ตอนที่ 2112

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,112 : ล้างแค้น!

 

ฉู่ถานเชิง ที่เซี่ยจงพึ่งสลัดหลุดมานั้น มันก็เป็นอาวุโสคนหนึ่งของลัทธิอารามทมิฬ พลังฝึกปรือของมันยังบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…

 

ปกติแม้ตัวมันจะอยู่ห่างไกลจากเซี่ยจง ทว่าสำนึกเทวะของมันยังคงเพ่งเล็งอยู่รอบๆร่างเซี่ยจงเสมอ เพื่อคอยตรวจตรารักษาความปลอดภัยให้เซี่ยจง

 

เมื่อมีภัยมาถึงตัวเซี่ยจง มันจะได้พุ่งกลับไปอยู่ข้างกายเซี่ยจงทันที เพื่อช่วยเหลือดูแลอีกฝ่าย

 

แต่สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นห่างตัวเซี่ยจงไประยะหนึ่งนั้น มันไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

 

เพราะสำนึกเทวะมันเพียงล้อมกักวนเวียนไปทั่วๆร่างเซี่ยจงเพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงในร่างเซี่ยจงเท่านั้น

 

สำหรับคนที่ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆเซี่ยจง และการกระทำใดๆก็ตามที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเซี่ยจง ฉู่ถานเชิงย่อมไม่สนใจ เพราะไม่ใช่เรื่องที่มันต้องห่วง

 

“ผู้เฒ่าฉู่ ข้ามีเรื่องบางประการต้องไปกระทำ  ท่านไม่ต้องห่วงเสร็จเรื่องแล้วข้าจะกลับไปหาท่านเอง…”

 

ทันใดนั้นเสียงผ่านสำนึกเทวะของเซี่ยจงก็ดังขึ้น ก่อนที่อยู่ๆร่างของเซี่ยจงจะพุ่งหายหลุดระยะสัมผัสของมันไป ถึงแม้มันจะพยายามแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทิศทางที่เซี่ยจงจากไปเต็มกำลัง แต่ก็ไม่พบร่างเซี่ยจง!

 

นั่นเพราะกว่าฉู่ถานเชิงจะกลับมามีสติหลังอึ้งไปจากวาจานั่นของเซี่ยจง ด้านเซี่ยจงที่ปะทุพลังเร่งความเร็วสูงสุดเพื่อสลัดการติดตามก็ได้ออกนอกระยะสัมผัสของมันไปไกลแล้ว…

 

“เซี่ยจงผู้นี้ถือดีว่าเป็นบุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทอง…นี่มันมิรู้หรือไรว่านครแห่งบาปเต็มไปด้วยอันตรายทุกแห่งหน”

 

เมื่อแผ่สำนึกเทวะไปแต่ไม่อาจหาเซี่ยจงได้พบสีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทันที

 

“หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับมันหรอกนะ…หาไม่แล้วยามข้ากลับไปลัทธิอารามทมิฬจ้าวราชสีห์ขนทองยังไม่ฉีกร่างข้าเป็นชิ้นๆได้หรือ?”

 

ตอนนี้อารมณ์ของฉู่ถานเชิงขุ่นมั่วถึงที่สุด

 

ใครก็ตามที่ตกตายด้วยเงื้อมมือของราชสีห์ขนทอง ไม่มีแม้แต่สภาพศพสมบูรณ์สักครั้ง

 

“ตามหามันก่อนดีกว่า…”

 

เมื่อถึงถึงความน่ากลัวของจ้าวราชสีห์ขนทอง ฉู่ถานเชิงย่อมหมดอารมณ์ซื้อของ เร่งออกไปตระเวนหาเซี่ยจงทันที

 

น่าเสียดายที่มันเริ่มหาจากทิศทางที่เซี่ยจงตั้งใจพุ่งหลอกให้มันไขว้เขว

 

และในขณะที่มันหาเซี่ยจงไปทั่วบริเวณแล้วไม่พบเจอ ทางด้านเซี่ยจงก็ติดตามชายหนุ่มชุดม่วงออกจากนครแห่งบาปทางประตูทิศตะวันตก

 

ดาบอสุรา!

