บทที่ 763 เผยความพิสดาร

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

เมื่อเห็นว่าอุลบาพุ่งหาตัวเองเหมือนคนเสียสติแบบนี้ ต้วนไคก็รู้สึกงุนงงอยู่ในใจ

นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นเหรอ?

เขาบอกกับอุลบาไปแล้วว่าดาบในมือของเขาทั้งสองมันคมเป็นอย่างมาก มันคมถึงขนาดที่สามารถฟันอาวุธระดับสวรรค์ให้ขาดสองท่อนก็ยังได้ แต่ทำไมอุลบาที่รู้อยู่แล้วแท้ ๆ กลับพุ่งเข้ามาหาราวกับว่าไม่กลัวดาบของเขาแบบนี้?

ต่อให้ไอ้เจ้าต้นไม้นั่นจะเป็นคนรักของเจ้า แต่ข้าแค่ทำให้นางบาดเจ็บเท่านั้น ข้าไม่ได้ฆ่านางสักหน่อย ทำไมเจ้าถึงโกรธแค้นอะไรได้ขนาดนี้?

เมื่อไม่เข้าใจในการกระทำของอุลบาสักเท่าไหร่ ต้วนไคจึงถอยหนีก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง เพราะเขาไม่อยากที่จะเสี่ยงชีวิตกับอุลบาหากไม่จำเป็น

แต่แล้วเมื่อต้วนไคถอยเว้นระยะห่าง อุลบากลับยิ่งดูเหมือนบ้าคลั่งยิ่งขึ้น

ในความคิดของอุลบา การที่เขาเผชิญกับคู่ต่อสู้เช่นต้วนไค เขามีแค่เพียงทางเลือกเดียวคือการโจมตีไม่ใช่การป้องกัน

ดังนั้นเขาจึงพุ่งเข้าใส่ต้วนไคราวกับว่าเขาไม่เห็นอันตรายใด ๆ อยู่ในสายตา

หลายครั้งที่ในระหว่างถอยหนี ต้วนไคเองก็อยากจะใช้ดาบฟันสวนออกไปเหมือนกัน แต่ทุก ๆ ครั้งเขาก็ถูกความบ้าคลั่งของอุลบาทำให้เขาลังเลที่จะฟันดาบออกไป

ต้วนไครู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ตอนนี้อุลบาดูไม่ปกติเป็นอย่างมาก เพราะมันไม่มีใครที่ไหนที่จะอยากตายวิ่งเข้ามาหาคมดาบแบบนี้

หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมที่ร่างกายของอุลบาจะแข็งแกร่งจริง ๆ จนถึงขนาดที่ดาบของเขาจะฟันไม่เข้า?

ต้วนไคอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้ เพราะไม่ว่าเขาจะมองยังไงอุลบาก็ดูไม่ใช่คนที่จะวอนหาเรื่องตายแบบโง่ ๆ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็เริ่มที่จะระแวงมากกว่าเดิม เขากลัวว่าหากดาบของเขาฟันร่างของอุลบาไม่เข้าใจจริง ๆ มันจะเป็นเขาเองที่ถูกอุลบาคว้าร่างได้ และโดนฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

ดังนั้นต้วนไคจึงคิดทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายอุลบาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงมากเกินไปก็คือ การส่งปราณดาบพุ่งไปที่ร่างของอุลบาจากระยะห่างก่อน

ถึงแม้ว่าปราณดาบจะมีความคมไม่เท่ากับดาบของเขา แต่ด้วยระดับความเข้าใจในเต๋าดาบของเขาบวกกับอำนาจของดาบในมือ ซึ่งเป็นสมบัติแห่งชะตาชีวิตของเขา ปราณดาบที่เขาส่งออกไปมันจึงคมได้พอ ๆ กับดาบระดับสวรรค์ทั่วไปเลยทีเดียว

ปราณดาบที่ต้วนไคปล่อยออกมานั้นโดนแขนของอุลบาที่ยกขึ้นมาป้องกันเต็ม ๆ ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังที่แขนของเขาถูกเฉือนลึก และเลือดสีน้ำตาลดำก็พรั่งพรูออกมา

ต้วนไค เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาได้ผล เขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก ในเมื่อปราณดาบของเขายังใช้ได้ผล ถ้าอย่างนั้นดาบของเขาก็ต้องยิ่งได้ผลดีมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ไม่ยากเท่าไหร่ที่เขาจะฟันหัวอุลบาให้หลุดออกจากบ่า

ทางด้านของอุลบา เมื่อถูกโจมตีแบบนี้เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเช่นกัน เนื่องจากในตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าร่างวิญญาณของเขาที่ถูกปกคลุมด้วยผิวหนังสีดำเงาจะเสียหายหรือเปล่าถ้าหากถูกฟัน

