บทที่ 823 สัญญาสงบศึก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 823 สัญญาสงบศึก

สายตาของเหยียนอิงจ้องมองไปที่หีบสีดำ

ความสงสัยทำให้นางหยุดชะงักไปเล็กน้อย

เหตุไฉนหลินเป่ยเฉินถึงคิดว่าสิ่งที่อยู่ในหีบใบนี้จะทำให้นางพอใจได้นะ?

สิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร?

จะเป็นยาพิษหรือไม่?

ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเหยียนอิง แต่เด็กสาวก็รีบสลัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นไปทันที

หลินเป่ยเฉินคงไม่โง่พอที่จะมาวางยาพิษนางกลางค่ายที่พักของชาวทะเลแน่นอนอยู่แล้ว

เด็กสาวบนรถเข็นประกบมือเข้าด้วยกัน ก่อนจะหมุนแหวนที่สวมใส่อยู่บนนิ้วกลางอย่างช้าๆ จากนั้นก็สัมผัสแหวนอีกวงหนึ่งบนนิ้วชี้อย่างแผ่วเบา

ฟึบ!

ฝาหีบเปิดออกอย่างนุ่มนวล

ไม่มีพลังลมปราณพุ่งออกมา ไม่มียาพิษ ไม่มีกลไก

มีแต่กลิ่นคาวเลือด

กลิ่นคาวเลือดและเนื้อเน่าเหม็น

เหยียนอิงคุ้นเคยกับกลิ่นเหล่านี้เป็นอย่างดี

รถเข็นของนางลอยสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

เหยียนอิงเห็นแล้วว่าสิ่งใดอยู่ในหีบ

เป็นหัวมนุษย์หัวหนึ่ง

หัวมนุษย์ที่ตายมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว

ในสมองของเด็กสาวมีความคิดมากมายเกิดขึ้นอีกครั้ง

ในเมื่อหลินเป่ยเฉินแน่ใจว่าหัวมนุษย์หัวนี้จะต้องทำให้นางพึงพอใจ นั่นก็หมายความว่าเจ้าของหัวมนุษย์ผู้นี้ต้องมีสถานะไม่ธรรมดา

และน่าจะเป็นคนที่เหยียนอิงอยากสังหาร แต่ไม่สามารถทำได้

น่าเสียดายที่ไม่ใช่ ‘เขา’ ผู้นั้น

ด้วยเหตุนี้…

จึงเหลือเพียงความเป็นไปได้เดียว

นี่ต้องเป็นหัวของบุคคลระดับสูงของจักรวรรดิเป่ยไห่

เมื่อลองพินิจโครงหน้าของหัวมนุษย์ดูดีๆ…

เหยียนอิงพยายามเทียบเคียงกับใบหน้าของมนุษย์จำนวนมากมายที่นางจดจำได้ และใช้เวลาเพียงไม่นาน เด็กสาวก็ได้ชุดข้อมูลในสมองเปรียบเทียบกับใบหน้าของหัวมนุษย์ในหีบสีดำใบนี้ ซึ่งมีความตรงกันอย่างน่าเหลือเชื่อ

“เหลียงหยวนเตา?” เด็กสาวบนรถเข็นถามออกมาช้าๆ

หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งตอบกลับไปด้วยความชื่นชม

“สมแล้วที่พี่สาวท่านนี้เป็นจิตวิญญาณของชาวทะเล วิสัยทัศน์ช่างกว้างไกล ดวงตาช่างแหลมคม คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงมองแค่แวบเดียว ท่านก็สามารถดูออก เพราะแบบนี้นี่เอง พี่สาวถึงเป็นยอดฝีมือระดับเซียนที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกใต้ทะเล เมื่อท่านมาร่วมมือกับข้า เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหล่อเหลามากที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่ นี่สิถึงเรียกว่าเป็นการจับคู่ที่สมกันดั่งกิ่งทองใบหยก…”

เหยียนอิงหยุดชะงักและไม่พูดอะไร

คำหวานเช่นนี้ มีแต่ทำให้นางคลื่นไส้เท่านั้น

เหยียนอิงไม่ใช่คนที่จะทำสิ่งใดโดยไม่คิดให้รอบคอบ

ครั้งนี้ นางได้โอกาสยกกองทัพบุกโจมตีเมืองมนุษย์บนแผ่นดินใหญ่ และมันก็เป็นเพียงก้าวแรกของแผนการอันยาวไกลเท่านั้น

