ผู้เข้าคัดเลือกทั้งร้อยคนต่างรู้ดีว่าการรักษาสภาพร่างกายไม่ให้บาดเจ็บสาหัสในการคัดเลือกรอบสุดท้ายนี้สำคัญมาก
ดังนั้นเหมิงชิวปิงจึงเลือกอุลบาเป็นคู่ต่อสู้คนแรกของนาง เพราะนางเห็นว่าจุดเด่นของอุลบานั้นคือความแข็งแกร่งของมัดกล้ามเนื้อ ซึ่งมันไม่มีผลอะไรต่อร่างกายของนางที่เป็นร่างวิญญาณและนางยังสามารถใช้พลังจิตของนางทะลวงมัดกล้ามเนื้อนั้นโจมตีไปที่ดวงวิญญาณของอุลบาโดยตรงได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นในความคิดของนาง นางคงจะสามารถเอาชนะอุลบาได้อย่างไม่ยากเย็นและไม่บาดเจ็บสักเท่าไหร่แน่นอน
ต้องรู้ไว้ว่าผู้ที่จะสามารถทำร้ายร่างวิญญาณได้นั้น จะต้องมีความเข้าใจในพลังแห่งกฎอยู่ในระดับสูงพอสมควร หรือไม่ก็ต้องมีเคล็ดวิชาเฉพาะหรืออาวุธที่ถูกสร้างมาไว้ใช้ทำลายพวกที่มีร่างวิญญาณ
ทางด้านของอุลบา เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้คนแรกของเขาคือหนึ่งในคนที่เขายังไม่อยากเจอก่อนเป็นอันดับต้น ๆ เขาก็รู้สึกประหม่าเหมือนกัน
แต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่หลิงตู้ฉิงสอนมา เขาก็รวบรวมความกล้าและตะโกนสวนไปว่า “ถึงแม้เผ่าวิญญาณอเวจีของเจ้าจะถนัดในเรื่องใช้พลังจิตโจมตี ข้าก็ยังต้องการลองวัดกับเจ้าสักตั้ง!”
อันที่จริงในใจของเขาอยากตะโกนตอบไปว่า ‘ถึงแม้เจ้าจะเป็นเผ่าวิญญาณอเวจี แต่ข้าเองก็มีสายเลือดเดียวกับเจ้าไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ข้าจะยอมเจ้าง่าย ๆ ได้ยังไง!’
เหมิงชิวปิงส่ายหัว “ในเมื่อเจ้าดื้อรั้นแบบนี้ ถ้างั้นข้าคงต้องสอนบทเรียนให้เจ้าสักหน่อย พลังจิตโจมตี!”
พลังจิต ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจากเหมิงชิวปิงพุ่งตรงไปที่ศีรษะของอุลบาในทันที
อุลบาที่รู้ว่าการโจมตีกำลังจะมาถึงก็รีบตะโกนลั่นทันที “ม่านพลังจิต!”
ม่านพลังจิตที่อุลบาใช้คือหนึ่งในทักษะของเผ่าวิญญาณอเวจี ซึ่งคุณสมบัติของมันก็คือการปกป้องร่างวิญญาณจากการถูกโจมตีด้วยพลังจิต
ก่อนหน้านี้อุลบาได้เตรียมพร้อมมาเรียบร้อยแล้วโดยการทำให้ผิวหนังชั้นในของเขากลายเป็นร่างวิญญาณ ส่วนผิวหนังชั้นนอกยังคงเป็นผิวกล้ามเนื้ออยู่เหมือนเดิมเพื่อปกปิดความลับสายเลือดของเขา
ดังนั้นเมื่อพลังจิตของเหมิงชิวปิงทะลุผ่านผิวหนังชั้นนอกมาปะทะกับม่านพลังจิต ซึ่งปกป้องผิวหนังชั้นในของอุลบาอยู่ พลังจิตโจมตีของเหมิงชิวปิงจึงไม่อาจทะลวงเข้าไปได้ต่อ
สายตาของเหมิงชิวปิงที่มองไปที่อุลบาขณะนี้มันราวกับว่านางเห็นผี เพราะนางรู้สึกได้ว่าการพลังจิตโจมตีของนางไม่อาจทะลวงเข้าไปในผิวหนังของอุลบาได้เลย
นางรู้สึกได้เหมือนว่าในขณะนี้นางกำลังสู้อยู่กับคนเผ่าเดียวกับนางเอง
ทางด้านของอุลบา เมื่อเขาเห็นว่าม่านพลังจิตที่เขาใช้ออกไปสามารถต้านทานพลังจิตโจมตีของเหมิงชิวปิงได้อย่างสบาย ๆ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“ทักษะพลังจิตที่อาจารย์สอนมานี่มีประโยชน์จริง ๆ เอาล่ะ ตอนนี้มาลองดูกันว่าพลังจิตของนางจะแข็งแกร่งถึงสักแค่ไหน!” อุลบาคิดในใจ..
