกลาหลและทําลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า มันบินไปอย่างสงบและไม่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง สิ่งนี้แตกต่างจากบันทึกในประวัติศาสตร์

“มันถูกกําหราบโดยวังมังกรงั้นหรือ?” เทพธิดาจ่อเว่ยคิด

มันง่ายที่อนุมาน

ประการแรก วังสวรรค์รู้ว่าวังมังกรเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส ประการที่สอง ฟางหยวนส่งวังมังกรไปโจมตีถ้ํามังกรเร้น เขาต้องมีเจตนาบางอย่าง วังมังกรแสดงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันออกมา หากสนามรบนี้ไม่มีความสําคัญ เขาจะไม่ใช้ไพ่ตายใบนี้

“หากเป้าหมายของฟางหยวนคือการใช้วังมังกรกําหราบจางเฉิง การส่งลูกน้องไปต่อต้านค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบของเขาก็เป็นเพียงเหยื่อล่อ ในเวลาเดียวกัน การโจมตีของผู้อมตะของทะเลตะวันออกก็เป็นเพียงฉากหน้าที่เขาสร้างขึ้น” หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยสั่นไหว

“ฟางหยวนสามารถส่งอิทธิพลต่อผู้อมตะระดับแปดของทะเลตะวันออกจริงๆงั้นหรือ? เขาทําได้อย่างไร? ท่ามกลางผู้อมตะของทะเลตะวันออก ดูเหมือนบางคนจะทํางานให้กับฟางหยวนอย่างน้อยอาจมีสองคน…

เทพธิดาจ่อเว่ยคาดเดาต่อ หรือบางทีฟางหยวนอาจมีเป้าหมายเดียวกับผู้อมตะของทะเลตะวันออกโดยบังเอิญและได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ นี่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมาก ฟางหยวนมีมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะตะวันเดือด เขาโชคดีมาตลอดผู้อาวุโสฉินติงหลิงอยู่ข้างพวกเรา แต่นางยังรักษาตัวอยู่ การดัดแปลงการจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือดมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่าที่เราคาดไว้

แม้พวกเขาจะอยู่ระหว่างการต่อสู้ แต่เทพธิดาจื่อเว่ยยังรู้สึกชื่นชมฟางหยวนอย่างช่วยไม่ได้

นางต้องยอมรับว่าฟางหยวนทําได้ดีมากในสนามรบถ้ํามังกรเร้น

ตอนนี้ความกังวลส่วนใหญ่ของนางอยู่ที่จางเฉิน

“มีความเป็นไปได้สูงที่จางเฉิงจะถูกควบคุมโดยฟางหยวน แต่มันจะไปเสริมกําลังให้สนามรบใด?

“เมืองจักรพรรดิเป็นสนามรบที่อยู่ใกล้ที่สุด ผู้ใช้วิญญาณระดับสูงพึ่งไปถึง พวกเขายังไม่ได้เริ่มการแข่งขันรอบสุดท้าย การทําลายเมืองจักรพรรดิจะทําให้การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมล่าช้าออกไป

“มีโอกาสที่มันจะไปยังสนามรบภูเขาขนดกเช่นกัน การกําจัดกองกําลังหลักของวัง สวรรค์ในครั้งเดียวเป็นรูปแบบการต่อสู้ของฟางหยวน แม้กองกําลังของวังสวรรค์จะถูกเคลื่อนย้ายกลับมา เขาก็ยังจะหาทางทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ หากเขาสามารถทําลายแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ การฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมในครั้งนี้จะหยุดชะงัก

“แน่นอนว่าสนามรบวงสวรรค์ก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากถ้ําสวรรค์นิรันดรสามารถเข้ามา มันไม่แปลกหากฟางหยวนจะมีวิธีการบางอย่าง ท้ายที่สุดเขาก็ได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง เขาอาจเข้ามาโดยใช้ประตูลับ

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มสงครามที่เทพธิดาจื่อเว่ยตกเป็นฝ่ายตั้งรับ

หากวิธีการขนส่งสามารถเคลื่อนย้ายราชันมังกร มันจะดีมาก โชคร้ายที่มันไม่สามารถทําได้ หากเปรียบเทียบกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์เหมือนกระต่ายหลายตัวขณะที่ราชันมังกรเป็นช้างที่โตเต็มวัย ความแตกต่างระหว่างทั้งสองใหญ่โตมาก วิธีการขนส่งของวังสวรรค์ไม่สามารถเคลื่อนย้ายราชันมังกร

ท่าไม้ตายอมตะสลายตัว!

ผู้อมตะภาคเหนืออวหยางจื่อใช้ท่าไม้ตายเฉพาะตัวที่ทําให้เขามีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์

ท่าไม้ตายอมตะสลายตัวโจมตีราชันมังกรโดยตรง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้น เล็กน้อยก่อนจะหยุด เขามองไปยังอวีหยางจื่อและกล่าวเสียงเรียบ “นี่คือท่าไม้ตายอมตะสลายตัว เจ้าคืออวี่หยางจื่ออั้นหรือ?”

