พริบตาเดียวอีก 10 ปีก็ผ่านไป
ขณะนี้ถึงเวลาที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ได้เปิดการคัดเลือกเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายเข้าไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แต่การคัดเลือกในครั้งนี้นั้นไม่เหมือนกับครั้งก่อน ๆ เพราะว่าครั้งนี้นอกจากจะคัดเลือกอัจฉริยะผู้มีสิทธิ์เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีการคัดเลือกทูตศักดิ์สิทธิ์คนใหม่อีกต่างหาก
ในเวลานี้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายได้มารวมตัวกันที่จัตุรัสของเมืองศักดิ์สิทธิ์เพื่อรอประกาศเริ่มการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ
“ไอ้หนู หลังจากนี้มันขึ้นอยู่กับตัวเจ้าอย่างเดียวแล้ว!” หลิงตู้ฉิงยิ้ม และมองไปยังอุลบาที่อยู่ข้าง ๆ เขา “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ การได้รับสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ตราบใดที่เจ้าไม่สติแตก มันก็แทบจะไม่มีใครที่สามารถต่อกรเจ้าได้”
“แต่ก่อนที่เจ้าจะขึ้นไปบนเวที ข้าต้องเตือนเจ้าอีกรอบหนึ่งก่อน! จำเอาไว้ให้ดี ร่างกายของเจ้านั้นไม่ได้ไร้เทียมทาน ร่างล่องหนของเจ้านั้นยังไปไม่ถึงขั้นไร้ลักษณ์ มันแค่เพียงเปลี่ยนรูปแบบกลายเป็นร่างวิญญาณ ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้เจ้ายังห่างจากคำว่าไร้ลักษณ์อยู่อีกหลายพันปี”
“ส่วนร่างวิญญาณของเจ้านั้นถึงแม้ว่าจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่มันก็มีหลายวิธีที่ร่างวิญญาณของเจ้าจะถูกมองเห็นและสร้างความเสียหายให้ได้และวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการที่ร่างวิญญาณของเจ้าถูกโจมตีด้วยพลังจิตและถูกสัมผัสเห็นได้ด้วยพลังวิญญาณ ส่วนร่างกล้ามเนื้อของเจ้านั้น เจ้าน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันแพ้ทางกับของมีคมมาก ๆ ดังนั้นเมื่อถูกฝั่งตรงข้ามโจมตี เจ้าจงใช้วิชาหยินหยางโกลาหลผกผันปรับเปลี่ยนร่างกายของตัวเองเพื่อรับมือกับการโจมตีต่าง ๆ ให้เหมาะสมที่สุด”
“นอกเหนือจากนั้นซึ่งก็คือจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเจ้าก็คือสายเลือดทรราชสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเจ้า ถึงแม้ว่าสายเลือดทรราชสวรรค์จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเจ้าดันไปเจอคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถควบคุมสายเลือดได้เมื่อไหร่และโดนเขาควบคุมสายเลือดทรราชสวรรค์ได้แล้วล่ะก็ สายเลือดในร่างกายของเจ้าทั้งหมดจะปั่นป่วนในทันทีและเจ้าจะตกเป็นรองอย่างไม่ต้องสงสัย”
“เอาล่ะตอนนี้ข้าได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ไปหมดแล้ว ถ้าขืนเจ้ายังแพ้อีก ไม่เพียงแต่เจ้าจะทำให้ตัวเองขายหน้าแล้วเจ้ายังจะทำให้ข้าที่เป็นอาจารย์ของเจ้าขายหน้าด้วย ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเจ้าทำให้ข้าขายหน้า ข้าจะทุบเจ้าให้ร้องไห้เลยคอยดู!”
อุลบาพยักหน้ารัว ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะมีสติปัญญาที่ไม่ดีและบางครั้งก็ทำตัวอวดดีกับคนอื่นบ้างเป็นบางครั้ง แต่กับหลิงตู้ฉิงแล้วเขาเชื่อฟังเป็นอย่างดีไม่เคยเถียงเลยสักครั้ง
หลังจากจดจำคำสอนของหลิงตู้ฉิงได้หมดแล้ว อุลบาก็ไม่ลืมที่จะถามหลิงตู้ฉิงว่า “ท่านอาจารย์ แล้วเรื่องที่ท่านบอกให้ข้าไปส่งข้อความในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะ?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “หลังจากที่เจ้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เจ้าก็จงไปหาผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซะ และบอกกับนางว่า คนที่เคยร่วมแบ่งปันประสบการณ์กับนางได้กลับมาแล้ว แต่ว่าเจ้าต้องไม่ลืมว่าเจ้าห้ามบอกว่าเป็นศิษย์ของข้าเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ทันได้พูดจนจบประโยคแน่นอน”
อุลบาเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แต่เขาก็ยังถามต่อว่า “แล้วถ้าหากผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ข้าเข้าพบล่ะท่านอาจารย์ ข้าควรทำยังไง?”
หลิงตู้ฉิงถอนหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้นก็เหลือเพียงทางเลือกเดียวก็คือเมื่อเจ้าอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็จงตะโกนให้สุดเสียงว่า ‘หยิงเอ๋อ ข้าคิดถึงเจ้า!’ เมื่อตะโกนจบ ข้าแน่ใจว่าเดี๋ยวจะมีคนออกมาหาเจ้าทันทีแน่นอน และถ้าคน ๆ นั้นต้องการจะฆ่าเจ้า เจ้าก็จงรีบแก้ตัวไปว่า ‘มีคนสอนให้เจ้าพูดแบบนี้!’ แล้วเดี๋ยวเจ้าจะปลอดภัยเอง เจ้าเข้าใจไหม?”
อุลบามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาเหมือนอยากจะร้องไห้และพูดว่า “ท่านอาจารย์ ถ้าหากว่าในอนาคตท่านพอจะมีเวลาว่าง ข้ารบกวนท่านช่วยเผากระดาษเงินกระดาษทองมาให้ข้าด้วย!”
ต่อให้เขาจะโง่สักแค่ไหน แค่เขาได้ยินหลิงตู้ฉิงสั่งแบบนี้เขาก็รู้ได้ทันทีว่าภารกิจนี้มันไม่ต่างอะไรกับภารกิจฆ่าตัวตาย!
เอาแค่ข้อหาที่เขาไปตะโกนโหวกเหวกโวยวายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แค่เท่านั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญที่กำลังบ่มเพาะอยู่ข้างในนั้นมารุมแยกร่างของเขาแล้ว…
หลิงตู้ฉิงมองไปที่อุลบาด้วยสีหน้าจนใจและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้ายังอยากจะเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกไหม? ถ้าหากเจ้าไม่อยากเข้าไปจริง ๆ เดี๋ยวข้าจะหาคนอื่นมาทำหน้าที่ส่งข้อความแทนเจ้าก็ได้”
“ท่านอาจารย์ ในเมื่อท่านทุ่มเทให้กับข้ามามากขนาดนี้แล้วต่อให้ข้าจะรู้ว่ามันอันตราย ข้าก็จะเข้าไปส่งข้อความให้ท่าน” อุลบาพูดขึ้น “และอีกอย่าง การเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นความฝันของข้ามาตลอด ข้าต้องการจะเข้าไปท่านอาจารย์”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะพร้อมกับตบไปที่บ่าของอุลบาด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ให้มันได้แบบนี้สิถึงจะคู่ควรเป็นลูกศิษย์ของข้า! แต่เจ้าวางใจเถอะ หากเจ้าทำตามที่ข้าบอกทุกอย่าง เจ้าจะไม่มีอันตรายแน่นอนข้ารับประกัน”
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงมั่นใจได้ขนาดนี้เป็นเพราะผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเคยร่วมแบ่งปันความทรงจำกับเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีนิสัยเป็นอย่างไร
และผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นก็คือผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘หยิงหยิง!’ และนางก็เป็นผู้ที่คิดค้นวิชาหมื่นเงามายาที่หลิงเทียนหยุนบ่มเพาะอยู่ในตอนนี้
หลายปีที่ผ่านมานี้ ภายใต้การชี้แนะของหลิงตู้ฉิง ระกับการบ่มเพาะของอุลบาในตอนนี้ได้ก้าวมาถึงขอบเขตรวมแสงดาราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 1 แต่ด้วยความมหัศจรรย์ของร่างกายของเขา การผ่านการคัดเลือกเข้าไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และนอกเหนือไปจากนั้นระดับการบ่มเพาะที่อุลบาใช้ในการทะลวงขอบเขตรวมแสงดารานั้นคือขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 13 ซึ่งแค่เพียงคุณสมบัตินี้ อุลบาก็สามารถเทียบได้กับอัจฉริยะระดับหัวกะทิจากเผ่าต่าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยเวลากันอย่างใจจดใจจ่อ จู่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเผ่าปีศาจสวรรค์ก็ปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้า และสยายปีกของเขาที่กว้างกว่า 50 เมตรออกเพื่อเสริมความน่าเกรงขาม
“เหล่าอัจฉริยะทุกคนที่ต้องการจะเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงเตรียมพร้อม การคัดเลือกรอบแรกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเผ่าปีศาจสวรรค์ตะโกนขึ้น “ในการคัดเลือกครั้งนี้จะเป็นการเฟ้นหาผู้ที่สามารถเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ 10 คนและตำแหน่งอันดับที่ 1 จะได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์ และจะมีโอกาสได้เข้าพบกับองค์เหนือหัวผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับภารกิจอันทรงเกียรติต่อไป”
“ส่วนกฎกติกาของการคัดเลือกในรอบแรกก็เช่นเดิม ทุกคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกจะได้รับเหรียญตราไปคนละหนึ่งชิ้น และเมื่อพวกเจ้าทุกคนอยู่บนเวที พวกเจ้าสามารถที่จะท้าประลองใครก็ได้ ซึ่งผู้แพ้จะต้องเสียเหรียญตราให้กับผู้ที่ชนะ ใครคนไหนที่ไม่หลงเหลือเหรียญตราอยู่ในมือจะถูกคัดออกทันทีจนกว่าบนเวทีจะเหลือเหล่าผู้เข้าคัดเลือก 100 คน และทั้ง 100 คนนั้นจะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เอาล่ะเมื่อพวกเจ้าพร้อมแล้วก็จงเดินไปรับเหรียญตรา และกระโดดขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มการประลองได้เลย!”
เมื่อสิ้นเสียงประกาศของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเผ่าปีศาจสวรรค์ หลิงตู้ฉิงก็หันไปพูดกับอุลบาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไอ้หนู โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว! เจ้าจะต้องชนะและเอาที่ 1 มาครองให้ได้เพื่อที่เจ้าจะได้เข้าไปพบกับผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง แบบนี้มันจะเป็นสถานการณ์ที่ปลอดภัยที่สุดหากเจ้าได้พบกับนางและพูดคำพูดที่ข้าสอนเจ้าไป”
อุลบาพยักหน้ารับทราบทันทีเพราะเขาก็รู้เหมือนกันว่าด้วยวิธีนี้ชีวิตของเขาจะปลอดภัยขึ้นมาก จากนั้นเขาก็รีบเดินไปรับเหรียญตราที่ข้างเวทีและกระโดดขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็วพร้อมกับชี้หน้าคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดและตะโกนว่า
“เฮ้! เจ้ากับข้าพวกเรามาสู้กัน!”