บทที่ 1931 การเคลื่อนไหวของเฉินซาน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“นี่คือเมืองจักรพรรดิของภาคกลางงั้นหรือ?” เย่ฟานเดินเข้าไปในเมืองจักรพรรดิ พร้อมกับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณและประเมินสถานที่

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณของภาคใต้แต่เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเมืองจักรพรรดิมานานแล้ว

นี่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาคกลางหรืออาจกระทั้งห้าภูมิภาค ผู้ใช้วิญญาณระดับสามสามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่ที่ภาคใต้ผู้ใช้วิญญาณระดับสามถือเป็นผู้อาวุโสที่มีอํานาจของตระกูล

นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ฟานมาเยือนเมืองจักรพรรดิ

เมืองจักรพรรดิยิ่งใหญ่สมชื่อ มันได้รับการดูแลอย่างดีและมีโครงสร้างที่อลังการ เย่ฟานไม่รู้สึกผิดหวัง

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เมืองจักรพรรดิยังด้อยกว่ามาก เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่ฟานก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังลอยอยู่กลางอากาศ

ศาลาที่มีกรงนกจํานวนมากแขวนเอาไว้ นี่คือศาลานกขมิ้นของนิกายบัวสวรรค์
คฤหาสน์หยกขาวที่ปลดปล่อยเสียงคํารามของมังกรออกมาเป็นครั้งคราว นี่คือคฤหาสน์มังกรน้ําแข็งของนิกายวิญญาณบรรพกาล

หอคอยเจ็ดชั้นที่มีสายลมเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ มันคือหอคอยวายุของนิกายเมฆาวายุ

นอกจากนี้ยังมีกระโจมนักรบ วังเย่หยาง และวิหารสุริยันจันทรา

อาจารย์ของเยฟานคือลั่วเว่ยหยิน เขาได้เรียนรู้เรื่องราวในโลกของผู้อมตะและสามารถแยกแยะคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมด

คฤหาสน์วิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่ใหญ่โตเท่าเมืองจักรพรรดิ แต่พวกมันส่องประกายงดงามและเป็นจุดศูนย์รวมควมสนใจของผู้คนทั้งเมือง

เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเยี่ฟานถอนหายใจ “ดูเหมือนข่าวลือจะถูกต้อง โลกกําลังจะเปลี่ยนไป ผู้อมตะกําลังต่อสู้กัน ยุคที่ยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง ความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับผู้อมตะจะลดลง นี่คือแผนการของพวกเราไม่ใช่หรือพี่เย?”

เยี่ฟานมองเด็กหนุ่มและพยักหน้า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว น้องหง”

คล้ายกับชีวิตก่อนหน้า เย่ฟานและหงอี้พบกันในการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและสาบานเป็นพี่น้อง

หงอี้ยิ้ม “เราต้องมุ่งมั่นกับการแข่งขัน ปล่อยให้ผู้อมตะต่อสู้กันอยู่บนท้องฟ้า มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถเข้าไปแทรกแซง”

“ฮ่าฮ่า มีเหตุผล คราวนี้เรามาแข่งกันอย่างเต็มที่เถอะ” เยี่ฟานตบไหล่หงอี้

สองพี่น้องเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

หงอี้กล่าวต่อ “ข้ามีความรู้สึกว่าผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในพวกเรา”

หูของเฉินซานกระตุก เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดของหงอี้และเยฟาน

เด็กหนุ่มทั้งสองเป็นมนุษย์แต่เฉินซานกลับให้ความสําคัญกับพวกเขา

“ในอนาคต เด็กหนุ่มทั้งสองมีโอกาสเป็นผู้อมตะ เฉินซานเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุด บนเส้นทางมนุษย์ เขามีลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับมนุษย์

ท่าไม้ตายอมตะรวมใจเป็นหนึ่งของวังสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งานแล้ว บัณฑิตสันโดษ และจางชิงถูกขับไล่ออกจากการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เฉินซานยังสามารถแฝงตัวอยู่ในการแข่งขันครั้งนี้โดยไม่ถูกสงสัย

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดและเป็นกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางมนุษย์