กว่าที่เหยียนอิงจะลงมือทำอะไรสักอย่าง นางต้องมีความมั่นใจมากที่สุด

ขั้นตอนแรก นางต้องบุกโจมตีนครเจาฮุยให้สำเร็จ

เด็กสาวสืบข้อมูลเกี่ยวกับนครเจาฮุยมาแล้วทุกอย่าง เมืองแห่งนี้เป็นเสี้ยนหนามสำคัญที่ต่อต้านการบุกยึดมณฑลเฟิงอวี่เป็นเวลากว่าครึ่งปี โดยเฉพาะสองผู้มีอำนาจซึ่งดูแลเมืองนี้คือเกาเฉิงฮั่นกับเหลียงหยวนเตา ข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาก็อยู่ในมือของเหยียนอิงแล้วเช่นกัน

แม้แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเหลียงหยวนเตาเมื่อ 15 ปีก่อน ก็มีอยู่ในคลังข้อมูลของชาวทะเล

เช่นเดียวกับเรื่องวีรกรรมอันโหดร้ายอำมหิตมากมายของเขา

หัวมนุษย์หัวนี้ถึงจะเสียชีวิตมาได้หลายวันแล้ว แต่ก็ยังมีสภาพสมบูรณ์ดีพอที่จะทำให้จดจำหน้าตาได้ไม่ยาก

“เจ้าสังหารเหลียงหยวนเตาอย่างนั้นหรือ?”

เด็กสาวบนรถเข็นพูดอย่างใช้ความคิด

“ถูกต้อง ข้าสังหารหนึ่งในผู้ว่าการเก้ามณฑลใหญ่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ ไม่ทราบว่าหัวของเขาที่ข้านำมามอบให้ท่าน จะเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ถึงความจริงใจในการร่วมมือของพวกเราได้แล้วหรือยัง?”

หลินเป่ยเฉินจ้องมองเหยียนอิงเขม็ง ก่อนที่นางจะถามกลับโดยไม่ยอมตอบคำถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าควรเชื่อใจเจ้าดีไหม?”

“ข้าคิดว่าท่านควรเชื่อใจเป็นอย่างยิ่ง”

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

เด็กสาวบนรถเข็นมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างใช้ความคิด และในเวลาเดียวกันนี้ นางก็กำลังวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากความตายของเหลียงหยวนเตาอย่างรวดเร็ว

นางสามารถบอกได้เลยว่าหัวที่อยู่ในหีบสีดำใบนี้…

เป็นของจริง

นั่นเท่ากับว่าเหลียงหยวนเตาตายแล้วจริงๆ

หลินเป่ยเฉินสังหารเหลียงหยวนเตา

แล้วในสังคมมนุษย์บนแผ่นดินใหญ่ไม่แตกตื่นกันหมดหรือ?

นี่คงสามารถพิสูจน์ความจริงใจของหลินเป่ยเฉินได้แล้วกระมัง?

ยังไม่ได้

แต่อย่างน้อยก็พิสูจน์แล้วว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีสมองไม่ปกติ

เพราะคงไม่มีคนปกติคนไหนที่จะมีความคิดโค่นล้มจักรวรรดิเป่ยไห่ และล้างบางวิหารเทพีกระบี่ซึ่งเป็นศาสดาองค์สำคัญของแผ่นดินตงเต้าเช่นนี้

เพราะฉะนั้น คลังข้อมูลของชาวทะเลที่บอกว่าหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลสมองเสื่อม ก็น่าจะเป็นความจริง

และเนื่องจากเขามีสมองไม่ปกติ หลินเป่ยเฉินจึงมักกระทำเรื่องราวหลายอย่างโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา

แต่ความจริงนั้น นี่ไม่ใช่การกระทำเพราะอาการสมองเสื่อม

แต่เป็นการกระทำด้วยความคับแค้นใจ และอยากจะแก้แค้นโลกใบนี้ เช่นเดียวกับที่เหยียนอิงรู้สึกนั่นเอง

ชักน่าสนใจแล้วสิ

“เจ้าฆ่าผู้ปกครองมณฑลถึงขนาดนี้ แล้วยังจะกลับไปเสนอหน้าในนครเจาฮุยได้อีกหรือ?” เหยียนอิงก้มหน้ามองหลินเป่ยเฉินจากตำแหน่งที่สูงกว่า

ทันใดนั้น เด็กสาวเข้าใจคำพูดของหลินเป่ยเฉินแล้วที่ว่า ‘พวกเรามีบางอย่างคล้ายกัน’

เขาและนางมีบางอย่างคล้ายกันจริงๆ

หลินเป่ยเฉินกับเหยียนอิงมีจิตใจที่เต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดชัง

แต่เด็กสาวพยายามเก็บอาการไม่แสดงออกทางสีหน้า

หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ “นอกจากข้าจะสามารถกลับไปเสนอหน้าในนครเจาฮุยได้แล้ว บัดนี้ ข้ายังเป็นคนสนิทของเกาเฉิงฮั่นและกลายเป็นหนึ่งในนายทหารคนสำคัญของกองทัพอีกด้วย”

