สาเหตุที่อุลบาสามารถบินเข้าประชิดตัวโม่หยุนได้อย่างง่ายดายก็เพราะ หลิงตู้ฉิงได้ถ่ายทอดส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชาพเนจรไร้จำกัดให้กับอุลบา
และถึงแม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่ได้ถ่ายทอดให้ทั้งหมด แต่แค่เพียงส่วนหนึ่งมันก็ทำให้ความเร็วของอุลบานั้นเหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้อย่างสบาย ๆ
ดังนั้นด้วยเงื่อนไขนี้ อุลบาจึงใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเดียวในการบินไล่ทันโม่หยุนอีกรอบ และรอบนี้อุลบาก็ปล่อยหมัดใส่ปีกซ้ายของโม่หยุนจนทะลุเป็นรูเท่ากับหัวคน
“เป็นไง? ทำไมไม่ปากดีเหมือนเมื่อกี้ล่ะ?” อุลบาเยาะเย้ย “ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าข้าหักปีกหักขาเจ้าจนหนีไม่ได้แล้วโยนเจ้าลงไปกลางฝูงชน มันจะใช้เวลาสักกี่ก้านธูปกันเจ้าถึงจะถูกฝูงชนแย่งเหรียญตราไปจนหมด อ๋อ และเมื่อถึงเวลานั้นข้าก็อยากรู้อีกเหมือนกันว่าบรรพบุรุษของเจ้าจะทำหน้ายังไง ถ้าเขาจำเป็นต้องตัดสินให้เจ้าออกจากการคัดเลือกไปตั้งแต่รอบแรก!”
เมื่อเห็นสภาพของโม่หยุนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ไม่อาจตอบโต้อะไรเขาได้ ความโกรธที่เคยสุมอยู่ในใจของอุลบาก็ค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากในอดีตโม่หยุนเคยรังแกเขาเพราะว่าเขาบินไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาสามารถเอาคืนได้แล้ว
โม่หยุนที่รู้ว่าต่อให้เขาจะหนีต่อไปอีกมันก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงตะโกนออกไปด้วยสีหน้าน่าเกลียดว่า “ข้าขอยอมแพ้!”
จากนั้นเขาก็เขวี้ยงเหรียญตราให้กับอุลบา และรีบบินจากไปด้วยความรู้สึกทั้งแค้นทั้งอับอายและทั้งหดหู่ เพราะมันเป็นเขาเองที่เดินเข้ามาหาอุลบาก่อนแต่แล้วมันกลับเป็นเขาเองที่พ่ายแพ้อย่างน่าอดสู
เมื่ออุลบาได้รับเหรียญตราของโม่หยุนมาแล้ว เขาก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังลั่นไล่หลังโม่หยุน จากนั้นเขาก็พุ่งไปท้าโอ๊คที่กำลังยืนอ้าปากค้างใกล้ ๆ ทันที
“ไอ้สาระเลวโอ๊ค ข้าขอท้าเจ้า!”
