ภาคที่ 6 บทที่ 20 การต่อสู้ครั้งแรก (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 20 การต่อสู้ครั้งแรก (2)

ด้วยระบบการฝึกฝนของมนุษย์ นอกเสียจากผู้ที่ถือครองทักษะต้นกำเนิดแบบพิเศษแล้ว ก็มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้

ในยามนี้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากพากันหลั่งไหลออกมาจากโถงหลักเรือมังกรและบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขามีกันมากมายจนแทบจะบดบังแสงอาทิตย์จนหมด กลุ่มสยบทะเล ชาวสมุทรและกลุ่มธารามืดต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นฉากเช่นนี้

ผู้เชี่ยวชาญนับพันที่รวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้า ล้วนเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แข็งแกร่ง แท่นบงกชที่กำลังหมุนวนอยู่ด้านหลังศีรษะของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารจริง ๆ และไม่ได้อาศัยทักษะต้นกำเนิดในการประคองตัวเองให้ลอยอยู่ในอากาศ แสงระยิบระยับของแท่นบงกชทอประกายเจิดจ้าเชื่อมต่อกัน จนดูราวกับแม่น้ำสะท้อนแสงแวววาวไหลยาวพาดผ่านด้านหลังของพวกเขา

ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารก็ยังคงหลั่งไหลขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งว่ามีประตูมิติสู่อีกโลกหนึ่งส่งพวกเขาออกมา ทำให้หัวใจของจงเจิ้นจวินสั่นสะท้านอย่างมาก

“8,000 แล้ว” นายพลระดับสูงคนหนึ่งของกลุ่มธารามืดพึมพำด้วยความพรั่นพรึง

ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร 8,000 คน !

นี่หมายความว่าอย่างไร ?

กองเรือของกลุ่มสยบทะเลมีทหารอยู่ทั้งหมด 210,000 นาย แต่พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารเพียง 400 คนเท่านั้น

ชาวสมุทรมาพร้อมกับกองกำลังจำนวนมากถึง 300,000 ทว่าพวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารรวม ๆ แล้วไม่เกิน 700 ด้วยซ้ำ

เนื่องจากกองกำลังของทางเพลิงทมิฬนั้นเน้นคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเป็นหลักอยู่แล้ว สัดส่วนในด้านนี้พวกเขาจึงดูดีกว่า แม้ว่าพวกเขาจะนำทหารมาเพียง 70,000 นาย แต่พวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารถึง 1,000 คน นี่คือสาเหตุที่จงเจิ้นจวินคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องและกล้าที่จะท้าทาย

แต่ยามนี้ นิกายไร้ขอบเขตกลับแสดงให้เห็นถึงจำนวนของผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร ที่มากยิ่งกว่าจำนวนรวมทั้งหมดของกองกำลังทั้ง 3 เสียอีก

8,000 ?!

ไม่ ! นั่นยังไม่ใช่ขีดจำกัดของนิกายไร้ขอบเขต

กองทัพกำลังสวรรค์เก่ามีทหารเพียง 8,000 นาย และตอนนี้คนเหล่านี้ก็ได้ก้าวมาถึงด่านสู่พิสดารกันหมดแล้ว แต่นอกเหนือจากพวกเขา ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถอีกหลายคน ที่สามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วและไล่ตามผู้ที่เริ่มฝึกฝนก่อนพวกเขามาได้ทัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นิกายไร้ขอบเขตสามารถหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถดังกล่าวมาได้ประมาณ 4,000 คน

ด้วยเหตุนี้นิกายไร้ขอบเขตจึงมีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารอยู่อย่างน้อยถึง 12,000 คน !

