ภาคที่ 37 บนเส้นทาง ตอนที่ 60 ประมือกับประมุขพรรคเงามาร

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

เป็นเรื่องเสียแล้ว!

 

ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าสกุลอวี้เฟิงของเขากับ ‘จักรพรรดิเทพหิมะเหิน’ พันผูกเข้าด้วยกันแล้ว ตอนนั้นจักรพรรดิเทพหิมะเหินหยัดยืนขึ้นมาจัดการศัตรูตัวฉกาจอย่างนายท่านแห่งสมาคมจิตมารเพื่อสกุลอวี้เฟิงของเขา นอกจากนี้ ‘อวี้เฟิงชิงอิน’ คุณหนูสามแห่งสกุลอวี้เฟิงยังคารวะอยู่ภายใต้สำนักของจักรพรรดิเทพหิมะเหินอีกด้วย จักรพรรดิเทพหิมะเหินก็พำนักอยู่ที่เมืองจวิ้นซานมาโดยตลอด ขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ทั่วทั้งโลกเทพ เกรงว่าต่างก็คงจะเห็นสกุลอวี้เฟิงและจักรพรรดิเทพหิมะเหินเป็นขุมอำนาจฝ่ายเดียวกันหมดแล้ว

 

“จะลากสกุลอวี้เฟิงของพวกเราไปข้องเกี่ยวด้วยหรือไม่” อวี้เฟิงจวิ้นซานและอวี้เฟิงเหลยต่างก็ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง

 

“ประมุขพรรคเงามารมาที่เมืองจวิ้นซานก็เพื่อจัดการจักรพรรดิเทพหิมะเหินอย่างนั้นหรือ”

 

“ให้จักรพรรดิเทพหิมะเหินไปรับความตายอย่างนั้นหรือ”

 

เหล่าผู้แกร่งกล้าจำนวนมากภายในเมืองจวิ้นซานต่างพากันกลั้นหายใจ

 

แต่ประมุขพรรคเงามารยังคงมองลงมายังเบื้องล่างเช่นเดิม จ้องเขม็งบนเงาร่างชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่อยู่บนทางเดินของจวนหิมะเหิน

 

“ปรมาจารย์ ปรมาจารย์ นี่มันเรื่องอันใดกัน นี่ เหตุใดเขา…” อวี้เฟิงชิงอินตื่นตระหนกเสียแล้ว “ทำอย่างไรดีเล่า หรือว่าจะคิดหาวิธีหนีเอาชีวิตรอดดีเล่าเจ้าคะ”

 

หลายปีมานี้ นางสามารถรู้สึกได้ว่าปรมาจารย์ปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีโดยแท้จริง สมบัติล้ำค่ามากมายถึงเพียงนั้นก็มอบให้นางจนหมด นางเห็นปรมาจารย์เป็นเหมือนญาติที่สนิทใจกันเป็นที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้ศัตรูเป็นถึงผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์! ลำดับที่เก้าของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพเลยทีเดียว! นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นผู้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกเทพ แล้วอวี้เฟิงชิงอินจะไม่หวั่นเกรงได้อย่างไรกัน

 

นางกลัว กลัวว่าปรมาจารย์จะตาย!

 

“ชิงอิน อย่าได้กลัวไปเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม จากนั้นก็หมุนกายเงยหน้ามองไปทางประมุขพรรคเงามารผู้นั้น เขาก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง เงาร่างก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นเงาราง ตอนนี้ระดับขั้นของเขายิ่งสูง ทั้งยังทำให้วิถีกายแมลงมารห้วงอากาศสมบูรณ์อีกครั้ง ก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ระหว่างห้วงฟ้าดินก็เหลือเงารางอยู่ร่างหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปเผชิญหน้ากับประมุขพรรคเงามารที่อยู่กลางอากาศผู้นั้น

 

“ประมุขพรรคเงามาร” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงอันองอาจของท่านมาก่อน เพียงแค่ว่าข้าอยู่ในเมืองจวิ้นซานมาโดยตลอด มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียงอย่างเดียว ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับการต่อสู้แก่งแย่งมากมายของโลกเทพ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยพบท่านประมุขพรรคเงามารมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดประมุขพรรคเงามารจึงมาถึงเมืองจวิ้นซานเพื่อหมายจะสังหารข้ากันเล่า”

 

“ยังจะแกล้งทำอีกหรือ ฉวีเฉินลูกศิษย์ข้าตายไป ข้าตรวจสอบพบแล้วว่าเขาตายด้วยน้ำมือเจ้า” นัยน์ตาสีแดงโลหิตทั้งคู่ของประมุขพรรคเงามารเต็มไปด้วยแววอาฆาต “ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อีกหรือ”

 

“ลูกศิษย์ของเจ้า ฉวีเฉินหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง

 

ประมุขพรรคเงามารมีอิทธิพลมารอันกล้าแกร่ง เป็นถึงพญามารผู้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังก่อตั้งสำนักวิชาด้วย! ศิษย์ถ่ายทอดเองของเขาก็มีอยู่ถึงหนึ่งร้อยสามคน!