หลิงตู้ฉิง ซึ่งมองอยู่จากด้านล่างเวทีก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ เนื่องจากอุลบาคือผลงานที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้นยิ่งอุลบาทำผลงานได้ดีเท่าไหร่ เขาซึ่งเป็นผู้สร้างก็ยิ่งได้หน้ามากขึ้นเท่านั้น
ส่วนเรื่องของผลการประลองนั้น หลิงตู้ฉิงไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยเพราะว่าด้วยทักษะทั้งหลายที่เขาสอนอุลบาไป มันย่อมทำให้อุลบาสามารถเอาชนะได้แน่นอน
ในเวลาเดียวกัน อุลบาในตอนนี้เอาแต่ตั้งรับอย่างเดียวเพราะว่าเขายังไม่แน่ใจในความแข็งแกร่งของพลังจิตเหมิงชิวปิงสักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะตั้งรับอย่างใจเย็นเพื่อรอดูว่าเหมิงชิวปิงจะมีลูกไม้อะไรใหม่มาโจมตีเขาหรือเปล่า
ส่วนทางด้านของเหมิงชิวปิง ในตอนนี้ในหัวของนางนั้นมีแต่ความสับสนเต็มไปหมด ในตอนแรกนางคิดว่าอุลบาจะเป็นแค่เป้าหมายที่นางจะสามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ แต่เมื่อนางได้ลองโจมตีไปหลายรอบแล้ว นางก็ได้รู้ความจริงว่านางเผชิญเข้ากับคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมกันเข้าให้
ไอ้เจ้ายักษ์นี่มันป้องกันพลังจิตของนางได้ยังไง? แล้วทำไมมันถึงมีพลังจิตที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้?
“ข้าไม่เชื่อว่าพลังจิตของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้าผู้นี้ที่มาจากเผ่าวิญญาณอเวจี จงรับไป คมมีดพลังจิต!” เหมิงชิวปิงตะโกนลั่น
เมื่อใช้ดวงตาวิญญาณมองการโจมตีด้วยพลังจิตแบบใหม่ที่เหมิงชิวปิงส่งมา อุลบาก็รู้ได้ทันทีว่าการโจมตีนี้รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เขาจึงไม่กล้าที่จะต้านมันโดยตรงแบบที่ผ่านมาและพูดว่า “เคลื่อนย้ายวิญญาณ!”
ทักษะเคลื่อนย้ายวิญญาณที่อุลบาใช้นั้นคือการที่เขาย้ายดวงวิญญาณ ซึ่งปกติอยู่บริเวณศีรษะให้ลงไปอยู่ที่ส่วนท้องเพื่อหลบหลีกมีดพลังจิตของเหมิงชิวปิงที่พุ่งเข้ามาโจมตียังบริเวณหัวของเขา
ต้องรู้ว่าถ้าเป็นคนธรรมดาจะไม่สามารถย้ายดวงวิญญาณของตัวเองไปอยู่ตามร่างกายส่วนอื่นได้แบบนี้ และนี้คืออีกหนึ่งทักษะลับที่สำคัญของเผ่าวิญญาณอเวจี
เมื่อเคลื่อนย้ายดวงวิญญาณเสร็จ อุลบาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีดพลังจิตของเหมิงชิวปิงมันทะลวงผ่านม่านพลังจิตที่บริเวณหัวของเขาได้สำเร็จจริง ๆ แต่มันก็ทะลุผ่านออกไปโดยที่ไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับดวงวิญญาณของเขาที่ถูกย้ายไปแล้วได้แม้แต่น้อย
เหมิงชิวปิงเห็นทุกอย่างด้วยตาของนางเองเช่นกัน ดังนั้นนางจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นด้วยความเดือดดาล “นี่เจ้าเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่? เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าไม่ใช่เผ่าวิญญาณอเวจีแบบข้าแน่นอน แล้วทำไมเจ้าถึงสามารถใช้ทักษะลับของเผ่าข้าได้แบบนี้!?”
อุลบาหัวเราะ “ข้าไม่บอกเจ้าตอนนี้หรอก แต่อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองแหละ! เอาล่ะในเมื่อเจ้าโจมตีข้ามาหลายรอบแล้ว ตอนนี้ขอข้าลองโจมตีเจ้าคืนบ้างก็แล้วกันดีไหม?”
เมื่อพูดจบ อุลบาจึงใช้พลังจิตของเขาสร้างหนามแหลมขึ้นมา และส่งมันพุ่งไปหาเหมิงชิวปิงในทันที
เหมิงชิวปิงที่เห็นเช่นนี้ก็ตะโกนเย้ยหยัน “เจ้าไม่ใช่คนเผ่าเดียวกับข้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหนามพลังจิตของเจ้าจะทำอะไรข้า…”
น่าเสียดายก่อนที่เหมิงชิวปิงจะได้พูดจบ หนามแหลมที่อุลบาสร้างขึ้นก็พุ่งเข้ามาทะลุผ่านม่านพลังจิตของนางได้อย่างง่ายดาย และเสียบท้องของนางจนเป็นรูโหว่ ส่งผลให้มีควันสีฟ้าลอยออกมาจากช่องว่างตรงท้องของนางที่ถูกแทงทะลุ
แน่นอนว่าควันสีฟ้านั้นก็คือเลือดของพวกเผ่าวิญญาณอเวจี ซึ่งมันจะลอยออกมาก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ
เหมิงชิวปิงมองที่แผลของนาง จากนั้นนางเงยหน้ามองอุลบาด้วยสีหน้าตกตะลึง “นี่เจ้า?”