บทที่ 762 สู้เหมือนคนบ้า

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เหมิงชิวปิงไม่อยากจะเชื่อว่านางถูกอุลบาทำร้ายด้วยทักษะของเผ่านางเอง ซึ่งมันพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่าอุลบานั้นมีพลังจิตที่เหนือกว่านาง

ตั้งแต่บรรพกาล เผ่าวิญญาณอเวจีของนางนั้นคือเผ่าที่มีพลังจิตแข็งแกร่งที่สุด และไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่จะสามารถใช้ทักษะทางพลังจิตได้แบบเผ่าของนาง

แต่ในขณะนี้นางกลับถูกคนของเผ่าอื่นเอาชนะได้ด้วยทักษะของเผ่านางเอง แบบนี้นางจะยอมรับได้ยังไง?

มีหลายคำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจแน่นอนก็คือ การโจมตีของอุลบานั้นไม่เพียงแต่มันจะเป็นทักษะของเผ่านาง แต่กลิ่นอายของพลังจิตอุลบามันยังเหมือนกับคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับนางอีกต่างหาก!

เหมิงชิวปิงจ้องอุลบาเขม็งด้วยสายตาเย็นชา และถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่ใช่อุลบาแน่นอน! อุลบาไม่มีวันใช้ทักษะแบบเจ้าได้ และที่สำคัญอุลบาไม่สามารถบ่มเพาะได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะได้ แต่เจ้ากลับใช้ทักษะพลังจิตของเผ่าวิญญาณอเวจีได้อีกต่างหาก! ปีศาจตนไหนกันที่กล้ายึดร่างอุลบาเพื่อเข้าร่วมการทดสอบเช่นนี้!?”

อันที่จริงเหมิงชิวปิงต้องการอาศัยช่วงเวลาที่อุลบาคิดคำตอบให้กับนาง เพื่อที่นางจะได้กินโอสถรักษาอาการบาดเจ็บ ตอนนี้การต่อสู้มันยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ดังนั้นถึงแม้ว่าความหวังที่นางจะชนะได้มันเหลือน้อยเต็มทน แต่นางก็ยังอยากจะลองดูอีกครั้ง

ทางด้านของอุลบาก็ตกตะลึงไปเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าหนามพลังจิตของเขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แต่เมื่อเขาได้ยินเหมิงชิวปิงพูดขึ้น เขาก็คืนสติจากอาการตกตะลึง และตอบกลับไปว่า “ข้าบอกไปแล้วไงว่าเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง แต่ที่รู้ ๆ ในตอนนี้คือเจ้าสู้ข้าไม่หรอก จงยอมแพ้ซะ!”

“บอกข้าก่อนว่าทำไมเจ้าถึงสามารถใช้ทักษะของเผ่าข้าได้?” เหมิงชิวปิงถามขึ้นเพื่อพยายามถ่วงเวลา

อุลบาส่ายหัวและตอบกลับด้วยสีหน้าที่เริ่มหมดความอดทน “ถ้าเจ้ายังไม่ยอมแพ้ งั้นข้าจะโจมตีเจ้าต่อแล้วนะ!”

ยังมีคู่ต่อสู้อีกตั้ง 98 คนที่เขาต้องสู้ด้วย ดังนั้นเขาจะยังไม่ยอมเผยความลับร่างกายของเขาตอนนี้เด็ดขาด โดยเฉพาะที่เขาจะต้องไปเจอต้วนไคเพื่อล้างแค้นให้กับเจียงหวง

เมื่อเห็นว่าเหมิงชิวปิงไม่ยอมแพ้สักที อุลบาจึงเริ่มใช้พลังจิตสร้างหนามแหลมขึ้นมาอีกรอบ

เหมิงชิวปิงเมื่อรู้ว่าแผนการถ่วงเวลาของนางไม่ได้ผล นางจึงจำใจยอมแพ้ด้วยสีหน้าน่าเกลียดและพูดว่า “ข้ายอมแพ้เจ้าก็ได้! เอาไว้หลังจากที่ข้ากับเจ้าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ข้าจะค่อย ๆ ศึกษาเจ้าให้เข้าใจให้ได้!”

นางไม่ยอมให้อุลบาโจมตีนางจนบาดเจ็บเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นการต่อสู้ของนางอีก 98 รอบจะลำบากมากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

หลังจากเหมิงชิวปิงยอมแพ้แล้ว อุลบาก็ไม่สนใจนางอีก เขารีบพุ่งไปหาผู้เข้าคัดเลือกอีกคนที่กำลังยืนว่างอยู่และท้าสู้ในทันที

หลิงตู้ฉิงที่มองอยู่จากด้านล่างเวทีก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ไอ้เจ้าเด็กนี่ หลังจากนี้ข้าคงต้องส่งเขาเข้าไปอยู่ในสนามรบสักหน่อยเพื่อให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ ตอนนี้เขาใช้แต่สัญชาตญาณในการต่อสู้อย่างเดียวโดยไม่มีกลอุบายหรือการพลิกแพลงอะไรเลย หากเป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคตเขาจะต้องลำบากแน่นอน”

จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “แต่ว่าตอนนี้เท่าที่ข้าดูเขาก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ หากเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานเลยหรือไง?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ไม่ช้าก็เร็ว ความสามารถในร่างกายของเขาจะต้องถูกเปิดเผยทั้งหมดและเมื่อถึงเวลานั้นเหล่าผู้คนทั้งหลายจะสามารถคิดค้นวิธีรับมือกับเขาได้ เจ้าต้องเข้าใจเอาไว้อย่างว่าในโลกนี้ไม่มีร่างกายใดที่คงกระพัน มันจะมีก็แต่คนเท่านั้นที่ไร้เทียมทาน หากความสามารถร่ายกายของเขาถูกเปิดเผยจนหมดแล้ว และเขายังคงไม่พัฒนา ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องพ่ายแพ้และตายลง ถ้าเป็นคนอื่นข้าคงไม่สนใจอะไรด้วยสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เขาคือศิษย์ของข้า ดังนั้นข้าจะยอมให้เขามีจุดจบแบบนั้นไม่ได้”

ผู้อาวุโสสำนักเงามายาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “คุณชายหลิงไม่ต้องกังวลหาก อุลบากลับมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมื่อไหร่ พวกเราจะรีบให้เขาทำตามที่คุณชายหลิงสั่งในทันที”..

