ตอนที่ 1298

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ป่าภูผาวารีคือสถานที่จัดงานชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน

แต่มันไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้าไปได้ ในทางตรงกันข้าม การเข้าไปในป่าภูผาวารีคือบททดสอบแรก เพื่อกำจัดคนจำนวนมากที่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะออกไป มีเพียงแค่อัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

มันมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทุกตารางนิ้ว ไม่มีใครสามารถย่างก้าวเข้าไปได้ แม้จะเป็นจอมยุทธระดับเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้น

ทุก 77777 ปี อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ในป่าภูผาวารีจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น  ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวอำนาจแห่งกฎเกณฑ์จะไม่เป็นอันตราย มีเพียงแค่อัจฉริยะที่แท้จริงเท่านั้นที่ฝ่าเข้าไปได้ ส่วนจอมยุทธทั่วไปยังคงเป็นอุปสรรค

นอกจากนั้น หุบเขาสุริยันจันทราเองก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 77777 ปีเช่นกัน แต่ตอนนี้ป่าภูผาวารีผ่านมาแล้ว 33333 ปี ดังนั้นการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนจึงถูกจัดที่นี่ แต่หลังจากนี้อีก 33333 ปี การชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนก็จะจัดขึ้นอีกครั้งในหุบเขาสุริยันจันทรา แล้วหลังจากนั้นอีก 44444 ปีก็จะกลับมาจัดที่ป่าภูผาวารีอีกครั้ง

เพราะการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนแต่ละครั้งใช้ต้องรอนานหลายหมื่นปี ดังนั้นอัจฉริยะจากทั้งสองดินแดนจึงให้ความสำคัญกับมันเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแค่จะได้ปะมือกับอัจฉริยะจากดินแดนอื่นเท่านั้น แต่ยังได้ปะมือกับอัจฉริยะดินแดนเดียวกันอีกด้วย

เช่นเดียวกับอู๋เมี่ยนที่เดินทางมาที่ดาวหยุนติ่งก็เพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน

การปะทะกันของอัจฉริยะทั้งสองคนแดนสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองฝั่งได้ และนี่เองก็เป็นเหตุผลว่าทำไมตัวตนระดับสูงของทั้งสองดินแดนถึงกระตุ้นให้อัจฉริยะของตนเข้าไปมีส่วนร่วมในการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน และคนที่โดดเด่นก็จะได้รับรางวัลตอบแทนมากมาย

พูดตามตรงแล้ว เหตุผลที่หลิงฮันเข้าร่วมก็คือรางวัลตอบแทน

จักรวรรดิราชวงศ์ทั้งสองแห่งร่วมมือกันประกาศว่าถ้าใครสามารถครอบครองตำแหน่งอันดับหนึ่งได้ รางวัลที่พวกเขาจะมอบให้คือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบ!

ตั้งแต่แร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขึ้นไป จำนวนของมันมีน้อยมาก และในเมื่อหลิงฮันต้องการยกระดับดาบอสูรนิรันร์ไปถึงแร่เหล็กนิรันดร์ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง และหวังว่าในอนาคตดาบอสูรนิรันดร์จะมีความกระหายลดน้อยลง

แม้ว่าป่าภูผาวารีจะถูกเรียกว่าป่า แต่มีทางเข้าเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้นคือช่องแคบหุบเขาลึก

ตอนนี้ช่องแคบถูกปิดกั้นด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แต่หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ก็จะเปิดออก และให้คนที่คิดว่ามีความสามารถเข้าไป

เนื่องจากเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน จึงมีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ บางคนมาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดน บางคนมาเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง และวางแผนที่จะจับตาดูอยู่ข้างนอก ซึ่งสามารถนำไปพูดอวดได้หลายร้อยปี

ทุกคนต่างก็เป็นจอมยุทธที่ทะลวงผ่านขอบเขตพระเจ้ากันแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะฝนตกหรือลมแรง ทุกคนก็ยังคงนั่งและยืนรอให้ถึงเวลา

อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของที่นี่แปลกมาก ดูเหมือนว่ามันสามารถผสมผสานอำนาจของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ ดังนั้นในป่าภูผาวารีและหุบเขาสุริยันจันทรา จึงเป็นสถานที่ประลองที่ยุติธรรม หากแพ้ก็ไม่มีคำแก้ตัว

หลิงฮันและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะกำลังนั่งอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ ในขณะที่โสมเฒ่าก็ตะเวนหาเหยื่อที่เป็นสาวงาม และเจ้ากระต่ายก็จ้องมองกระเป๋าของคนอื่นๆ ตราบใดที่มีเม็ดยาล้ำค่าซ่อนอยู่ มันก็จะไม่พลาดที่จะหาโอกาสแย่งชิง

มีเพียงแค่อีแร้งเพลิงสีครามเท่านั้นที่เชื่อฟังและยืนอยู่ด้านหลังหลิงฮันและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ และกระพือปีกเป็นบางครั้งเพื่อจิกขนของตัวเอง

หลิงฮันเรียกมันว่า “เสี่ยวชิง”

“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้แม้แต่หยางหลินก็ยังมาที่นี่!”