และซูเฉินก็ได้พาพวกเขาทั้งหมดมาด้วย

มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ

เพราะนิกายไร้ขอบเขตได้ต้อนรับผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารคนใหม่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

สำหรับนิกายที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่อย่างนิกายไร้ขอบเขต ข้อจำกัดเดียวที่พวกเขาประสบอยู่ในตอนนี้คือเวลา ตราบเท่าที่พวกเขามีเวลาที่มากพอ ซูเฉินสามารถรับประกันได้เลยว่าทั้งนิกายจะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ขอบเขตด่านผลาญจิตวิญญาณก็ยังได้ เพราะยามนี้วิชาสู่อมตะได้พัฒนาถึงขั้นด่านผลาญจิตวิญญาณแล้วเช่นกัน

มีผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร 12,000 คน จากคนของนิกายไร้ขอบเขต 50,000 คน !

ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร 12,000 คนเหล่านี้สามารถจัดการกับผู้ที่อยู่ด่านมหาราชันขั้นปลายสุดได้ประมาณ 12 คนในเวลาเดียวกัน ทว่ามันกลับยังไม่ใช่จุดแข็งของนิกายไร้ขอบเขต แล้วจะห้ามคนอื่นไม่ให้ตกใจได้อย่างไร ?

นี่คือคลื่นลูกยักษ์ที่ซูเฉินวางแผนเอาไว้

นี่คือไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของเขา ท้ายที่สุด เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารจำนวน 12,000 คนนี้ มันก็มากเกินพอที่จะสู้กับกองทัพของอาณาจักรเล็ก ๆ ได้แล้ว

จริงอยู่ที่พวกเขาขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่มีรากฐานการฝึกฝนสูง ๆ ทว่าแค่มีผู้เชี่ยวชาญระดับกลางมากพอ นั่นก็เพียงพอแล้ว !!

อยากลองรังแกเราเพราะเราอ่อนแอ ?

ก็เอาเลยสิ !

ยิ่งเจ้าดิ้นรนมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

จงเจิ้นจวินรู้สึกท้อแท้ทันทีที่เขาได้เห็นฉากตรงหน้านี้ แม้แต่เฟิงหัน เว่ยซีหมิ่น เจียงซีสุ่ยกับจีหานเยี่ยนก็ยังต้องตกตะลึง

เป็นไปได้อย่างไร ? องค์กร ๆ หนึ่งจะมีอำนาจมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ?

โชคยังดีที่เฟิงหันและคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะท้ายที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ฝ่ายเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาอาจจะวิตกกังวลและอิจฉาในความแข็งแกร่งของนิกายไร้ขอบเขตบ้างเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังยินดีและเฉลิมฉลอง

ใบหน้าของจงเจิ้นจวินดูน่าเกลียดยิ่ง

เห็นได้ชัดว่าซูเฉินจำการยั่วยุของเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ได้

เมื่อชายหนุ่มเห็นการแสดงออกที่น่าเกลียดของอีกฝ่าย ซูเฉินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจงจะไม่ชอบฉากนี้เสียเท่าไร ?”

จงเจิ้นจวินแอบสะดุ้งตกใจ “ไม่เลย ไม่เลย ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร ? ดีเสียอีก ยิ่งพันธมิตรของข้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โอกาสของความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จริงไหม ?”

“นั่นเป็นเรื่องปกติ” ซูเฉินพยักหน้า แล้วโบกมือไปทางกลุ่มท้องฟ้าเพื่อเป็นสัญญาณสั่งให้พวกเขาไปทำงาน

ในชั่วพริบตา สมาชิกของนิกายไร้ขอบเขตทั้ง 12,000 ก็ลงมือโจมตีออกไปพร้อมกัน ก่อให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามเต็มท้องฟ้า

สมาชิกของนิกายไร้ขอบเขตทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งภายใต้ชื่อเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทั้ง 8,000 คนที่เคยรับใช้กองทัพด้วยกันมา ดังนั้นการใช้กลยุทธ์การร่วมมือกันของพวกเขาจึงแทบไร้ที่ติ ภายใต้การสนับสนุนของค่ายกลต่อสู้ ร่างของศิษย์แต่ละคนเริ่มส่องแสงเจิดจ้า แสงที่อัดแน่นด้วยพลังต้นกำเนิดกระจายออกไปทั่ว