“จากการประเมินของข้า เมืองจักรพรรดิแห่งนี้เป็นสายเลือดหลักของคนภาคกลาง

ภูเขามีสันเขา โลกมีเส้นโลหิตปฐพี และมนุษย์มีสายเลือดของมนุษย์

“เมืองจักรพรรดิถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะแรกกําเนิด หลังจากหลายปี มันยังคงเป็นจุดศูนย์กลางของมนุษย์ มันเป็นสายเลือดหลักของคนภาคกลางมาตลอด

สถานที่แห่งนี้ผลิตมนุษย์ที่มีพรสวรรค์ขึ้นมานับไม่ถ้วน เทพอมตะของวังสวรรค์ ทิ้งวิธีการบนเส้นทางมนุษย์เอาไว้ที่นี่ ข้าสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของมัน

เฉินซานพยายามคลี่คลายวิธีบนเส้นทางมนุษย์ของวังสวรรค์

นี่เป็นภารกิจที่ท้าทายซึ่งกระตุ้นความทะเยอทะยานของเขา

ฟางหยวนและคนอื่นๆไม่สามารถสัมผัสถึงร่องรอยใดๆเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์เหล่านี้ แต่สําหรับเฉินซาน เขาสามารถค้นพบพวกมัน

ด้วยการแทรกซึมเข้าสู่เมืองจักรพรรดิ เขาจะมีโอกาสทําลายท่าไม้ตายอมตะบน เส้นทางมนุษย์ที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพอมตะของวังสวรรค์

“วังสวรรค์กําลังรวบรวมเจตจํานงของมนุษย์และเก็บไว้ใช้งาน
สถานที่เก็บเจตจํานงของมนุษย์มีการป้องกันที่หนาแน่นเกินไป หากเราไม่สามารถเข้าไปในวังสวรรค์ เราก็ไม่สามารถทําลายเจตจํานงของมนุษย์ หากเราไม่สามารถทําลายเจตจํานงของมนุษย์ เราก็ไม่สามารถทําลายท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์เหล่านี้

อย่างไรก็ตาม…วิธีการของข้าจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน

“วังสวรรค์กําลังรวบรวมเจตจํานงของมนุษย์ เมืองจักรพรรดิมีบทบาทสําคัญในกระบวนการนี้ มันเป็นพื้นที่ขนส่งเจตจํานงของมนุษย์

“หากข้าทําลายสถานที่แห่งนี้ ประสิทธิภาพของท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ เหล่านั้นจะลดลงอย่างมาก

แต่เฉินซานไม่ได้วางแผนที่จะทําลายล้างเมืองจักรพรรดิ

เขามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า

เขาต้องการขโมยความรู้ของฝ่ายตรงข้าม

เฉินซานมีทั้งความมั่นใจและความกล้าหาญ

เขาไม่พอใจเพียงการตอบโต้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ของเทพอมตะแต่ เขาต้องการยึดครองวิธีการเหล่านั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

“หากวิธีการบนเส้นทางมนุษย์ของข้ายกระดับขึ้น ข้าอาจสามารถกําจัดเพลิงสีดํา และไม่บ้าคลั่งอีกต่อไป

สนามรบภูเขาขนดก

กองกําลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะของภาคใต้และกองกําลังหลักของวังสวรรค์ต่อสู้กันมาเป็นเวลานานแล้ว

คฤหาสน์วิญญาณอมตะของภาคใต้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก พวกมันเคลื่อนที่กลับไปยังแนวป้องกันที่สองเพื่อรับการซ่อมแซม

ที่แนวหน้ามีสี่ผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้รวมถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับ แปดบ้านไม่ไผ่สายลมและวิหารห้วงมิติ

กองกําลังหลักของวังสวรรค์ไม่มีผู้เสียชีวิต ขวัญกําลังใจของพวกเขาอยู่ในระดับสูง

จ้าวซานอี้เตรียมท่าไม้ตายอมตะของเขาอีกครั้ง

เจิ้งปู่ตะโกน “หยุดเขา! เขาจะใช้ท่าไม้ตายนั้นอีกครั้ง!”

