บทที่ 1222 ธิดาเทพ?

หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1222 ธิดาเทพ?

เมืองลั่วเสิน

เมื่อเสียงประกาศของหลิงตงดังก้อง ความวุ่นวายก็ระเบิดขึ้นทั่วเมือง สายตาอิจฉาพุ่งไปหาลั่วหลี

ไม่มีใครคิดว่าจักรพรรดิสุประยุทธ์จะมีราชโองการเป็นการส่วนตัว การดำรงอยู่ของตำหนักซีเทียนเป็นความยืนยง แม้กระทั่งบรรดาผู้อาวุโสอย่างหลิงตงก็ต้องให้ความเคารพ

ทว่าใบหน้าของลั่วเทียนเสินกลับไม่น่าดู เนื่องจากทุกคนรู้ว่าจักรพรรดิแห่งตำหนักซีเทียนมีฝ่ายในขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยสตรีงดงาม ทักษะการฝึกฝนของเขาเรียกว่าคัมภีร์ต้าตี้เน่ยซึ่งเป็นการฝึกฝนแบบเสพสังวาส ดังนั้นจักรพรรดิสัประยุทธ์จึงมีชื่อเสียงด้านนี้ฉาวโฉ่นัก

ที่ผ่านมาลั่วเทียนเสินพอได้ข่าวมาว่าตำหนักซีเทียนกำลังให้ความสนใจกับลั่วหลี ทว่าตอนนั้นลั่วหลีไม่เป็นที่รู้จักมาก แต่ด้วยชื่อเสียงของนางที่เพิ่มพูนขึ้นในหลายปีนี้ก็คงจะไปเข้าหูตำหนักซีเทียนเข้า

ยิ่งตอนนี้ลั่วหลีปลูกฝังร่างเทพวารี ซึ่งเป็นเรื่องของเวลาก่อนที่นางจะดึงดูดความสนใจของตำหนักซีเทียน แต่เขาก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมาถึงเร็วนัก

ในทวีปซีเทียนและเขตแดนที่ตำหนักซีเทียนปกครอง ไม่รู้มีหญิงสาวเท่าไรที่ใฝ่ฝันเป็นที่จับตาของจักรพรรดิสัประยุทธ์เพื่อจะได้รับน้ำทิพย์เข้าสู่ร่าง เพราะด้วยพลังและรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายก็เพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวตกหลุมรัก

ฝ่ายในของจักรพรรดิสัประยุทธ์ ไม่มีใครที่ถูกบังคับ พวกนางต่างเต็มใจ แต่ลั่วเทียนเสินรู้ว่าหลานสาวของเขาไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น…

ด้วยความภาคภูมิใจ นางจะไม่ชายตามองใครเลย นอกจากคนที่ชอบ ไม่ใช่แม้แต่จักรพรรดิสัประยุทธ์

ดังนั้นลั่วหลีอาจไม่เห็นด้วยที่จะเป็นธิดาเทพ นั่นจะทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา ราชโองการของจักรพรรดิสัประยุทธ์เป็นสิ่งที่สามารถปฏิเสธได้เรอะ?

เขาเป็นผู้ปกครองของทวีปซีเทียนนะ!

เขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนจุนที่มีชื่อดังก้องไปทั่วมหาพันภพ!

ลั่วเทียนเสินยิ้มขมขื่น มู่เฉินก็ขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน เขาก็สามารถคาดเดาได้จากการแสดงออกของลั่วเทียนเสิน

“ฮ่าๆ ขอแสดงความยินดีกับธิดาเทพคนใหม่ ในอนาคตเจ้าก็เป็นธิดาเทพของตำหนักซีเทียนแล้ว” หลิงตงยิ้มบาง จากนั้นก็ส่งราชโองการไปทางลั่วหลี “รับราชโองการเถอะ”

ทว่าลั่วหลีไม่ได้รับ นางชายตามองหลิงตงอยู่นานก่อนที่จะตอบ “ข้าขอปฏิเสธ”

เสียงของนางดังก้อง ทั่วเมืองก็เงียบกริบลง หลายคนเบิกตากว้างขณะที่มองลั่วหลีด้วยความไม่เชื่อ

นางปฏิเสธคำสั่งของผู้ปกครองของทวีปซีเทียน!