ทางด้านของโม่หยุนก็รีบหนีไปยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มคนของเขา เพื่อให้คนของเขาคอยปกป้องในระหว่างที่เขากำลังใช้โอสถรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง
แน่นอนว่าโม่หยุนจำเป็นต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด เพราะเขาจำเป็นต้องรีบหนีไปจากจุดนี้ ไม่เช่นนั้นเมื่ออุลบาจัดการกับโอ๊คเสร็จเมื่อไหร่ เขาจะต้องโดนอุลบาท้าสู้ต่อแน่นอน
ในอีกด้านหนึ่งแค่เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียว โอ๊คก็โดนหมัดของอุลบาอัดเข้ามาที่กลางลำตัวเต็ม ๆ จนลอยละลิ่วและกระอักเลือดออกมาคำโต
เมื่อโอ๊คเห็นว่าถ้ามันสู้ต่อไปมันจะต้องบาดเจ็บหนักมากกว่านี้ มันก็รีบขอยอมแพ้และโยนเหรียญตราให้กับอุลบา ซึ่งอุลบาเมื่อได้รับเหรียญตราเขาก็รีบกวาดตามองรอบ ๆ หาโม่หยุนทันที เพื่อที่เขาจะได้อัดโม่หยุนอีกรอบระบายแค้น
แต่น่าเสียดายที่ในตอนนี้โม่หยุนและกลุ่มของเขาได้หายไปจากจุดเดิมเรียบร้อยแล้ว และเมื่ออุลบารู้ว่าการตามหามันจะเป็นการเสียเวลาซะเปล่า เขาจึงกวาดตาหาผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ แทน
ในระหว่างที่อุลบากำลังกวาดตาค้นหา สายตาของเขาก็ไปสะดุดกับภาพของเจียงหวงที่เพิ่งโดนผู้เชี่ยวชาญมนุษย์คนหนึ่งที่ใช้อาวุธเป็นดาบคู่ ตัดรากของนางออกไปจำนวนมาก
“ยอมแพ้ซะไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปที่ข้าเหวี่ยงดาบมันจะเป็นหัวของเจ้าที่ถูกตัด!” ผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
..
อุลบาเมื่อเห็นเช่นนี้จึงรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีและตะโกนถามว่า “พี่สาวเจียงหวง! ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”
เจียงหวงเมื่อได้ยินที่อุลบาถาม นางก็ได้แต่ก่นด่าในใจ ‘รากของข้าโดนตัดไปขนาดนี้ ข้าคงสบายดีไม่ได้หรอกจริงไหมเจ้าทึ่มเอ้ย!’
จากนั้นนางก็โยนเหรียญตราของนางไปให้กับผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์ด้วยสีหน้าน่าเกลียด
“เจ้าชื่ออะไร!” อุลบาหันไปตะโกนถามผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์
เมื่อเห็นว่าดาบคู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์นั้นดูคมกริบเป็นอย่างมาก อุลบาจึงยังไม่เร่งร้อนที่จะขอท้าสู้กับผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์ผู้นี้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเอาชนะได้แต่ความลับร่างกายของเขาจะต้องถูกเปิดเผยแน่นอน ดาบคู่ทั้งสองเล่มนี้น่าจะต้องเป็นอาวุธมีคมที่อาจารย์ของเขาเตือนเอาไว้ หรือไม่พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการคัดเลือกครั้งนี้โดยเฉพาะด้วยซ้ำ เขาจึงตัดสินใจว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่เขาจะสู้กับคน ๆ นี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถามชื่อเอาไว้ก่อน
ผู้เชี่ยวชาญเผ่ามนุษย์เหลือบมองที่อุลบา และพูดว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นการต่อสู้ของเจ้าแล้วเช่นกัน เจ้าแข็งแกร่งไม่เลวเลย ดังนั้นข้าจะยังไม่สู้กับเจ้าตอนนี้ เอาไว้เดี๋ยวพวกเราค่อยเจอกันอีกทีในรอบสุดท้าย ส่วนชื่อของข้าเจ้าจงจำเอาไว้ ข้าชื่อ ต้วนไค แห่งสำนักดาบเทวะ!”
เมื่อพูดจบ ต้วนไคก็เดินจากไปพร้อมกับเหรียญตราของเจียงหวง เพื่อหาคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขา
“ต้วนไคงั้นเหรอ? ฮึ่ม! เอาไว้รอบสุดท้ายเจ้ากับข้าค่อยมาเจอกัน” อุลบาพ่นลมออกจมูก จากนั้นเขาหันมาสนใจเจียงหวง “พี่สาวเจียงหวง ท่านไหวรึเปล่า? อาการบาดเจ็บของท่านรุนแรงมากไหม?”
