เมื่อเห็นว่าเจียงหวงจากไปแล้ว จ้าวเหมิงลู่ก็ถามหลิงตู้ฉิงว่า “สามี นี่ศิษย์ของท่านชอบมนุษย์ต้นไม้นางนี้รึเปล่า?”
ถึงแม้ว่านางจะเห็นว่าลักษณะร่างกายของอุลบาและเจียงหวงนั้นต่างกันมากเพราะพวกเขาเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน แต่ว่าในเขตแดนอุดรทมิฬแห่งนี้มันก็มีสายพันธุ์ผสมมากมายที่ถือกำเนิดขึ้น ดังนั้นมันคงจะไม่แปลกอะไรหากทั้งคู่จะลงเอยกันและยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะมีความหวังดีต่อกัน จ้าวเหมิงลู่จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ศิษย์ทึ่มของข้านั้นมีนิสัยซื่อ ๆ อยู่แล้ว และเด็กสาวต้นไม้นั่นก็น่าจะเหมือนกัน จากมุมมองของข้าการที่พวกเขามีท่าทีต่อกันแบบนี้เป็นเพียงแค่เพราะพวกเขามีหัวใจที่อ่อนโยน ใครดีด้วยพวกเขาก็ดีกลับก็เท่านั้น”
เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงตอบแบบนี้เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ความรักจากคนทั้งคู่ที่มีต่อกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินได้แบบนี้
แต่แน่นอนว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ความรู้สึกของพวกเขาอาจจะพัฒนาต่อไปได้อีกก็ได้เหมือนกัน
ทางด้านของจ้าวเหมิงลู่ เมื่อได้ยินเช่นนี้นางก็ไม่ถามอะไรต่อ ที่นางสนใจเรื่องของอุลบาก็เพราะนางรู้สึกเอ็นดูในนิสัยของศิษย์หลิงตู้ฉิงคนนี้มากก็เท่านั้น
ในเวลาเดียวกัน จำนวนของผู้คนที่อยู่บนเวทีก็น้อยลงเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 วันเต็มนับจากที่เริ่มการคัดเลือกรอบแรก ผู้ดูแลการคัดเลือกก็ประกาศขึ้น “การคัดเลือกรอบแรกจบลงแล้ว ทุกคนหยุดการต่อสู้ได้!”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศ ทุกคนที่อยู่บนเวทีก็หยุดการต่อสู้ลงในทันที ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อวานที่มีคนนับหมื่นยืนอยู่บนเวที ตอนนี้บรรยากาศมันดูวังเวงเป็นอย่างมากเพราะเหลือผู้เข้าคัดเลือกเพียง 100 เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าผู้เข้าคัดเลือกทุกคนหยุดสู้กันแล้ว ผู้ดูแลการคัดเลือกก็ประกาศขึ้นต่อ “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 ชั่วยามเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองและปรับลมปราณ หลังจากนั้นการคัดเลือกรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้นในทันที!”
“ในรอบสุดท้ายจะมีเพียง 10 อันดับแรกเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนกฎก็เหมือนเดิมคือพวกเจ้าทุกคนจะต้องเลือกคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าครั้งละ 1 คนให้มาประลองกับพวกเจ้า และจากนั้นพวกเจ้าห้ามเลือกคนเดิมซ้ำอีกครั้ง ผู้ใดชนะผู้นั้นจะได้รับ 1 คะแนน ส่วนผู้แพ้จะไม่ได้รับคะแนนใด ๆ อันดับจะนับจากผู้ที่มีคะแนนสูงที่สุดไล่ลงมา ผู้ใดที่อยู่อันดับที่ 1 จะได้รับแต่งตั้งให้กลายเป็นทูตศักดิ์สิทธิ์และเข้าไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับอันดับที่ 2 ถึง 10 ”
หลังจากฟังประกาศจบ บรรดาผู้เข้าคัดเลือกทั้ง 100 คนต่างก็รีบนั่งลงปรับลมปราณหรือไม่ก็รักษาอาการบาดเจ็บทันที เนื่องจากรอบสุดท้ายนี้พวกเขาจำเป็นต้องประลองติดต่อกันอีกถึง 99 ครั้งหรือไม่ก็จนกว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าสู้ไม่ไหวและยอมถอนตัวไปเอง
กฎการคัดเลือกเช่นนี้ผลลัพธ์ของมันสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ในท้ายที่สุดคนไหนที่ได้อยู่ในอันดับ 1 ถึง 10 คนเหล่านั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจริง ๆ…
ในเวลานี้ทุกคนที่อยู่บนเวทีต่างตั้งใจเตรียมตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งอุลบาเองก็เช่นกัน
ถึงแม้ว่าการคัดเลือกรอบแรก อุลบาจะไม่ได้รับบาดเจ็บทางกายอะไรเลย แต่เขาก็เสียแรงไปเยอะ เนื่องจากเขาใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวในการเอาชนะคู่ประลอง ในตอนนี้เขาจึงจะเป็นต้องปรับลมปราณเพื่อฟื้นแรงของเขาเอง
ในระหว่างที่อุลบากำลังฟื้นแรงของตัวเอง เขาก็กวาดสายตาประเมินผู้เข้าคัดเลือกที่เหลือไปด้วย ซึ่งคนอื่น ๆ ก็ทำแบบเขาเช่นกัน