หลังกล่าวจบประโยค ปราณมังกรสีม่วงทองก็พุ่งเข้าไปหาอวหยางจื่อ

รูม่านตาของอวหยางจื่อหดเล็กลง หัวใจของเขาเต้นแรงและรู้สึกถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่

เขาพยายามหลบหนีแต่เขาไม่สามารถทําได้

ลําคอของเขาถูกมือใหญ่คว้าจับเอาไว้

มันคือมือของราชันมังกรที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีม่วงทองและนิ้วที่แหลมคม ราวกับใบมีด

อวีหยางจื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาแล้ว แต่มันกลับถูกทําลายลงในพริบตาโดยกรงเล็บมังกรของฝ่ายตรงข้าม

อวหยางจื่อคํารามและตัดสินใจจุดชนวนระเบิดตัวเอง การระเบิดครั้งนี้ส่งคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกไปรอบๆ

เมื่อฝุ่นควันจางหายไป ร่างของราชันมังกรยังยืนอยู่ที่เดิมราวกับเสาที่ค้ํายันสวรรค์

“ผู้อมตะภาคเหนือ พวกเจ้ายังมีสิ่งใดอีกนอกจากไม่กลัวตาย” ราชันมังกรกล่าวเสียงเรียบแต่มันดังไปทั่วสนามรบ

กลุ่มผู้อมตะภาคเหนือกัดฟันแน่นแต่ไม่โต้แย้ง

แม้กองกําลังหลักของวังสวรรค์จะถอนตัวออกไปและเหลือเพียงราชันมังกร แต่แท่นบูชาแห่งโชคก็ยังไม่สามารถเดินหน้า พวกเขาต้องพึ่งพาท่าไม้ตายอมตะ อัญเชิญอดีตเพื่อรักษาสถานการณ์เอาไว้เท่านั้น

“รับนี่” ร่างของหลิวหลิวปรากฏด้านหลังราชันมังกรอย่างกะทันหัน

ร่างของราชันมังกรสั่นสะท้านขึ้น

กริชแสงสีเทาในมือของหลิวหลิวแทงเข้าไปที่แผ่นหลังของราชันมังกร กระทั่งเกล็ดมังกรก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นสิ่งนี้

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะเฉพาะตัวของหลิวหลิว กริชลอบสังหาร!

ในชีวิตก่อนหน้า หลิวหลิวสามารถลอบสังหารสมาชิกของวังสวรรค์หลายคนด้วยท่าไม้ตายนี้ กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเวลานั้นหากไม่ใช่เพราะอู่ชวงช่วยรับพลังส่วนใหญ่ของมันเอาไว้ เทพธิดาจื่อเว่ยคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ในมือของหลิวหลิวเช่นกัน

“ดี!” เมื่อเห็นฉากนี้ ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคเหนือพุ่งสูงขึ้นทันที

ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตามใบหน้าของหลิวหลิวกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เขาไม่สามารถซ่อนความตกใจ

แม้กริชของเขาจะเจาะเข้าไปในร่างของราชันมังกร แต่มันเหมือนมีดที่ติดอยู่ใน เหล็กและไม่สามารถดึงออก

“ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์งั้นหรือ? ไม่เลว มันเหมาะกับเจ้า” ราชันมังกร หันหลังและใช้มือจับศีรษะของหลิวหลิวเอาไว้

หลิวหลิวเข้าใจทันที “ราชันมังกรจงใจรับท่าไม้ตายของข้า เขาใช้ร่างกายเป็นเหยื่อล่อให้ข้าติดกับ!”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการหลบหนีแต่เขาทําไม่ได้

เช่นเดียวกับกริชในมือ เขาไม่สามารถขยับเขยื้อน

“ผัวะ!”

กะโหลศีรษะของหลิวหลิวแตกราวกับผลแตงโมภายใต้กํามือของราชันมังกร ศพของหลิวหลิวร่วงลงบนพื้น กริชแสงสีเทาของเขาสลายไปในพริบตา

“ผู้ใดอีก!?” ราชันมังกรตะโกน ตอนนี้ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัวของมนุษย์ปกติ เส้นผมสีม่วงของเขาเต้นรําอยู่กลางอากาศราวกับคลื่นเสียง

กลุ่มผู้อมตะภาคเหนือตอบโต้เขาด้วยท่าไม้ตายอมตะจํานวนนับไม่ถ้วน

ราชันมังกรไม่สนใจท่าไม้ตายเหล่านั้นและพุ่งเข้าโจมตีแท่นบูชาแห่งโชคโดยตรง

แท่นบูชาแห่งโชคถูกบังคับให้ถอยกลับหลายสิบก้าว

ราชันมังกรทุบตีแท่นบูชาแห่งโชคและสร้างหลุมลึกเอาไว้บนพื้นผิวของมัน

“เราไม่สามารซ่อมแซมความเสียหายระดับนี้ได้ทันเวลา!” หัวใจของปิงชายฉวยกระตุก

ปีศาจกระทิง ท่านหญิงดอกไม้ และปรมาจารย์ห้าธาตุพยายามซ่อมแซมแท่นบูชา บูชาแห่งโชคด้วยความตื่นตระหนก

หากแท่นบูชาแห่งโชคพังทลายลง ถ้ําสวรรค์นิรันดรจะแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ทันที พวกเขาจะตายโดยปราศจากซากศพ

แต่ในจังหวะที่ราชันมังกรกําลังจะโจมตีอีกครั้ง แสงสีดํากลับบินออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลา

แสงสีดําพุ่งผ่านรูช่องโหว่เข้าไปภายในแท่นบูชาแห่งโชคและกลายเป็นผู้อมตะที่ดูเยาว์วัย

ด้วยคลื่นแสงสีดําจากฝ่ามือ ความเสียหายของแท่นบูชาแห่งโชคถูกกู้คืนอย่างรวดเร็ว

ร่างของปิงชายฉวนสั่นสะท้านขึ้น “องค์ชายเจ็ด!”

ราชันมังกรก่นเสียงเย็น “เขาคือบุตรของเทพอมตะตะวันเดือด”

ผู้อมตะที่ดูเยาว์วัยผู้นี้คือบุตรลําดับที่เจ็ดของเทพอมตะตะวันเดือด เขาเป็นที่รู้จักในนามองค์ชายเจ็ด เขาพยักหน้าก่อนกล่าว “ราชันมังกร มีข้า ฉีซีหลาง อยู่ที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะทําลายแท่นบูชาแห่งโชค!”