นั่นคือราชโองการของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนนะ!

ตรงกันข้ามเสี่ยหลิงจื่อซึ่งกำลังหวาดผวากับสิ่งนี้ก็เกิดความปีติยินดีเมื่อได้ยินคำตอบของลั่วหลี

เขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้!

หลิงตงอึ้งไปก่อนจะขมวดคิ้ว “นี่เป็นราชโองการขององค์จักรพรรดิ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาของการปฏิเสธเป็นเช่นไร?”

แม้แต่ลั่วหลียังรู้สึกกดดันจากคำพูดของหลิงตง แต่สุดท้ายนางก็เงยหน้าขึ้น ความแวววาวแล่นในส่วนลึกของดวงตา

ขณะที่นางเผชิญหน้า เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกาย เขาจับมือนางภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน

นี่คือมู่เฉิน เขามองไปที่ลั่วหลี นางก็มองมาด้วยรอยยิ้ม

โห่

การกระทำระหว่างทั้งสองทำให้เกิดความปั่นป่วนทันที ขณะนี้ทุกคนรู้แล้วว่ามู่เฉินและลั่วหลีเป็นคู่รักกัน!

เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะมู่เฉิน ลั่วหลีถึงปฏิเสธตำแหน่งธิดาเทพของตำหนักซีเทียน

มู่เฉินจับมือลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองหลิงตงโดยไม่มีการแสดงออกใดๆ “ตั้งแต่เมื่อไรที่ตำหนักซีเทียนต้องมาบังคับให้คนอื่นเป็นธิดาเทพ?”

“ไอ้หนู บางอย่างไม่ใช่สิ่งที่จะพูดเล่นๆ แบบนี้นะ!” หลิงตงกล่าวเคร่งขรึม ขณะเดียวกันแรงกดดันก็แผ่ออกมาจากร่างเขาพุ่งเข้าหามู่เฉิน

ทันใดนั้นมั่นถัวหลัวก็ปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉิน แสงสีดำเปล่งประกายบนร่างนาง คล้ายกับหลุมดำกลืนกินแรงกดเย็นเยือกเข้าไปหมด

นางมองหลิงตงกล่าวอย่างไม่แยแสปนเย้ยหยัน “พูดหน่อยก็ไม่ได้เรอะ? ตำหนักซีเทียนเผด็จการขนาดนี้เชียวหรือ?”

คำพูดนางยิ่งไม่เกรงใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียนจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน แต่นางเคยติดตามจักรพรรดิฟ้ามาหลายปี ดังนั้นนางไม่มีความกลัวต่อตำหนักแค่นี้แน่นอน

ใบหน้าของหลิงตงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เขาจ้องมองมั่นถัวหลัว “ดูเหมือนเจ้าตัดสินใจยืนคนละฝั่งกับตำหนักซีเทียนแล้วสินะ?”

“แล้วจะทำไม?” มั่นถัวหลัวหัวเราะเย้ยหยันอย่างหาญกล้า

“สามหาว!” หลิงตงเกรี้ยวกราดขณะที่คำราม เขาโบกมือผลึกดาวก็ปรากฏขึ้น เหมือนจะดูดอุณหภูมิในพื้นที่นี้ทั้งหมด อากาศเริ่มแช่แข็งอย่างรวดเร็ว

“ฮึ่ม!”

ดาวกลายเป็นกระแสคลื่นเย็นพุ่งออกไป พริบตาก็ขยายตัวกลายเป็นดาวน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งไปหามั่นถัวหลัว

นี่คือพลังทำลายล้าง

“หึ!”

มั่นถัวหลัวเค้นเสียงเย็นชาก่อนที่จะอ้าปาก ลำแสงมหาศาลบินว่อนออกมาก่อตัวเป็นพีระมิด นี่คือพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจที่มู่เฉินมอบให้นาง

ฟิ้ว!

พีระมิดระเบิดด้วยแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน ขณะที่พุ่งออกไปปะทะกับดาวน้ำแข็งจังใหญ่และบดขยี้กัน

ดาวน้ำแข็งถูกทำลาย หลิงตงก็กระอักเดินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยสีหน้าที่ไม่น่าดู เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเปรียบในการปะทะยกนี้

“ดี! ดี!”

หลิงตงสูดหายใจลึก จากนั้นก็ยกราชโองการทองคำขึ้น เขากัดลิ้นพ่นเลือดคำหนึ่งบนม้วนคำสั่ง

ฮึ่ม ฮึ่ม

เมื่อเลือดหยดลง ม้วนคำสั่งก็ระเบิดออกมาด้วยแสงสีทอง แรงกดดันที่น่ากลัวราวกับกษัตริย์กระจายออกมา

ภายใต้แรงกดดันที่น่าหวาดกลัว ทุกคนที่อยู่ภายใต้ระดับตี้จื้อจุนก็ทรุดเข่าลงทันที พวกเขาไม่สามารถเงยหัวขึ้น ร่างกายสั่นสะท้าน

นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่ารัศมีนี้หมายถึงอะไร… ในทวีปซีเทียนมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีแรงกดดันนี้

ประมุขแห่งตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ผู้เป็นตำนาน!

ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเคร่งเครียดลงหลายส่วน ม้วนราชโองการน่าจะสามารถเรียกร่างดวงจิตของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงจะเป็นเพียงร่างดวงจิตก็กดดันอย่างมาก

มู่เฉินรู้สึกได้ว่าลั่วหลีจับมือตัวเองแน่นขึ้น

“ไม่ต้องกลัว” มู่เฉินพูดกับนางเบาๆ

ลั่วหลีหันกลับมาก็รู้สึกประหลาดใจ แม้ว่าสายตาของมู่เฉินจะเคร่งเครียด แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตกใจ นางยิ้มอย่างขมขื่นก่อนที่จะตอบว่า “หากมีโอกาสเจ้ารีบหนีไปนะ”

“แล้วเจ้าล่ะ?”

ลั่วหลียิ้มตอบ “ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่เป็นธิดาเทพ”

มู่เฉินมองรอยยิ้มนั่นก็เห็นความแน่วแน่บางอย่าง นางไม่มีวันเป็นธิดาเทพเนื่องจากนางที่ภาคภูมิใจจะขู่ด้วยชีวิต

“ลั่วหลี…”

มู่เฉินจ้องที่คนรักพูดเบาๆ “จำที่ข้าบอกเจ้าได้ไหม?”

“ข้าบอกแล้วว่าครั้งต่อไปที่เราพบกัน ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครพาเจ้าไปจากข้าอีก” เขาจ้องมองม่านตาแก้วใสพูดต่อว่า “รวมถึงจักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียนด้วย”

แม้ว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์จะทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามู่เฉินจะไม่มีวิธีจัดการกับอีกฝ่าย

ลั่วหลีตกใจ นางไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ในเมื่อนางเข้าใจมู่เฉิน นางจึงรู้ว่าเขาไม่ใช่คนโอ้อวด เมื่อเขากล้าพูดก็ต้องมั่นใจ

สิ่งนี้ทำให้หัวใจที่ตึงเครียดของนางคลายลง

“ดูเหมือนเจ้าจะผ่านประสบการณ์มากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ลั่วหลียิ้ม รอยยิ้มนี้ทำให้ดวงตาของมู่เฉินสว่างไสว เขาอยากโอบกอดนางไว้

แต่สุดท้ายเขาก็ระงับแรงปรารถนาเงยหน้าขึ้นมองม้วนทองคำ ร่างเงาสีทองค่อยๆ ปรากฏเบื้องหน้าสายตาพวกเขา

“ถวายบังคมองค์จักรพรรดิ”

หลิงตงมองร่างเงานั่นพลางคุกเข่า

บนท้องฟ้า ร่างเงาสีทองนั่นมีผมสีทองอร่าม รูปลักษณ์ราวกับแกะสลัก ดวงตาทรงเสน่ห์เปี่ยมอำนาจ โดยไม่มีผู้ใดสามารถลบลืมได้

ทว่าแรงกดดันสง่างามที่กระจายออกมาจากเขาถึงเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจมากที่สุด

ทุกคนสั่นสะเทือนภายใต้แรงกดดันนี้

เมื่อร่างเงานั้นปรากฏขึ้นก็มองไปที่ลั่วหลี ก่อนที่เสียงก้องกังวานจะดังขึ้น

“ลั่วหลี เจ้าจะปฏิเสธจริงๆ เหรอ?”