แต่แล้วเมื่อปราณดาบของต้วนไคถูกปล่อยมาหาเขา เขาจึงจงใจลองรับการโจมตีนี้โดยไม่หลบหลีกและยกแขนขึ้นมาป้องกันเพื่อทดสอบว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งผลที่ได้เขาก็พึงพอใจมาก เพราะถึงแม้หนังของเขาจะถูกเฉือนลึกเข้าไปถึงร่างวิญญาณ แต่ร่างวิญญาณของเขากลับไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย แถมเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยังคงปกปิดร่างวิญญาณไม่ให้ถูกเห็นอีกต่างหาก

เมื่อรู้เช่นนี้ อุลบาก็ไม่เกรงกลัวต้วนไคอีกต่อไป และเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาต้วนไคเพื่อปล่อยหมัดเข้าหน้าอกของต้วนไคทันที

ทางด้านของต้วนไค ในตอนนี้เขาก็ไม่ถอยหนีแล้วเช่นกัน เพราะเขาเข้าใจว่าดาบของเขาจะได้ผลแน่นอน เขาตะโกนขึ้นดังลั่นว่า “ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก งั้นข้าจะสนองความต้องการให้เจ้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อพูดจบ ต้วนไคหยุดอยู่กับที่เพื่อปักหลักและควงดาบคู่ในมือออกกระบวนท่าฟันตามขวาง ดาบซ้ายฟันคอดาบขวาฟันหน้าอกสวนอุลบาที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

แต่แล้วในวินาทีที่ดาบทั้งสองฟันถึงตัวของอุลบา จู่ ๆ ส่วนลำคอและส่วนหน้าอกของอุลบากลับหายไปในพริบตาซะอย่างนั้น ส่งผลให้ดาบของต้วนไควาดผ่านไปโดยเหมือนกับฟันไม่ถูกอะไรเลย

จากนั้นในพริบตาเมื่อดาบของต้วนไควาดผ่านไป ร่างของอุลบาก็กลับมาเห็นได้สมบูรณ์ครบทุกส่วนเหมือนเดิมอีกรอบ และในเวลาเดียวกันนั้นหมัดซ้ายของอุลบาก็ปะทะเข้ากับหน้าอกของต้วนไคเข้าอย่างจัง แต่ก่อนที่ร่างของต้วนไคจะลอยละลิ่วออกไป มือขวาของอุลบาก็รีบคว้าแขนซ้ายของต้วนไคเอาไว้

“เหมือนกับที่ข้าเคยบอกกับเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ ราคาที่เจ้าต้องจ่ายให้ข้าก็คือแขนของเจ้าหนึ่งข้าง!” เมื่อพูดจบ อุลบาก็กระชากแขนของต้วนไคออกจากร่าง และถีบต้วนไคให้กระเด็นลงไปกองกับพื้น

บรรดาผู้คนที่กำลังดูการต่อสู้ระหว่างต้วนไคกับอุลบาอยู่ต่างก็ฮือฮากันใหญ่ เมื่อพวกเขาเห็นภาพการต่อสู้เช่นนี้

พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อครู่ดาบของต้วนไคกำลังจะแยกร่างของอุลบาได้อยู่แล้ว แต่ในพริบตาก่อนที่ดาบจะได้ทันถึงเป้าหมายของมัน จู่ ๆ ร่างส่วนที่กำลังจะถูกดาบฟันของอุลบากลับหายไปดื้อ ๆ และดาบของต้วนไคก็วาดผ่านไปเหมือนกับว่ามันฟันไม่โดนอะไรทั้งนั้น…

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน!

ไม่ต้องพูดถึงคนปกติ แม้แต่ผู้ดูแลการคัดเลือก ซึ่งเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิยังรู้สึกงุนงงกับภาพนี้

หลายคนต่างอดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘หรืออุลบาจะได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่ทำให้ร่างของตัวเองคล้ายกับพวกหอยทากที่สามารถแยกออกจากกันได้ และสามารถต่อกลับกันใหม่ได้เหมือนเดิม?’

แต่คนที่ตกตะลึงที่สุดก็คงไม่พ้นจะเป็นต้วนไคที่เจอกับตัวเองเต็ม ๆ เขาเหม่อมองไปที่อุลบาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะหัวเราะด้วยสีหน้าเย็นชา “วิชามาร! การที่เจ้าใช้วิชามารเอาชนะข้าแบบนี้มันไม่มีใครสรรเสริญเจ้าหรอก!”