 

นอกจากนี้ ประมุขพรรคเงามารก็มีเงื่อนไขอันรุนแรงอย่างยิ่งต่อศิษย์ ลูกศิษย์บุกฝ่าแล้วตายตกไปอยู่ข้างนอก สำหรับประมุขพรรคเงามารแล้วก็หมายความว่าลูกศิษย์มีพลังยุทธ์ไม่เพียงพอ ก็ย่อมมิได้ใส่ใจอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ลูกศิษย์ของเขาก็ตายตกไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว เหตุใดอยู่ดีๆ จึงตามล่าสังหารตนถึงที่นี่เพราะลูกศิษย์เพียงคนเดียวเล่า

 

“มิใช่ว่าผิดพลาดไปแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเอ่ยปากพูด

 

“ไม่ผิดหรอก ฆาตกรก็คือเจ้านั่นแหละ! หึๆ จักรพรรดิเทพหิมะเหิน กล้าสังหารฉวีเฉินลูกศิษย์ข้า แต่ไม่มีความกล้าที่จะยอมรับอย่างนั้นหรือ” แววอาฆาตของประมุขพรรคเงามารยิ่งเข้มข้นขึ้น เขาจ้องมองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างละเอียด คล้ายว่าเตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลา

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ

 

เขามิได้ลงมือ

 

นอกจากนี้ระดับขั้นของตนก็ยังไม่สามารถสะกดรอยเหตุปัจจัยมาถึงตนได้ด้วย! บวกกับในอดีตประมุขพรรคเงามารก็ไม่เคยใส่ใจความเป็นความตายของลูกศิษย์มาก่อนเลย แต่คราวนี้กลับมาให้ความสนใจเช่นนี้ อีกทั้งยังเดือดร้อนมาถึงตนด้วย… ทั้งหมดนี้ก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเจตนา!

 

“ประมุขพรรคเงามาร ในเมื่อต้องการจะลงมือ ก็อย่าได้เปลืองน้ำลายอีกเลย สนใจแต่เรื่องลงมือก็พอแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงเย็น “หาเหตุผลไร้สาระ ก็ได้แต่ทำให้ข้าดูแคลนท่านเท่านั้นแหละ”

 

ประมุขพรรคเงามารสะดุ้งคราหนึ่ง มุมปากแสยะยิ้มแล้วหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าฮ่า น่าสนใจ น่าสนใจ! เช่นนั้น…”

 

“เปลืองน้ำลายให้น้อยหน่อยเถิด!”

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือออกมา แล้วหอกยาวสีดำเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ

 

ปัง!!!

 

สองมือกุมหอกยาวแล้วกระแทกไปข้างหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว

 

……

 

“อะไรกัน จะประมือกันเช่นนี้เลยหรือ”

 

“จักรพรรดิเทพหิมะเหินเริ่มลงมือก่อนเลยหรือ”

 

ผู้ที่ชมดูอยู่มากมายทั่วทั้งเมืองจวิ้นซานต่างพากันตกอกตกใจ สำหรับพวกเขาแล้ว ‘ประมุขพรรคเงามาร’ คือผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์เลยทีเดียวนะ! เผชิญกับผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ ต้องอธิบายอย่างสุดกำลัง ถึงขนาดที่เสนอสมบัติล้ำค่าให้ ดูว่าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้หรือไม่ ก็ต้องคิดหาวิธีหนีเอาชีวิตรอด! จะได้พูดเพียงแค่สองประโยคแล้วออกกระบวนท่ากับผู้แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ในทันทีได้เลยอย่างไรกัน

 

“พรึ่บ…” ค่ายกลเหนือท้องฟ้าทั่วทั้งเมืองจวิ้นซานปรากฏขึ้น คุ้มครองทั่วทั้งปราการเมืองเอาไว้อย่างสมบูรณ์

 

ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงและประมุขพรรคเงามารก็อยู่ที่ด้านบนของปราการเมืองแล้ว

 

อวี้เฟิงเหลยและอวี้เฟิงจวิ้นซาน สองคนที่ควบคุมค่ายกลอยู่ประสานสายตากันคราหนึ่ง

 