ในเวลานี้เหล่าผู้คนของสำนักเงามายาต่างก็รู้สึกเบิกบานกับความก้าวหน้าของอุลบาเป็นอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อุลบายังไม่ได้เผยความสามารถร่างกายของเขาออกมาจนหมดเลย ดังนั้นถ้าหากอุลบาเผยความสามารถของเขาทั้งหมดออกมา ภาพที่ทุกคนเห็นมันจะต้องตื่นตามากกว่านี้แน่นอน

ไม่มีใครในพวกเขาไม่ชอบอยู่แล้วที่มีคนที่เก่งกาจอยู่ในสำนักแบบนี้

เมื่อได้ยินผู้อาวุโสสำนักเงามายาพูดเช่นนี้ หลิงตู้ฉิงก็พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ

ในเวลาเดียวกัน หลิงฟ่างหัวก็ดึงแขนหลิงตู้ฉิง และชี้ไปบนเวทีและพูดว่า “ท่านพ่อรีบดูเร็ว ตอนนี้ศิษย์ของท่านกำลังจะสู้กับไอ้เจ้าหนุ่มดาบคู่นั่นแล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่นานความลับร่างกายของศิษย์ท่านทุกคนน่าจะได้เห็นแล้วล่ะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รีบหันไปดูอุลบาที่อยู่บนเวทีทันที

บนเวททีขณะนี้ อุลบายืนจ้องเขม็งไปที่ต้วนไค และพูดว่า “เจ้าทำร้ายพี่สาวเจียงหวง ข้าขอท้าประลองเจ้าเพื่อแก้แค้นให้นาง!”

ตอนนี้อุลบามีคะแนนตุนอยู่แล้วถึง 40 คะแนน ตราบใดที่เขายังไม่โชคร้ายถูกคนของเผ่าปีศาจโลหิตท้าประลองซะก่อน เขามั่นใจว่าเขาน่าจะรักษาสถิติชนะรวดได้ต่อไปเรื่อย ๆ และในระหว่างที่เมื่อครู่เขากำลังตามหาคนสู้ด้วยเพลิน ๆ เขาก็บังเอิญเห็นต้วนไคกำลังว่างอยู่พอดี เขาจึงรีบวิ่งเข้ามาขอท้าประลองอย่างรวดเร็ว

เขาแค่คิดว่าไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องสู้กับต้วนไคอยู่ดี ดังนั้นเขาจะใช้โอกาสนี้ล้างแค้นเลยก็แล้วกัน แต่แน่นอนว่าเขาเองก็เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าถ้าหากเขาสู้กับต้วนไคความลับร่างกายของเขาต้องถูกเปิดเผยแน่นอน

เมื่อเห็นว่าอุลบาเป็นคนเข้ามาหาเอง ต้วนไคก็หัวเราะในทันทีและตอบกลับว่า “ร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้าคงใช้ได้ดีกับคนอื่น แต่ถ้ามาอยู่ต่อหน้าข้าแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกับเต้าหู้หรอก! ดาบคู่ของข้าทั้งสองเล่มนี้ถึงแม้ว่าระดับของพวกมันจะอยู่ในระดับราชวงศ์ แต่พวกมันคือสมบัติแห่งโชคชะตาของข้าด้วย ดังนั้นในเรื่องความคมแล้วพวกมันนั้นคมยิ่งกว่าอาวุธระดับสวรรค์ซะอีก”

“เอาล่ะ รีบโจมตีเข้ามาได้เลย เดี๋ยวข้าจะเป็นคนหยุดสถิติชนะรวดของเจ้าเอง แต่ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน คู่ต่อสู้อย่างเจ้านั้นข้าหาได้ยากยิ่งนัก ดังนั้นข้าจะเก็บเจ้าเอาไว้เพื่อไว้ให้เจ้าคอยลับฝีมือให้กับข้าเรื่อย ๆ!”

อุลบาเริ่มที่จะโมโห “เจ้าบังอาจทำร้ายพี่สาวเจียงหวง จริง ๆ ข้าควรจะฆ่าเจ้าทิ้งซะแต่เพื่อเห็นแก่ที่เจ้ากับอาจารย์ของข้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงตั้งใจจะไว้ชีวิตของเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าพูดแบบนี้ งั้นข้าคงต้องขอแขนเจ้าข้างหนึ่งก็แล้วกัน!”

“เจ้ามีความสามารถพองั้นเหรอ?” ต้วนไคหัวเราะ

จากนั้นต้วนไคก็ชักดาบทั้งสองเล่มของเขาออกจากฝักเพื่อเตรียมรับมือ แต่แทนที่อุลบาจะดูหวาดหวั่น เขากลับทำตัวเหมือนคนเสียสติพุ่งเข้าหาดาบของต้วนไคดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น!