ถึงแม้ว่าเขาจะเสียแขนไปข้างหนึ่ง เขาก็ไม่สนใจมันสักเท่าไหร่ เพราะมันก็คงอีกไม่นานที่เขาจะสามารถทำให้มันงอกขึ้นมาใหม่ได้เหมือนเดิม เนื่องจากแขนของเขาเพียงแค่ถูกกระชากออกไป มันไม่ได้ถูกทำลายโดยการโจมตีที่มีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ตกค้างในร่างกายของเขา

แต่ว่าสิ่งที่เขารู้สึกยอมไม่ได้ก็คือการที่เขาต้องแพ้ให้กับความประหลาดของอุลบาแบบนี้

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาบวกกับดาบทั้งสองเล่ม เขามั่นใจว่าเขาจะต้องได้กลายเป็นผู้ที่ติดอยู่อันดับ 1 ใน 5 แน่นอน แต่แล้วตอนนี้เขากลับต้องมาพ่ายแพ้และบาดเจ็บสาหัสให้กับความพิสดารของอุลบา

มันจะเป็นเรื่องแปลกอย่างมากถ้าหากเขาสามารถยอมรับมันได้ง่าย ๆ

เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนไค อุลบาก็ทำหน้ามุ่ยและตอบกลับทันที “สิ่งที่เจ้าพูดมานั้นมันเหมือนกับที่อาจารย์ของข้าเคยพูดให้ข้าฟังไม่มีผิด คนส่วนใหญ่ชอบเรียกสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นมารหรือปีศาจอยู่เสมอ แต่เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าที่นี่มันคือเขตแดนอุดรทมิฬ เจ้าลองคิดดูว่ามีกี่ชีวิตในที่แห่งนี้ที่ไม่ใช่ปีศาจ? อันที่จริงตอนแรกข้าตั้งใจจะให้เวลาเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บสักหน่อย แต่ในเมื่อเจ้างี่เง่าขนาดนี้ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ใจดีกับเจ้าแล้ว! เอาล่ะยอมแพ้มาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”

หลิงตู้ฉิงนั้นกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วว่าจะมีคนครหาอุลบาแบบนี้ และมันอาจจะทำให้ดวงใจเต๋าของอุลบาพังทลายลงได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงสอนอะไรไปหลายอย่างให้กับอุลบาได้เข้าใจในระหว่างช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา

ซึ่งในตอนนี้ผลลัพธ์ของการที่เขาคอยพร่ำสอนมันสัมฤทธิ์ผลออกมาเป็นอย่างดี

“ได้ข้ายอมแพ้เจ้า!” ต้วนไคตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้น “และข้าขอถอนตัวจากการคัดเลือก!”

อาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสเกินไป ไม่เพียงแต่เขาจะเสียแขนไปข้างหนึ่งแต่หน้าอกของเขายังถูกชกจนยุบ ซึ่งอาการบาดเจ็บขนาดนี้เขาไม่มีทางฟื้นฟูมันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แน่นอน ถ้าขืนเขายังคงทำการประลองต่อไปมันมีแต่จะทำให้อาการของเขายิ่งแย่ลงหรือไม่เขาอาจตายเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอนตัวออกไปด้วย

บรรดาคนอื่น ๆ ที่เห็นสีหน้าโกรธแค้นของต้วนไคเช่นนี้พวกเขาต่างก็พอเข้าใจอยู่เหมือนกัน ในฐานะที่ต้วนไคเป็นมนุษย์ แต่เขากลับยอมลำบากดั้นด้นมาถึงเขตแดนอุดรทมิฬที่มีแต่พวกตัวประหลาดและปีศาจอยู่เต็มไปหมดแบบนี้ มันเห็นได้ชัดว่าต้วนไคน่าจะมีเหตุผลที่สำคัญถึงได้ต้องการเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่แล้วตอนนี้ความฝันทุกกลับพังทลายลง ดังนั้นต้วนไคจะไม่รู้สึกโกรธแค้นได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม นอกจากผู้คนของสำนักดาบเทวะ คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับต้วนไคเท่าไหร่ว่าเขาจะโกรธแค้นถึงขนาดไหน

สิ่งที่พวกเขาสนใจมากกว่าก็คือเกิดอะไรขึ้นกับอุลบากันแน่

หรือว่าการที่อุลบาพิสดารได้ถึงขนาดนี้ มันเป็นเพราะอาจารย์ของอุลบาจริง ๆ?

ว่าแต่ใครคืออาจารย์ของอุลบากัน?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ บรรดาฝูงชนต่างก็มองไปยังทิศทางที่กลุ่มคนสำนักเงามายายืนอยู่และเริ่มวิเคราะห์กันว่า หากสำนักเงามายามีวิธีทำให้อุลบาบ่มเพาะได้ตั้งแต่แรก พวกเขาคงไม่ลำบากลำบนพยายามเข็นให้อุลบาเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ตั้งแต่แรก

หรือจะเป็นกลุ่มมนุษย์ที่เพิ่งโผล่มา?

จากนั้นพวกเขาก็จ้องไปที่หยูคงหมิงและหยูเจิ้นไห่ ซึ่งในความคิดของพวกเขา ทั้งสองคนนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นอาจารย์ของอุลบา เพราะระดับการบ่มเพาะของทั้งคู่นั้นอยู่ในขอบเขตราชัน ซึ่งมันดูสมเหตุสมผลมากที่สุดไม่เหมือนกับหลิงตู้ฉิงที่มีระดับการบ่มเพาะแค่ขอบเขตนภาเท่านั้น!