หากได้ลองสังเกตดี ๆ ก็จะได้เห็นแสงเรืองรองที่เท้าของพวกเขา

นี่คือค่ายกลพันกระแส

หน้าที่หลักของค่ายกลนี้ คือการปรับพลังของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดทุกคน และเชื่อมโยงพลังต้นกำเนิดของพวกเขาทั้งหมดเข้าด้วยกัน

หลังจากที่ซูเฉินพัฒนาปรับปรุงค่ายกลนี้ เขาก็สามารถลดผลกระทบจากความปั่นป่วนของพลังต้นกำเนิด ให้กลายเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุกคนมากยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 12,000 ที่เคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียว โจมตีพร้อมกัน เปลี่ยนแรงกดดันบนท้องฟ้าให้เป็นการโจมตีที่จับต้องได้จริง ๆ หอกขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นในมือของพวกเขา และถูกขว้างเข้าหามังกรเปลือกเหล็ก

มังกรเปลือกเหล็กคำรามและพุ่งเข้าใส่หอก

ความสามารถในการป้องกันของมังกรเปลือกเหล็กนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ยิ่งมีขนาดเล็กเท่าไหร่การป้องกันของพวกมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แม้แต่การโจมตีจากจักรพรรดิอสูรตนอื่น ก็ทำได้เพียงทิ้งบาดแผลเล็ก ๆ ไว้บนผิวหนังของมันเท่านั้น

เคยมีบันทึกไว้ว่ามังกรเปลือกเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดที่มนุษย์รู้จักนั้น สามารถหลบหนีจากการโจมตีร่วมกันของจักรพรรดิอสูรถึง 4 ตนได้อย่างสมบูรณ์

ดังนั้นสำหรับมังกรเปลือกเหล็กแล้ว จึงมีการโจมตีอยู่เพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้มันหวาดกลัว

หอกแห่งแสงที่ทำมาจากพลังต้นกำเนิดที่ควบแน่น ?

ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว !!

นี่คือสาเหตุที่มันพุ่งเข้าใส่หอกอย่างไม่เกรงกลัวและหวังจะทุบหอกนี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

มังกรเปลือกเหล็กไม่ได้พยายามหลบเลี่ยงหอกที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าเลยด้วยซ้ำ บางทีหลังจากอาละวาดมาหลายปี มันก็คงเกือบลืมไปแล้วว่าการหลบหลีกคืออะไร

ขณะที่หอกปะทะกับเปลือกของมังกร ซูเฉินก็เบี่ยงสายตาของเขาไปทางอื่น

เขากำลังปกป้องดวงตาของเขา

ปกป้องตาจากแสง !

จังหวะที่ทั้งสองกระทบกันก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น

เป็นแสงสว่างจ้า จากพลังงานที่ปั่นป่วน !

ทุก ๆ อย่างภายใต้ระเบิดแสงนี้ ถูกย้อมให้กลายเป็นสีขาวเจิดจ้า ไม่เว้นแม้แต่ผิวทะเลที่มืดมิดเพราะเมฆดำที่ปกคลุมอยู่ด้านบน

แสงนี้ยังส่องทะลุเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้า จนสัตว์อสูรที่บินอยู่ด้านบนต่างก็ตกใจตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด

แสงนี้ยังส่องทะลุลึกลงไปถึงก้นทะเล ทอแสงสว่างให้แก่ท้องทะเล ย้อมคืนให้กลายเป็นกลางวัน ทำให้อสูรทะเลทั้งหมดเริ่มพากันส่งเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธ

ทว่าเพียงพริบตาต่อมาแสงเหล่านั้นก็จางหายไป

โลกกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มีเพียงมังกรเปลือกเหล็กที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรง

มันยังมีชีวิตอยู่ แต่สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปเรียบร้อย

พ่ายแพ้ในการโจมตีเดียว !