 

เหตุผลเดียวที่เซี่ยจงบังเกิดความสนใจต่อชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้และติดตามออกมา กระทั่งยังตามออกนอกเมืองมาไกล ล้วนเป็นเพราะวาจาที่อีกฝ่ายเผลอกล่าวออกมาด้วยความตกใจ ทำให้มันคิดว่าอีกฝ่ายมีเบาะแสเกี่ยวกับดาบอสุรา

 

และการที่อีกฝ่ายมุ่งหน้าออกมาทางทิศตะวันตกก็สอดคล้องกับเบาะแสในกาลก่อน

 

มันจึงติดตามมาทันที

 

เป้าหมายของมันย่อมเป็นดาบอสุรา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!

 

ชายหนุ่มชุดม่วงที่เซี่ยจงติดตามมาไม่ใช่ใครอื่น…

 

เป็นต้วนหลิงเทียน!

 

‘สำเร็จ!’

 

หลังจากที่พบว่าเซี่ยจงดั่งมัจฉางับเหยื่อ ถูกเขาล่อลวงออกมาได้จริงๆแม้ต้วนหลิงเทียนจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความตื่นเต้น!

 

ก่อนหน้านี้เป็นแผนที่เขาคิดขึ้นเพื่อล่อให้เซี่ยจงออกห่างจากเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยน

 

ด้วยวิธีนี้ตอนที่เขาฆ่าเซี่ยจงก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกชายชรานั่นขวาง หรือถูกอีกฝ่ายลงมือฆ่าตาย!

 

และการที่จะล่อให้เซี่ยจงสลัดชายชรานั่นได้ ก็มีแต่ต้องหาแรงจูงใจที่มากพอให้มันถึงขั้นที่มันไม่ยินดีแบ่งปันกับผู้อื่น

 

ต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงดาบอสุราขึ้นมา

 

ดาบอสุรานั้นก็เป็นยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับ 1 ใน 10 รายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงไม่น้อย

 

สาเหตุที่เขานึกถึงดาบดังกล่าว เพราะเขาพึ่งได้ยินข่าวลือในนครแห่งบาปมา

 

เมื่อไม่นานมานี้ดูเหมือนดาบอสุราจะปรากฏขึ้นทางตะวันตก

 

และในนครแห่งบาป ก็เกรงว่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่ไม่รู้เรื่องราว

 

เซี่ยจงที่อยู่ในลัทธิอารามทมิฬ ซึ่งตั้งไม่ห่างนครแห่งบาปไหนเลยจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงสรุปได้ว่าเซี่ยจงต้องเคยได้ยินมาแน่ๆ เขาจึงวางแผนใช้ดาบอสุราเป็นเหยื่อล่อ หลอกให้เซี่ยจงติดกับ ถึงขั้นสลัดชายชราติดตามเขาออกมานอกเมืองแบบนี้

 

ก่อนออกจากนครแห่งบาป

 

ผู้เฒ่าหั่วก็ได้บอกต้วนหลิงเทียน

 

เซี่ยจงสลัดหลุดการติดตามของชายชรานั่นได้แล้ว

 

ตอนนี้เมื่อออกมาจากนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าแผนประสบความสำเร็จ!

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รีบร้อนลงมือ ยังคงมุ่งหน้าดิ่งไปทางตะวันตกสืบต่อ

 

‘ยิ่งเหินร่างไปไกลมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มันหลงเชื่อมากเท่านั้น’

 

นี่คือความคิดในหัวต้วนหลิงเทียนตอนนี้

 

‘หึ! เซี่ยจงวันนี้ที่เจ้าต้องตาย เจ้าก็ได้แต่โทษตัวเองเท่านั้นที่โลภเกินไป…ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามียอดศาสตราเซียนแค่ 10 ชนิด เจ้ามีตราผนึกมารของข้าอยู่แล้วแท้ๆยังจะละโมบอยากได้ยอดศาสตราชิ้นที่ 2 อีกหรือ?’

 

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเหินร่างมุ่งตะวันตกครุ่นคิดในใจอย่างรังเกียจ ‘เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นลูกรักของสวรรค์จริงๆรึไง!?’