วูหยงและอี้ห่าวฟางกัดฟัน พวกเขาต้องการเข้าไปสนับสนุนแต่ถูกหยุดโดยอี้เซียวจื่อและผู้อมตะหลุมดํา

โจวซ่งซินและนักลงทัณฑ์ร่วมมือกันปิดกั้นบ้านไม้ไผ่สายลม
จชิวเอ๋อและหว่านซื่อหงโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคจากด้านซ้ายและขวา

วูหยงและคนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกลับไปตั้งรับ

พวกเขามีคนน้อยเกินไป มันยากที่จะป้องกัน พวกเขาไม่มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นเหมือนสมาชิกวงสวรรค์

จ้าวซานอี้ประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาอ้าปากและดูดควันห้าสีที่อยู่รอบๆเข้าไป

เมื่อกลุ่มผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่ถูกจํากัดโดยควันห้าสี พวกเขาก็สามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังออกมา

วูหยงและคนอื่นๆพยายามป้องกันแต่ท่าไม้ตายอมตะของฝ่ายตรงข้ามยังทะลุผ่านเข้าไป

ค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง วิญญาณจํานวนมากถูกทําลายจิตวิญญาณค่ายกลที่อ่อนแอลงเรื่อยๆพยายามซ่อมแซมค่ายกลด้วยกําลังทั้งหมด

การแสดงออกของเจิ้งปู่กลายเป็นน่าเกลียด

ด้วยวิธีบนเส้นทางอาหารของจ้าวซานอี้ วังสวรรค์สามารถทําลายอุปสรรค ทุกครั้งที่พวกเขาใช้ท่าไม้ตายนี้ ค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

แม้มันจะได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มที่แต่ความเร็วในการกู้คืนยังตามไม่ทันความเสียหายที่เกิดขึ้น

ดังนั้นค่ายกลวิญญาณอมตะเขตแดนห้าภูมิภาคจึงถูกบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์คับขัน

เมืองจักรพรรดิ

รอบสุดท้ายของการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเริ่มขึ้นในที่สุด

เฉินซานลอบมีความสุข

เขาใช้การหลอมรวมบังหน้าเพื่อเตรียมท่าไม้ตายอมตะของเขาอย่างลับๆ

“ในที่สุดเราก็มาถึง!” ฟางตี้เฉิงนําวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งไปข้างหน้า

ด้านหลังมันคือกองกําลังหลักของทะเลทรายตะวันตก

“เข้าสู่การต่อสู้!”

“บังคับให้พวกเขากลับไป!”

“ปกป้องเมืองจักรพรรดิ!”

กองกําลังของภาคกลางตะโกนและพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะของทะเลทรายตะวันตก

การต่อสู้ปะทุขึ้น

“ยอดเยี่ยม! กองกําลังหลักของภาคกลางเข้าสู่การต่อสู้ นี่ทําให้เฉินซานไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคนเหล่านี้อีกต่อไป

ทันใดนั้น!

“บึม!”

กลิ่นอายที่ทรงพลังปะทุออกมาจากร่างของเฉินซานขณะที่แสงสีขาวระเบิดออกไปรอบๆและกลืนเมืองจักรพรรดิเอาไว้ทั้งหมด

“เทพอมตะจากไปแล้ว วิธีบนเส้นทางมนุษย์ทั้งหมดของพวกเจ้าควรไปเช่นกัน!” ดวงตาของเฉินซานส่องประกายขึ้น

“พรวด!”

แต่หลังจากนั้นเขากลับกระอักเลือดคําโตออกมา อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก

เขาล้มเหลว!

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เฉินซานรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ไม่เพียงเขาจะล้มเหลวในการคลี่คลายท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ของเทพอมตะ แต่เขายังกระตุ้นการทํางานของมันล่วงหน้าอีกด้วย

นี่คือท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ ความหวังของผู้คน!

แสงสีขาวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและหลอมรวมกับร่างของผู้อมตะภาคกลาง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางมนุษย์ วีรบุรุษท่ามกลางผู้คน!

แสงสีขาวหดตัวลงขณะที่กลิ่นอายของผู้อมตะแข็งแกร่งขึ้น

กองกําลังหลักของภาคกลางโห่ร้องด้วยขวัญกําลังใจที่พุ่งสูงขึ้น

“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของฟางตี้เฉิงเปลี่ยนแปลงไป