“หืม เรื่องจริงงั้นรึ?”

“หยางหลินเป็นใคร?”

“นี่เจ้าไม่รู้จักหยางหลิน? เขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของดาวฮุ่ยฟง และถูกขนานนามว่าราชาไร้พ่าย ซึ่งเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ส่วนตัวของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์เท่านั้น แต่ยังกล่าวกันว่าหลังจากที่เขาได้ออกเดินทาง เขาก็ได้รับอาวุธเซียนไม่สมบูรณ์!”

“อาวุธเซียนไม่สมบูรณ์!”

“หยางหลินช่างเป็นคนที่โชคดียิ่งนักถึงได้รับอาวุธเซียนมา แม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่ยังไงก็ทรงพลังอยู่ดี และว่ากันว่ากระทั่งจอมยุทธระดับดาราขั้นต้นก็ยังสามารถสยบจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางได้!”

“ตอนนี้หยางหลินยังเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทรา เมื่อใดที่เขาทะลวงผ่านระดับดารา บางทีเขาก็อาจสยบจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็เป็นได้!”

“นี่เจ้าไม่พูดเกินจริงไปหน่อยหรือ?”

“ถ้าเขามีอาวุธเซียน ทำไมจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าไม่แย่งชิงมันไปล่ะ?”

“จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์คงไม่ได้หวาดกลัวเขาใช่หรือไม่?”

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? เจ้ารู้หรือไม่อาวุธเซียนคืออะไร? ตราบใดที่อาวุธเซียนไม่สนใจเจ้า แม้เจ้าจะเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ถึงจะฆ่าหยางหลินไปก็เท่านั้น”

ทุกคนพยักหน้า ถึงแม้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะฆ่าหยางหลินตายก็ไม่ได้รับการยอมรับจากอาวุธเซียนอยู่ดี

หลิงฮันนั่งฟังอย่างเงียบๆ และจำชื่อไว้ในใจ

หยางหลินสมควรที่จะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากอู๋เมี่ยน

“หากเป็นเช่นนั้น หยางหลินก็ควรจะเป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งของการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนครั้งนี้หรือไม่?”

“ไม่!”

“ข้าได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะจากจักรวรรดิราชวงศ์เฉียนเฟิงแห่งดาวไป๋หม่าเองก็มีสุดยอดอัจฉริยะ นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของจักรพรรดิ ชื่อของนางคือ ‘หยุน’ หลังจากที่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังเพียงแค่สองร้อยปีก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว”

“ใช่ ใช่ ข้าเองก็ได้ยินเรื่องของแม่นางหยุน และยังได้ยินมาอีกว่านางประลองกับคนอื่นมาทั้งหมด 376 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว และคู่ต่อสู้ของนางแต่ละคนก็ยังเป็นคนที่มีระดับพลังสูงกว่ามากอีกด้วย…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า? พวกเราเองก็มีราชารุ่นเยาว์”

“หลิงฮัน!”

“หึ่ม! หลิงฮันงั้นรึ? คนที่ข้าจะพูดถึงคือเย่วหยิงแห่งจักรพรรดิราชวงศ์หลันหยุนต่างหาก!”

“เย่วหยิงสามารถเรียกตัวเองว่าราชารุ่นเยาว์ได้ และไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้ในช่วงอายุและระดับพลังเดียวกัน”

“แต่ยังไงก็ประมาทหลิงฮันไม่ได้!” คนที่เอ่ยชื่อหลิงฮันไม่อาจยอมรับได้ “ข้าได้ยินคนอื่นพูดมาว่านิกายดาบสวรรค์ นิกายมังกรปฐพี และอีกสามนิกายโบราณร่วมมือกันเพื่อสังหารหลิงฮัน แต่มันกลับกลายเป็นว่าหลิงฮันต่างหากที่สังหารพวกเขา ซึ่งเขาเองก็สมควรที่จะเป็นราชารุ่นเยาว์เช่นกัน”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นิกายดาบสวรรค์ ห้านิกายโบราณงั้นรึ! กระทั่งจอมยุทธระดับดารายังไม่มีในนิกายที่ถูกหลิงฮันฆ่าตายก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก” ใครบางคนกล่าวอย่างเหยียดหยาม

ทุกคนหัวเราะกันอย่างขบขัน ความแข็งแกร่งของหยางหลิน แม่นางหยุน และเย่วหยิงนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่หลิงฮันล่ะ? เขาก็แค่จอมยุทธหน้าใหม่ที่เพิ่งมีชื่อเสียงเท่านั้น

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าพวกเจ้าคนใดคิดว่าหลิงฮันไม่แข็งแกร่ง ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็น!”