หลี่ฉงซานโบกมือของเขาเพื่อคว้ามังกรเปลือกเหล็กเอาไว้ แล้วดึงมันขึ้นมาก่อนจะตะโกนขึ้น “ถอย !”

กองทัพเริ่มล่าถอยทันทีที่ได้รับคำสั่ง

แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ แต่มันก็ทำให้เกิดความโกลาหลมากเกินไป อสูรทะเลในหุบเหวย่อมจะสังเกตเห็นได้อย่างแน่นอน

พวกเขาเริ่มล่าถอยออกจากเขตแดนของหุบเหวอย่างรวดเร็วในทันที อย่างไรก็ตามสมาชิกนิกายไร้ขอบเขตทั้ง 12,000 คนบนท้องฟ้ายังเฝ้ารอและคงค่ายกลเอาไว้

“โฮก !”

เสียงคำรามอันดุร้ายดังขึ้นพร้อมกับสัตว์อสูรขนาดมหึมาที่โผล่ขึ้นมาจากบริเวณใจกลางของน้ำวน กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวจากมันถูกส่งมาให้สัมผัสได้ก่อนที่มันจะปรากฏตัวให้เห็นเสียอีก

ราชันจักรพรรดิอสูร !

หัวของมันมีขนาดพอ ๆ กับภูเขาลูกเล็ก ๆ ปากที่อ้ากว้างเผยให้เห็นฟันคมกริบที่เรียงกันเป็นแถว เจ้าอสูรทะเลที่บังเอิญว่ายอยู่แถวนั้นถูกดูดเข้าไปโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะสู้ ก่อนที่มันจะจมหายไปในความมืดมิดของท้องของราชันจักรพรรดิ

ศีรษะอันใหญ่โตเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับความกดดันในอากาศที่พุ่งสูงขึ้น ราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับเทพอสูรอยู่

มีเพียงซูเฉินผู้เคยพบกับเทพอสูรมาก่อนเท่านั้นที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเทพอสูรนั้นน่ากลัวยิ่งกว่านี้มากเพียงใด ความน่ากลัวของมันคือการที่ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังของมัน เพราะพลังของมันเกินขีดจำกัดการรับรู้มากจนไม่อาจสัมผัสได้

ก็เหมือนกับที่คนที่ยืนอยู่กลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ยากที่จะสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ของขุนเขา มีเพียงการขึ้นไปบนยอดเขาและมองภาพรวมทั้งหมดเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถเข้าใจความยิ่งใหญ่ของภูเขาที่ยืนอยู่ได้อย่างแท้จริง

พลังของเทพอสูรนั้นยิ่งใหญ่มากจนใครก็ตามที่อยู่ในด่านสู่พิสดารหรือต่ำกว่าจะไม่อาจสัมผัสได้เลยแม้แต่น้อย แต่พลังของอสูรทะเลตัวนี้ก็ยังอยู่ในระดับสามารถรับรู้ได้

แรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากเทพอสูรกับราชันจักรพรรดิอสูรอาจจะให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน ทว่าในความเป็นจริงมันกลับแตกต่างกันอย่างมาก

ในจังหวะเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารทั้ง 12,000 คนลงมือโจมตีพร้อมกัน ก็พลันมีแรงกดดันมหาศาลตกลงมาบนหัวของราชันจักรพรรดิ

แม้มันจะมีพละกำลังของราชันจักรพรรดิ แต่มันกลับไม่สามารถทนต่อแรงกดดันนี้ได้ ศีรษะของมันจึงถูกบังคับให้กลับลงไปในหุบเหวด้วยกำลัง

มันบิดตัวอยู่ใต้ผิวน้ำตลอดเวลาและเปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธจัด แต่ความแข็งแกร่งที่รวมกันของด่านสู่พิสดารนับหมื่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้เลยจริง ๆ

เวลาเดียวกันนั้น สัตว์อสูรขนาดมหึมาอีก 2 ตัวก็โผล่ขึ้นมาจากส่วนหุบเหว พวกมันก็เป็นราชันจักรพรรดิเช่นกัน