“เฮ้อ ข้าอยากจะเกาะแข้งเกาะขาจักรพรรดิเทพหิมะเหินผู้นี้เอาไว้ สามารถทำให้สกุลอวี้เฟิงของข้าได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล หลายปีมานี้พวกเราก็ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ แม้กระทั่งเจ้า เหลยเอ๋อร์ ก็ยังอาศัยสมบัติล้ำค่าที่จักรพรรดิเทพหิมะเหินมอบให้กับชิงอิน ไปถึงระดับจักรพรรดิเทพช่วงกลางเลย” อวี้เฟิงจวิ้นซานส่ายศีรษะ “จะคิดถึงเสียที่ไหนกันว่าหายนะเช่นนี้จะมาเยือน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดประมุขพรรคเงามารจึงอยากจะสังหารจักรพรรดิเทพหิมะเหิน ถ้าหากพาลโมโหสกุลอวี้เฟิงของข้าเข้า สกุลอวี้เฟิงของข้าก็ย่อมไม่มีแรงต้านทานอยู่แล้ว”

 

เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น

 

เกรงว่าทั่วทั้งเมืองจวิ้นซานก็คงกลายเป็นผุยผง! ภายใต้เคล็ดวิชาที่กินอาณาบริเวณใหญ่โตเช่นนี้ เกรงว่าคงจะมีเพียงอวี้เฟิงเหลยผู้เป็นจักรพรรดิเทพช่วงกลางเท่านั้นที่พอจะฝืนเอาชีวิตรอดได้ ถึงเวลานั้นประมุขพรรคเงามารออกกระบวนท่ามาอีกกระบวนท่าหนึ่ง อวี้เฟิงเหลยก็ต้องจบชีวิตอย่างไร้ข้อกังขาแล้ว

 

“จักรพรรดิเทพหิมะเหินอาศัยอยู่ที่เมืองจวิ้นซานมาโดยตลอด ก็คงจะมิได้มีความแค้นกับประมุขพรรคเงามารหรอกกระมัง” อวี้เฟิงเหลยเอ่ยอย่างกังวลใจ

 

“ใครจะไปรู้ได้เล่า ไม่แน่ว่าก่อนหน้าที่จะมายังเมืองจวิ้นซานก็อาจเคยมีความแค้นกับประมุขพรรคเงามารมาก่อนแล้วก็เป็นได้” แต่อวี้เฟิงจวิ้นซานกลับไม่สงบเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดิเทพหิมะเหินซ่อนเร้นพลังยุทธ์มาโดยตลอด ก่อนหน้าที่จะมายังเมืองจวิ้นซาน จักรพรรดิเทพหิมะเหินก็คงจะมีพลังยุทธ์อันน่าหวั่นเกรงเช่นนี้อยู่แล้ว มิฉะนั้นพลังยุทธ์จะยกระดับอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ตอนแรกเริ่มเพิ่งจะเป็นเพียงจ้าวเทพช่วงต้น มาถึงยังเมืองจวิ้นซานเพียงไม่กี่วันก็มีพลังกดดัน ‘จ้าวภูเขาค้างคาว’ ผู้เป็นจ้าวเทพช่วงสุดยอด อีกแปดล้านปีให้หลังก็สามารถปลิดชีพนายท่านแห่งสมาคมจิตมารได้อีกอย่างนั้นหรือ

 

สำหรับพวกเขาแล้วจะต้องเป็นพลังยุทธ์ที่ซ่อนเร้นเอาไว้ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

 

ในความเป็นจริงแล้วที่ก่อนหน้านี้ยกระดับได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะหลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้ตำราการบำเพ็ญมาครอบครองแล้วก็ฟื้นฟูพลังยุทธ์อย่างรวดเร็วเท่านั้น

 

“ลำดับที่เก้าของบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพเลยเชียวนะ” อวี้เฟิงจวิ้นซานสีหน้าซีดขาวไปหมด

 

เขาย่อมมิได้มีความเชื่อใจในตัวจักรพรรดิเทพหิมะเหินเลยแม้แต่น้อยอยู่แล้ว

 

*******

 

ปัง ปัง ปัง…

 

สองฝ่ายต่อสู้กันด้วยความเร็วสูงยิ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขนาดที่ควบคุมอากาศต้านทานผลกระทบที่แผ่ออกมาเอาไว้ ป้องกันมิให้กระทบไปถึงเมืองจวิ้นซานที่อยู่เบื้องล่าง

 

ถึงแม้ว่าขณะนี้เมืองจวิ้นซานก็รักษาค่ายกลเอาไว้ แต่ภายใต้ผลกระทบจากการต่อสู้ของ ‘ประมุขพรรคเงามาร’ ถ้าหากปะทะเข้าเต็มๆ ค่ายกลคุ้มกันเมืองก็คงต้านทานเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ!