“เจ้าควรพิสูจน์ตนเองด้วยการฆ่าเกาเฉิงฮั่นอีกสักคนดีหรือไม่?” เด็กสาวบนรถเข็นยังคงก้มมองลงมาต่อไป

เสียงที่พูดออกมาจริงจัง บอกชัดว่าไม่ได้ล้อเล่น

“พิสูจน์ว่าข้าซื่อสัตย์หรือไม่ พิสูจน์ว่าข้าเสียสติหรือไม่ พิสูจน์ว่าเราเป็นบุคคลแบบเดียวกันหรือไม่… ข้าอยากสร้างสงครามครั้งใหญ่ ไม่ได้อยากมานั่งพูดคุยไร้สาระเช่นนี้ เพราะเจ้าคงมีเรื่องอยากจะพิสูจน์ไม่จบสิ้น”

ทันใดนั้น ร่างของหลินเป่ยเฉินก็ลอยขึ้นไปในอากาศจนอยู่สูงระดับเดียวกับเด็กสาวบนรถเข็น พวกเขาสบตามองกัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะกล่าวว่า “พี่สาว ท่านเป็นคนฉลาด เพราะฉะนั้น อย่าได้ถามคำถามเช่นนี้ออกมาอีก ข้าแสดงความจริงใจของตนเองออกมาแล้ว บัดนี้ ท่านต้องตอบคำถามของข้ามาว่าอยากจะร่วมมือด้วยหรือไม่?”

น้ำเสียงของเด็กหนุ่มบอกชัดถึงความรำคาญใจ

เช่นเดียวกับสีหน้าของเขา

เหยียนอิงงงงันวูบ เข้าใจแล้วว่าข้อมูลที่บอกว่าหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลสมองเสื่อม พฤติกรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้อาจจะเป็นความจริง และเรื่องที่ว่าเขากระทำทุกอย่างด้วยจิตใจอันคับแค้น ก็อาจจะเป็นนางที่คิดมากไปเอง

บางทีสมองของเด็กหนุ่มผู้นี้อาจจะมีปัญหาจริงๆ ก็ได้

ในความเงียบงัน เหยียนอิงพยักหน้า ตอบว่า “บอกแผนการของเจ้ามา”

หลังจากนั้น นางก็ค่อยๆ บังคับรถเข็นให้กลับลงมาอยู่บนพื้นดินอีกครั้ง

หลินเป่ยเฉินแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่มีสีหน้าเยือกเย็น

“เลือกได้ดี”

เด็กหนุ่มลดตัวลงมาจากกลางอากาศ จ้องมองหน้าเหยียนอิงและกล่าวว่า “แผนการของข้าเรียบง่ายมาก ท่านจะไปโจมตีที่ไหนก็ได้ แต่จะมาโจมตีนครเจาฮุยไม่ได้ เพราะที่นี่ถือเป็นฐานบัญชาการของข้า ทางที่ดีท่านควรถอนกำลังกลับไปให้เร็วที่สุด และอย่าได้กลับมาโจมตีที่นี่อีก”

“แล้วอย่างไรต่อ?”

เหยียนอิงยกมือกอดอก รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เด็กสาวควบคุมรถเข็นให้ลอยกลับขึ้นไปในอากาศจนอยู่สูงเหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง

“หลังจากนั้น ท่านก็บอกข้อมูลเกี่ยวกับจอมเวทย์มนุษย์เงือกมาให้ข้ารู้ รวมถึงวิธีการทำลายประตูมิติสำหรับการขนส่งเสบียงและกำลังเสริมของกองทัพชาวทะเล เพียงเท่านี้ สถานการณ์ของชาวทะเลก็จะย่ำแย่ลงแล้ว”

หลินเป่ยเฉินพูดเสียงดังฟังชัด

เมื่อพูดประโยคนี้จบลง เขาก็ลอยตัวกลับขึ้นไปในอากาศ

หลินเป่ยเฉินตั้งใจลอยตัวให้สูงมากกว่าเหยียนอิง

“ขึ้นไปให้สูงอีกสิ”

รถเข็นของเด็กสาวก็ลอยตัวสูงขึ้นมาเช่นกัน

บัดนี้ ศีรษะของพวกเขาสัมผัสกับเพดานของกระโจมที่พัก และทั้งสองคนต่างก็จ้องมองกันด้วยแววตาเป็นประกายวาวโรจน์

หากไม่ใช่กลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นรู้ตัว และความลับเรื่องที่พวกเขาแอบร่วมมือกันถูกเผยแพร่ออกไป หลินเป่ยเฉินกับเหยียนอิงก็คงลอยตัวทะลุหลังคากระโจมที่พักขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อแข่งขันกันให้รู้ดำรู้แดงว่า ใครจะเป็นผู้ที่สามารถลอยอยู่ในอากาศได้สูงมากกว่ากัน…