เมื่อพวกมันปรากฏขึ้น น้ำทะเลก็เริ่มลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

ราวกับว่าโลกถูกพลิกกลับในทันใด ดูราวกับฝนที่ตกลงมาผิดด้าน

ราชันจักรพรรดิทั้ง 3 ร้องคำรามอย่างเย่อหยิ่งและดุร้าย แต่สมาชิกของนิกายไร้ขอบเขตก็ยังคงไม่สนใจและส่งแรงกดดันไปอย่างต่อเนื่องด้วยการเพิ่มพลังต้นกำเนิดลงไปอีก

ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับราชันจักรพรรดิอสูรทะเลจริง ๆ!

นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างปริมาณกับคุณภาพ !

ทว่า 3 ราชันจักรพรรดิอสูรไม่สามารถทำอะไรกับผู้เชี่ยวชาญทั้ง 12,000 ได้เลย พวกมันทำได้เพียงต่อต้านแรงกดดันต่อไปอย่างสิ้นหวัง จนกระทั่งราชันจักรพรรดิอสูรอีกสองตัวโผล่ขึ้นมา

ในที่สุดนิกายไร้ขอบเขตก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดัน

หน้าผากของพวกเขามีเหงื่อซึม ใบหน้าของพวกเขาก็ค่อย ๆ เริ่มซีดลง แท่นบงกชของพวกเขาส่องประกายมากยิ่งขึ้น ร่างของสมาชิกที่มีระดับต่ำกว่าบางคนเริ่มสั่นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว !

ตอนนี้ชาวสมุทรได้ถอยห่างจากพื้นที่โดยสมบูรณ์แล้ว เมื่ออยู่ในมหาสมุทรพวกเขาคือคนที่เร็วที่สุด

เมื่อเฟิงหันเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็กล่าวขึ้น “ท่านซู เรียกพวกเขากลับมาเถิด ทุกคนออกจากมาพื้นที่กันจะหมดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้จนตายกับสัตว์อสูรเหล่านี้”

เฟิงหันเป็นห่วงลูกศิษย์ของนิกายไร้ขอบเขตจริง ๆ

ทว่ากลับซูเฉินตอบกลับอย่างใจเย็น “อย่ากังวล พวกเขายังไม่ถึงขีดจำกัด นี่เป็นโอกาสที่หายาก”

การรู้จักตัวเองและการรู้จักศัตรูจะช่วยให้สามารถชนะทุกการต่อสู้ได้ ผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารจำนวน 12,000 จะสามารถจัดการศัตรูที่ทรงพลังกว่าได้ถึงระดับใด คำตอบที่แท้จริงนั้นหาได้เฉพาะในการต่อสู้เท่านั้น

เว่ยซีหมิ่นพูดด้วยความตกใจ “ข้าแค่กังวลว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บและสูญเสียมากเกินไป”

ซูเฉินยังคงตอบเช่นเดิม “ข้ากล่าวไปแล้วว่าพวกเขายังไม่ถึงขีดจำกัด”

ขณะที่ซูเฉินพูด ราชันจักรพรรดิอสูรตัวใหญ่อีกตัวก็โผล่หัวออกมาจากผิวน้ำ

เห็นได้ชัดว่าสมาชิกของนิกายไร้ขอบเขตไม่สามารถทนต่อแรงกดดันมหาศาลนี้ได้ จนหลายคนก็เริ่มกระอักเลือดออกมาแล้ว

เลือดหยดลงมาจากฟากฟ้า !

แสงจากแท่นบงกชของสมาชิกบางคนหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ราชันจักรพรรดิอสูร 6 ตน ! นี่คงเป็นขีดจำกัดที่สมาชิกของนิกายไร้ขอบเขตจะสามารถรับมือได้แล้ว

ในขณะที่ทุกคนในที่นี้กำลังกังวล ผู้นำของนิกายไร้ขอบเขตเท่านั้นที่ยังคงเฝ้ามองอย่างสงบ