เจียงหวงยิ้มและตอบว่า “ข้าคงไม่เป็นอะไรมากหรอก ด้วยเคล็ดวิชาที่คุณชายหลิงสหายของเจ้ามอบให้ข้า เดี๋ยวอาการบาดเจ็บของข้ามันก็ดีขึ้นเอง แต่ปัญหาสำคัญคืออาการบาดเจ็บของข้ามันคงหายไม่เร็วถึงขนาดจะสู้ต่อไปได้อีกแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะมอบเหรียญตราทั้งหมดที่ข้ามีให้กับเจ้าและข้าจะได้ถอนตัว ด้วยวิธีนี้มันน่าจะทำให้เจ้ามีโอกาสผ่านเข้ารอบ 100 คนได้มากขึ้น ว่าแต่เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าบินได้ด้วย ตอนนี้เจ้าบ่มเพาะได้แล้วงั้นเหรอ?”
อุลบาหัวเราะและตอบว่า “เป็นเพราะอาจารย์ของข้า ข้าถึงสามารถบ่มเพาะได้เหมือนคนอื่น ๆ แล้ว! พี่สาวเจียงหวง ต่อจากนี้ท่านก็ลงไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ เอาไว้เมื่อข้าเจอกับไอ้เจ้าต้วนไคในรอบสุดท้ายเมื่อไหร่ ข้าจะล้างแค้นแทนท่านเอง!”
เจียงหวงส่ายหัว “ข้าคิดว่าเจ้าควรเลี่ยงเขาให้ได้มากที่สุด เพราะต่อให้ร่างก่ายของเจ้าจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าร่างต้นไม้ของข้า ดาบทั้งสองเล่มในมือของเขาสามารถตัดรากของข้าได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นมันคงตัดร่างของเจ้าได้อย่างไม่ยากเย็นนักเช่นกัน และข้าก็ไม่อยากจะให้เจ้ามาช่วยล้างแค้นให้ข้า!”
อุลบายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกพี่สาว ข้ามีวิธีจัดการกับเขาอยู่แล้ว! ท่านอาจารย์ของข้าได้สอนวิธีรับมือกับอาวุธพวกนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นข้าไม่กลัวเขาหรอก!”
“ข้าได้ยินเจ้าพูดถึงอาจารย์ของเจ้าตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงมีอาจารย์ได้กัน?” เจียงหวงถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“อาจารย์ของข้าก็เป็นคนเดียวกับที่มอบเคล็ดวิชาให้ท่านนั่นแหละ หลังจากวันนั้นเขาก็ช่วยข้าแก้ปัญหาร่างกายของข้าให้ ดังนั้นข้าก็เลยคำนับเขาเป็นอาจารย์” อุลบาหัวเราะ “เอาล่ะพี่สาว ท่านก็ลงไปรักษาตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าขอตัวไปท้าคนอื่นประลองต่อแล้ว!”
คำพูดของอุลบาทำให้เจียงหวงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเมื่อนางลงจากเวที นางก็เดินตรงดิ่งไปหาหลิงตู้ฉิงทันทีและถามว่า “ข้าได้ยินอุลบาพูดว่า ท่านรับเขาเป็นศิษย์งั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพร้อมกับหัวเราะ “ถูกต้อง! เจ้าบาดเจ็บหนักเลยนี่นา รีบไปพักรักษาตัวได้แล้ว ด้วยวิชาพลังชีพหวนคืนที่ข้ามอบให้กับเจ้า หากเจ้าโคจรมันทุกวันไม่นานรากของเจ้าก็จะงอกกลับมาใหม่เหมือนเดิม”
เจียงหวงพยักหน้า “ข้าต้องขอขอบคุณท่านอีกครั้งที่มอบวิชาพลังชีพหวนคืนให้กับข้า!”
“มันเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรข้า!” หลิงตู้ฉิงโบกมือ “เอาล่ะไปรักษาตัวเองได้แล้ว”
เจียงหวงพยักหน้า จากนั้นนางก็เดินกลับไปหาเผ่าของนาง