แต่แล้วเมื่อสายตาของอุลบากวาดไปเห็นโม่หยุน เขาก็เห็นว่าโม่หยุนจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาเคียดแค้น
ด้วยการช่วยเหลือจากคนของเขาเอง โม่หยุนก็หลุดเข้ามาถึงรอบสุดท้ายจนได้ อันที่จริงด้วยความช่วยเหลือที่เผ่าของเขาเตรียมการเอาไว้ให้ ถ้าเขาไม่ผ่านแม้แต่รอบแรกเขาก็สมควรเอาหัวไปโขกพื้นตาย
อุลบาไม่ได้สนใจในสายตาที่เคียดแค้นของโม่หยุนสักเท่าไหร่ จากนั้นเขากวาดสายตาต่อไป ซึ่งสายตาของเขาก็ไปหยุดที่ต้วนไค
อุลบาเข้าใจดีว่าเขาต้องระวังต้วนไคให้มากเมื่อถึงเวลาที่เผชิญหน้ากัน เพราะอาวุธของต้วนไคนั้นสามารถทำอันตรายร่างเนื้อของเขาได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเขามีสมาธิจดจ่อไม่วอกแวก เขาก็คงเอาชนะต้วนไคได้เหมือนกัน แต่มันคงต้องแลกกับการที่เขาคงต้องเผยเปิดเผยความสามารถร่างกายของเขาแน่นอน
หลังจากประเมินต้วนไคเรียบร้อย อุลบาก็รู้สึกสนใจอีก 2 คนจากกลุ่มผู้เข้าคัดเลือกที่เหลือ
คนหนึ่งคือคนที่มาจากเผ่าวิญญาณอเวจี เนื่องจากคนของเผ่าวิญญาณอเวจีทุกคนย่อมใช้พลังจิตในการต่อสู้ ซึ่งร่างวิญญาณของเขาสามารถถูกทำร้ายได้ด้วยพลังจิต แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หลิงตู้ฉิงก็ได้เตรียมการไว้ให้กับเขาเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ อุลบาได้รับการถ่ายทอดวิธีใช้พลังจิตป้องกันและโจมตีมาจากหลิงตู้ฉิงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแน่นอนว่าอุลบาสามารถใช้พลังจิตได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะเขาเองก็มีสายเลือดของเผ่าวิญญาณอเวจีเช่นกัน
ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือผู้ที่มาจากเผ่าปีศาจโลหิตที่มีความสามารถในการควบคุมพลังสายเลือดที่อยู่ในร่างของผู้อื่น ซึ่งนับว่าได้เปรียบในสถานการณ์ร่างกายของเขาตอนนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขายังคงไม่สามารถควบคุมสายเลือดได้ดั่งใจนึกและวิชาหยินหยางโกลาหลผกผันของเขาก็ยังคงฝึกฝนไปได้แค่เสี้ยวเดียว
อุลบาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าถ้าหากเมื่อไหร่ที่เขาประลองกับผู้ที่มาจากเผ่าปีศาจโลหิต เขาจะขอยอมแพ้ในทันทีเพราะเขาไม่อยากจะเสี่ยงทำให้ตัวเองเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์
เขามั่นใจว่าต่อให้เขายอมแพ้ไปหนึ่งครั้ง มันก็จะเป็นการแพ้เพียงครั้งเดียวในการคัดเลือกครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีผลอะไรกับสิทธิ์ที่เขาจะได้เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
ในระหว่างที่ทุกคนที่อยู่บนเวทีประเมินกันเองอยู่นั้น เวลา 1 ชั่วยามก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
“เวลาพักของพวกเจ้าทุกคนหมดลงแล้ว! การคัดเลือกรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” ผู้ดูแลการคัดเลือกประกาศขึ้น “พวกเจ้าทุกคนจะมีเวลาในการประลองกัน 1 วัน หลังจากนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเลือกผู้ที่มีคะแนน 10 อันดับแรกให้ได้เข้าไปด้านในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือถ้าหากพวกเจ้าคนไหนไม่อยากจะประลองต่ออีกแล้ว พวกเจ้าก็สามารถกระโดดลงไปจากเวทีด้วยตัวเองเพื่อขอถอนตัวได้เลย!”
อันที่จริงแค่ผู้ดูแลการคัดเลือกประกาศว่า การคัดเลือกรอบสุดท้ายเริ่มขึ้น ผู้คัดเลือกทุกคนต่างก็กระโจนเข้าหากันทันทีไม่ฟังสิ่งที่เขาประกาศอะไรอีกต่อไป
ทางด้านของอุลบา คู่ต่อสู้แรกที่เขาต้องเผชิญกลับกลายเป็นศึกหนักตั้งแต่เริ่มก็เพราะผู้ที่มาท้าเขานั้นก็คือ ผู้ที่มาจากเผ่าวิญญาณอเวจี
ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกที่มาจากเผ่าวิญญาณอเวจีทักทายอุลบาขึ้นก่อน “ข้าเหมิงชิวปิง จากเผ่าวิญญาณอเวจีขอท้าประลองเจ้า! ข้าได้เห็นการประลองของเจ้าในรอบแรกแล้ว และถึงแม้ว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งเหนือผู้เชี่ยวชาญทั่วไป แต่มันจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีด้วยพลังจิตของข้า!”
“ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้ข้าซะ เพราะถ้าหากดวงวิญญาณของเจ้าเสียหายจากพลังจิตของข้าแล้ว มันจะส่งผลต่อความแข็งแกร่งของเจ้าแน่นอน ซึ่งการประลองกับคนต่อ ๆ ไปของเจ้าจะยิ่งลำบากมากขึ้น”