 

อิทธิพลของการต่อสู้ยิ่งใหญ่เกินไป ด้านล่างก็ย่อมมองเห็นได้ไม่ชัดเจนอยู่แล้ว

 

อวี้เฟิงจวิ้นซาน อวี้เฟิงเหลย ประมุขหอสิง จ้าวภูเขาค้างคาว และคนอื่นๆ ต่างก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างตื่นเต้น ก็เห็นเพียงแค่ว่าเบื้องบนเต็มไปด้วยผลกระทบต่างๆ นานาส่งเสียงโครมคราม

 

“ปัง…”

 

ห้วงมิติชิ้นโตราวกับก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แขวนลอยอยู่กลางเวหา ภายในก้อนน้ำแข็งก็กดดันประมุขพรรคเงามารผู้นั้นเอาไว้ ทั่วทั้งก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมายังกดดันให้เล็กบางลงอย่างหมายจะเอาชีวิตอีกด้วย

 

ทว่าประมุขพรรคเงามารกลับกระทืบเท้าขวาคราหนึ่งในทันใด ขาขวาของเขาใหญ่หนาขึ้นรอบหนึ่ง หลังจากกระทืบคราหนึ่งแล้วทั่วทั้งก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาก็สั่นสะเทือนไปหมด จากนั้นก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว

 

“ฉึกๆๆ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับบุกเข้ามาอีกครั้ง เงาหอกทิ่มแทงอย่างดุดันอย่างต่อเนื่อง

 

เงาหอกทุกสายต่างก็ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนห้วงอากาศดำทะมึนสายหนึ่ง น้ำวนห้วงอากาศนี้โอบล้อมประมุขพรรคเงามารเอาไว้ ที่ศูนย์กลางของน้ำวนก็บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังดำสนิทด้วย!

 

ในชั่วพริบตาก็มีน้ำวนห้วงอากาศดำทะมึนหลายร้อยสายอยู่กลางอากาศ โคจรหมุนวนต่อเนื่องกัน อีกทั้งยังก่อตัวเป็นน้ำวนที่มีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้น ไล่บี้สังหารประมุขพรรคเงามาร ความเร็วอันน่าหวาดหวั่นของประมุขพรรคเงามารก็มิอาจสำแดงออกมาได้ภายใต้กระแสน้ำวนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระแสน้ำวนมากมายรวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้น ผิวหนังสีแดงเข้มบนร่างเขาที่ถูกบิดก็เริ่มปริแตกออก เผยให้เห็นผิวเนื้อสีแดงที่อยู่ภายใน ผิวเนื้อนี้ถึงแม้จะทนทานแต่ก็ยังคงถูกฉีกทึ้งจนเป็นแผลปรากฏขึ้นมา โลหิตหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินอยู่ภายในน้ำวนห้วงอากาศดำทะมึนแล้วถูกบิดสังหารจนกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว

 

“เห็นชัดเจนแล้ว”

 

หลังจากที่ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมากดดันแล้ว เหล่าผู้แกร่งกล้ามากมายภายในเมืองจวิ้นซานจึงมองเห็นการต่อสู้เบื้องบนได้อย่างชัดเจน

 

เมื่อยามที่น้ำวนห้วงอากาศดำทะมึนหลายร้อยสายโอบล้อมประมุขพรรคเงามาร แต่ละคนต่างก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว

 

“อะไรกัน ประมุขพรรคเงามารได้รับบาดเจ็บแล้วนี่”

 

“นี่ นี่มัน…”

 

“ประมุขพรรคเงามารถึงกับได้รับบาดเจ็บด้วยหรือนี่”

 

มองดูโลหิตหลั่งรินหยดแล้วหยดเล่า เหล่าผู้แกร่งกล้าภายในเมืองจวิ้นซานต่างก็มองอย่างตกตะลึงไปเสียแล้ว ‘อวี้เฟิงจวิ้นซาน’ และ ‘อวี้เฟิงเหลย’ ที่มิได้มีความเชื่อมั่นในตัวตงป๋อเสวี่ยอิงก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว

 

อะไรกัน

 

จักรพรรดิเทพหิมะเหินสามารถต่อกรกับประมุขพรรคเงามารโดยไม่ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อยอย่างนั้นหรือ นี่ก็คือจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์! ลำดับที่เก้าของทั้งบัญชีรายนามจักรพรรดิเทพเลยทีเดียวนะ!

 

…………………………………………