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ

 

เหตุผลที่เซี่ยจงติดตามมา ล้วนเป็นเพราะมันอยากได้ดาบอสุราล้วนๆ

 

เช่นนั้นนับว่าครั้งนี้เหยื่อล่อของต้วนหลิงเทียนได้ตีเข้าจุดอ่อนธรรมชาติของมนุษย์เข้าอย่างจัง ความโลภ

 

เซี่ยจงยังโลภกว่าที่เขาคิด!

 

หลังเดินทางออกมาห่างจากนครแห่งบาปกว่าพันลี้ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หยุดร่างลง ก่อนที่จะโคจรเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันขึ้นมาทันที มวลพลังขุมหนึ่งปะทุออกอย่างกะทันหัน

 

‘ปฐมเวทย์กลืนกิน!’

 

ทันใดนั้นใจคิดจิตสั่งพลังเคลื่อน ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอันร้ายกาจทันที วังวนพลังดูดรั้งน่ากลัวขุมหนึ่งปรากฏขึ้นโดยมีร่างต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง!

 

และทันทีที่วังวนปรากฏ พลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณโดยรอบก็ถูกสูบกลืนเข้าร่างด้วยความเร็วสูง

 

พร้อมกันนั้นพลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนขึ้นด้วยอัตราเร็วที่น่าเหลือเชื่อ!

 

ตอนแรกพลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็มีพลังอำนาจเทียบเท่ากับพลังเซียนของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนอยู่แล้ว

 

ตอนนี้หลังใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน พลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล

 

ถึงแม้มันจะเพิ่มพูนยกระดับไปไม่ถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน หากแต่ยังมหาศาลเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั่วไปมากโข!

 

‘หลังทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนนภาแล้ว พลังเซียนสุริยันของข้าก็พัฒนาไปไม่น้อย…ตอนนี้ถึงจะไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ อาศัยแค่เวทย์พลังทั้งหมดรวมถึงเคล็ดยอดใจกระบี่ กระทั่งเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือข้า’

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังเซียนสุริยันอันมหาศาลที่ทรงพลังปานจะไร้คู่เปรียบหลังใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนร่างกายมีพลังล้นเหลือ บังเกิดอาการคึกคักร่างกายอยากปะทะ อยากได้คนมาสู้กันสัก 300 รอบให้สะใจนัก!

 

‘หากใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังระดับนี้…ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ไม่มีใครที่ข้าฆ่าไม่ได้! กระทั่งให้เป็นเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนทั่วไป ก็ไม่น่าจะรอดพ้นชะตาตายตกใต้คมกระบี่ข้าได้!’

 

ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความมั่นใจอย่างแรงกล้า

 

‘จริงสิ อย่างไรก็ไม่ควรให้เซี่ยจงมันตายสบายเกินไป…ตอนนี้ในเมื่อข้าพึ่งบรรลุถึงเซียนนภาขั้นต้น งั้นก็เล่นกับมันเป็นการปรับพลังไปในตัว’

 

‘อย่างน้อยก็ให้มันได้รู้…ว่าความสิ้นหวังและความรู้สึกสิ้นไร้พลังมันเป็นยังไง!’

 

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยจงกระทำดับเขาที่ตำหนักเมฆาครามวันนั้น ใจต้วนหลิงเทียนก็ท่วมท้นไปด้วยโทสะอันไร้สิ้นสุด

 

ตอนนี้โทสะยังลุกโหมดั่งเพลิงไฟ ราวกับจะแผดเผาทุกสรรพสิ่งให้มอดไหม้!

 

“หืม?”

 

“ไฉนอยู่ดีๆมันถึงหยุด?”

 

“มันกำลังทำอันใดกันแน่…?”

 

“อะไรกัน?! ไฉนอยู่ๆพลังของมันพุ่งสูงขึ้น? บ้าไปแล้วไฉนถึงได้เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้!?”

 

“เวทย์พลังที่มันใช้ออกเมื่อครู่ ที่แท้เป็นเวทย์พลังสนับสนุนผีสางอันใดกันแน่?!”

