เมิ่งอี้เซวียนรับมาอ่านจบอย่างรวดเร็ว และหรี่ตาลง พร้อมกับวางกลับไปบนโต๊ะทรงงานใหม่ ตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านลุง ข้าจะกลับไปดูที่จวนสักหน่อยว่า เรื่องมันเป็นมาเช่นไรกันแน่พะยะค่ะ” 

 

 

ฮ่องเต้ก็อยากรู้ให้ชัดเจนเช่นกันว่าเรื่องมันเป็นมาเช่นไรกันแน่ จึงพยักหน้าอนุญาตเขา “ไปเถอะ ข้าก็อยากรู้เช่นเดียวกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เมิ่งชิงจะฆ่าคนท่ามกลางผู้คนได้เช่นไร” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรับคำ ก้าวเท้ายาวไปจากวังหลวง ควบม้าตรงดิ่งกลับไปยังจวนอ๋องอย่างรวดเร็วตลอดทาง 

 

 

หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาจากโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้กลับไปที่เรือนของตัวเอง แต่ตรงเข้าไปยังลานฝึกวรยุทธ 

 

 

ตอนที่เมิ่งอี้เซวียนกลับมาเห็น นางก็มีสภาพเหงื่อโซมกาย หอบหายใจตัวโยน คิ้วขมวดเข้าหากัน ถามเสียงเข้มว่า “อี้เอ๋อร์ เกิดเรื่องอันใดขึ้น” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนลอบมองเมิ่งเชี่ยนโยวครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางกำลังตั้งใจฝึกวรยุทธ ไม่ได้สนใจทางนี้ ก็กำลังจะเอ่ยปากพูด เสียงหอบหายใจของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ลอยมา “อี้เอ๋อร์ ถอยไปก่อน อีกครู่ข้าจะเป็นผู้บอกเรื่องนี้กับเมิ่งอี้เซวียนด้วยตัวเอง” 

 

 

หวงฝู่อี้รีบรับคำ และถอยออกไปยืนอยู่อีกด้าน 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ไล่ต้อนอีก ยืนมองนางที่เคลื่อนไหวไม้พลองในมืออย่างไร้แบบแผน ซึ่งใกล้เคียงกับการระบายอารมณ์อยู่นอกลานฝึกวรยุทธ 

 

 

ประมาณหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น เสื้อผ้าบนร่างเมิ่งเชี่ยนโยวก็เกือบจะเปียกชุ่ม เมื่อโทสะในใจถูกระบายออกมาหมดแล้ว ถึงได้หยุดกระบวนท่า โยนไม้พลองทิ้งไป เดินยิ้มๆ มาถึงหน้าเมิ่งอี้เซวียน และยื่นมือทั้งสองข้างออกมา “เหนื่อยแล้ว เดินไม่ไหวแล้ว” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่เอ่ยอะไร ก้มตัวลงไปอุ้มนางขึ้นมา พร้อมกับออกคำสั่ง “เก็บกวาดให้สะอาด เรื่องในวันนี้ ใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดออกไป” 

 

 

บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติรับคำเป็นเสียงเดียวกัน 

 

 

“อี้เอ๋อร์ รีบสั่งคนให้ไปเตรียมน้ำ!” 

 

 

หวงฝู่อี้รับคำ วิ่งไปสั่งการอย่างรวดเร็ว 

 

 

เมื่อกลับมาในเรือน น้ำร้อนก็ถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมิ่งอี้เซวียนอุ้มนางตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำ ช่วยนางปลดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่ม วางนางลงในถังอาบน้ำอย่างเบามือ 

 

 

ความอบอุ่นโอบล้อมเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสบายจนทอดถอนใจออกมา มือสองข้างวางพาดอยู่บนถังอาบน้ำทั้งสองด้าน วางศีรษะไว้ด้านบน “ท่านกลับมาเร็วขนาดนี้ เพราะได้ยินเรื่องระหว่างข้ากับชิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนใจสั่นเล็กน้อย “เรื่องอันใดหรือ” 

 

 

ฟังดูแล้วท่าทางเขาจะไม่รู้เรื่องจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถอนหายใจแรง เอ่ยตามความเป็นจริง “ชิงเอ๋อร์รู้เรื่องที่ข้าตัดเส้นเอ็นที่เท้าของท่านอาสี่ในปีนั้นแล้ว” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนชะงักการตักน้ำไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ช่วยนางอาบน้ำต่อ “หลังจากนั้นเล่า?” 

 

 

“ชิงเอ๋อร์ยอมรับหลี่ชุ่ยฮวาภายใต้โทสะ…” 

 

 

“ยังมี…” 

 

 

“ยังมีอีกอย่าง…” 

 

 

ผ่านไปนานเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยังไม่ได้พูดออกมา 

 

 

การกระทำของเมิ่งอี้เซวียนก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ไม่ได้ไล่ต้อนถามคำถามต่อ 

 

 

ภายในห้องอาบน้ำเงียบงัน มีเพียงแค่เสียงตักน้ำของเมิ่งอี้เซวียนที่ดังสะท้อนไม่หยุด 

 

 

เนิ่นนาน เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถอนหายใจเสียงเบา “แม้ว่าในยามนี้ ข้าก็ไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ข้าทำในปีนั้นมีอะไรไม่ถูกต้อง แต่เกรงว่าในใจของชิงเอ๋อร์คงจะไม่ได้คิดเช่นนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเราจะเป็นปมปัญหาที่ยากจะคลี่คลายได้แน่นอน เขาไม่ใช่คนที่ในสายตาและหัวใจมีเพียงข้า เมิ่งเชี่ยนโยว ผู้เป็นพี่สาวคนนี้อีกแล้ว” 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำเช่นไร” 

 

 

“ไม่ทำเช่นไร เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ข้าคิดไม่ถึงว่าหลี่ชุ่ยฮวาจะเป็นสุนัขจนตรอก เอ่ยเรื่องในปีนั้นออกมา และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเมิ่งชิงจะได้ยินเข้าพอดี ปฏิกิริยาตอบสนองของเมิ่งชิงในยามนั้นก็เป็นปฏิกิริยาปกติของมนุษย์ ที่จริงแล้วใครบ้างที่ได้ยินว่าบิดาของตัวเองถูกคนผู้นี้ตัดเส้นเอ็นเท้า และไม่คิดแค้นในใจกัน ข้าเข้าใจจิตใจเขา ไม่กล่าวโทษเขาหรอก แต่ว่า ถ้าหากเขาคิดจะพาหลี่ชุ่ยฮวาเข้ามาในตระกูลเมิ่ง นั่นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะละทิ้งบุญคุณความแค้นส่วนตัวของข้าไป แต่ทางด้านท่านปู่ท่านย่าก็ยังคงก้าวข้ามไปไม่ได้เช่นกัน” 

 

 

“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ชั่วคราว ในระยะเวลาอันสั้นนี้เมิ่งชิงจะไม่ทำเช่นนั้น” 

 

 

“ทำไมหรือ” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหยุดตักน้ำ มองนัยน์ตานาง “เพราะว่าเขาได้ทำร้ายบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งของตระกูลหวังจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกเดียวภายใต้ความโกรธแค้น จึงถูกนำตัวไปที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานคร” 

 

 

“อะไรนะ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนัยน์ตาเบิกกว้าง นั่งตัวตรงขึ้นมาทันที เอ่ยถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน” 

 

 

“เมิ่งชิงคิดจะไถ่ตัวหลี่ชุ่ยฮวา เศรษฐีหวังไม่ยินยอม ใช้เงื่อนไขมาบีบบังคับ ทั้งสองฝ่ายจึงเกิดความขัดแย้งกัน หลังจากนั้น…” 

 

 

“ฮ่องเต้เตรียมจะจัดการเช่นไรหรือ” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ไม่รู้ เพียงแต่จากท่าทีของพระองค์แล้ว ก็คล้ายกับว่าจะไม่ได้ถือสาหาความอะไรมากนัก แต่ถ้าหากบ่าวรับใช้คนนั้นตายขึ้นมาจริงๆ เรื่องนี้ก็จัดการได้ยากแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใต้พระเนตรพระองค์ ชื่อเสียงของชิงเอ๋อร์ก็โด่งดัง หากพระองค์ไม่ลงโทษให้หนัก ก็เกรงว่ายากที่จะปิดปากเหล่าขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ได้” 

 

 

“หยิบเสื้อผ้ามาให้ข้า ข้าจะกลับบ้านรอบหนึ่ง เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดจะปิดบังก็ปิดไม่ได้หรอก คาดว่าคนในจวนคงร้อนใจแย่แล้ว” 

 

 

“ข้าจะกลับไปด้วยกันกับเจ้า” 

 

 

ข่าวเรื่องเมิ่งชิงฆ่าคนตายแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีที่อยู่ในโรงหัตถกรรมได้ยินแล้วก็มึนงง คว้าเสื้อผ้าของผู้ดูแลอันเอาไว้อย่างไม่อยากจะเชื่อ ลนลานถามว่า “เจ้าได้ยินชัดเจนแน่นะว่าเป็นเมิ่งชิงที่ฆ่าคนตายจริงๆ?” 

 

 

ผู้ดูแลอันพยักหน้าหงึกหงัก “ได้ยินชัดเจนขอรับ เป็นนายน้อยชิงแน่นอนไม่ผิด และถูกคนของกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครคุมตัวไปแล้ว” 

 

 

“แล้วก็อะไรอีก?” 

 

 

“แล้วก็ แล้วก็ คือว่า…” 

 

 

เมิ่งฉีตะคอกเสียงดังด้วยความร้อนใจ “ยังมีอะไรก็รีบพูดเร็วเข้า อย่าอึกๆ อักๆ” 

 

 

ผู้ดูแลอันมองมือเมิ่งฉีที่คว้าสาบเสื้อตัวเองเอาไว้แล้ว ก็กลืนน้ำลาย ตัวสั่นงันงกเอ่ยออกมาว่า “ยังมีก็คือ ก็คือ…” 

 

 

“ก็คืออะไรเล่า” 

 

 

ผู้ดูแลอันหลับตา เอ่ยเสียงดังออกมารวดเดียว “แล้วก็คือว่า พวกเขาพูดว่านายน้อยชิงรู้แล้วว่าพระชายาซื่อจื่อตัดเส้นเอ็นที่เท้าของบิดาเขาในปีนั้น จึงทะเลาะกับพระชายาซื่อจื่อจนตัดขาดกันไปแล้ว” 

 

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” 

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีตกใจ เปล่งเสียงถามออกมาพร้อมกัน 

 

 

น้ำเสียงของผู้ดูแลอันสั่นเล็กน้อย “ด้านนอกล้วนพูดเช่นนี้กันทั้งนั้น ข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือว่าเท็จ” 

 

 

มือของเมิ่งเสียนกำแน่นโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ผู้ดูแลอันจวนเจียนจะหายใจไม่ออก รีบเอ่ยปากขอร้อง “คุณชายใหญ่ ข้าเพียงแค่ได้ยินมาแล้วบอกท่านตามความจริง นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้านะขอรับ” 

 

 

เมิ่งเสียนได้สติกลับคืนมา ปล่อยเขาไป และเอ่ยกับเมิ่งฉีว่า “ไป ไปจวนอ๋องฉี ถามน้องเล็กว่าเรื่องมันเป็นมาเช่นไรกันแน่” 

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า ทั้งสองคนออกจากโรงหัตถกรรมด้วยความรวดเร็ว ในตอนที่กำลังยันตัวขึ้นหลังม้า โจวอันก็ขี่ม้าเร็วมาถึง “คุณชายใหญ่ คุณชายรอง พระชายาซื่อจื่อสั่งให้มาแจ้งสารก่อนขอรับ ให้พวกท่านไปรอนางที่ประตูทางทิศเหนือ ไม่นานหลังจากนั้นนางกับซื่อจื่อจะไปถึงขอรับ”  

 

 

ทั้งสองคนพยักหน้า เบนศีรษะม้าไปทางประตูทิศเหนือ 

 

 

หลังจากนั้นครึ่งก้านธูป เมิ่งอี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ขี่ม้ามาถึง เมื่อเห็นทั้งสองคนก็ดึงบังเหียนให้ม้าหยุด “พี่ใหญ่ พี่รอง” 

 

 

เมิ่งฉีมีนิสัยใจร้อน เร่งม้าให้ไปหยุดอยู่หน้านาง ถามอย่างร้อนใจว่า “น้องเล็ก สรุปว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปรอบๆครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่ พี่รอง กลับจวนก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ” 

 

 

หน้าประตูเมืองมีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ ไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดคุยกันจริงๆ ทั้งสองคนพยักหน้า 

 

 

ทั้งสี่คนกลับไปยังเรือนที่อยู่นอกเมือง เพิ่งจะหยุดม้า ยังไม่ทันได้ลงไป อิงจื่อก็วิ่งออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้ากลับมาเสียที ข้ากำลังจะเตรียมส่งคนไปเรียกพวกเจ้าพอดีเลย เมื่อครู่ผู้บัญชาการโต้วของกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครนำตัวหลี่ชุ่ยฮวามาส่งด้วยตัวเอง ท่านปู่กับท่านย่าโมโหจนเกือบจะหมดสติไปแล้ว!”