 

เซี่ยจงที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมา เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนหยุด มันก็หยุดเช่นกัน

 

และไม่นานมันก็พบความเคลื่อนไหวผิดปกติของต้วนหลิงเทียน

 

เพียงเวลาแค่ชั่วพริบตา ชายหนุ่มที่มันใช้ทักษะตรวจสอบผ่านสำนึกเทวะ และพบว่ามีพลังฝึกปรือแค่เพียงเซียนนภาขั้นต้น อยู่ๆก็ระเบิดพลังมหาศาลที่เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนออกมา!

 

ถึงแม้พลังในร่างของชายหนุ่มจะไม่อาจเทียบพลังเซียนต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนของมันได้ แต่ก็แทบจะทัดเทียมกัน!

 

“ดูเหมือนไอ้หนูนี่จะมีความลับไม่น้อยทีเดียว!!”

 

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยจงก็ไม่ได้ตระหนักถึงวิกฤตการณ์ใดๆ เพราะสุดท้ายแล้วพลังของต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่มากพอจะคุกคามมันได้

 

เพราะตอนนี้มันยังไม่ได้ทำอะไร พลังก็เหนือกว่าอีกฝ่ายแล้ว

 

หากมันสำแดงเวทย์พลังอะไรออกมา มันย่อมเหนือกว่าอีกฝ่ายหลายขุม

 

“เซี่ยจง!”

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่เซี่ยจงกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เสียงหนึ่งก็ลั่นดังเข้าหูของมัน น้ำเสียงยังแข็งกร้าวกระด้างกระเดื่องถึงที่สุด

 

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือเสียงนี้กลับคุ้นหูของมันนัก! คลับคล้ายคลับคลาว่ามันจะเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน!!

 

หลังจากรู้สึกตัวเซี่ยจงก็พบว่า

 

ชายหนุ่มชุดม่วงที่มันติดตามออกมาพักใหญ่ ไม่ทราบหันกลับมามองมันตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกฝ่ายยังย่ำเท้าลงกลางหาวพุ่งร่างเข้ามาหามันดั่งสายลมพัด พริบตาก็มาหยุดเผชิญหน้ากับมัน

 

“เจ้า…เจ้าหาข้าเจอด้วยหรือ?”

 

หน้าเซี่ยจงเปลี่ยนไปไม่น้อย นั่นเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะสัมผัสได้แต่แรกว่ามันลอบสะกดรอยตามมา

 

ที่สำคัญอีกฝ่ายคล้ายจะรู้จักมันด้วย!

 

หาไม่แล้วจะเรียกชื่อมันออกมาได้ยังไง?

 

“เป็นข้าจงใจล่อให้เจ้าตามมาเอง แล้วมีหรือข้าจะไม่รู้ตัวว่าถูกเจ้าสะกดรอยตามมา?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองเซี่ยจงด้วยสายตาดูแคลนกล่าวออกดว้ยน้ำเสียงเย้ยหยัน

 

“เจ้า…เจ้าล่อข้าออกมางั้นเหรอ?!”

 

ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน หากเซี่ยจงยังไม่ทราบว่าที่แท้นี่มันเรื่องราวอันใด ก็เสียทีที่มันอยู่มาหลายปีแล้ว

 

ที่แท้ที่อีกฝ่ายกล่าวถึงดาบอสุรา ทั้งหมดเพื่อจงใจล่อให้มันออกมาติดกับ!

 

จังหวะนี้สีหน้าของเซี่ยจงมืดคล้ำดำลงทันใด เร่งหันรีหันขวางยกใหญ่ สำนึกเทวะกวาดกำจายออกไปเต็มกำลัง หมายตรวจสอบว่าที่แท้ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้ามีผู้ช่วยที่กำลังซุ่มซ่อนตัวอยู่กี่มากน้อย เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่มือมัน

 

“ไม่ต้องหาให้เสียเวลา…ที่นี่มีแค่ข้ากับเจ้า”

 

เมื่อเห็นการกระทำทั้งสีหน้าของเซี่ยจง ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าในหัวมันคิดอะไรอยู่ อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยมันออกมาอีกรอบ!