ตอนที่ 2113

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,113 : ตัวตนเปิดเผย!

 

“แค่เจ้ากับข้า?”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เซี่ยจงยังคงไม่เชื่อ มองสำรวจไปรอบๆไม่หยุด

 

สำนึกเทวะของมันยังแผ่ออกไปสำรวจทุกซอกทุกมุม ราวกับคล้ายหากไม่พบเจอตัวคนที่กำลังซุ่นซ่อนอยู่มันจะไม่ยอมเลิกรา

 

เห็นการกระทำของเซี่ยจงต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่เขาก็คร้านจะกล่าวซ้ำคำเดิม

 

ลูกตาของเขายิ่งมายิ่งฉายความเย็นชา ทำให้เซี่ยจงที่หันรีหันขวางรู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง และเมื่อสำนึกเทวะมันไม่พบอะไรแล้วจริงๆ มันหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาระวัง

 

อีกทั้งตอนนี้มันยังสัมผัสได้ชัดเจนถึงเจตนาฆ่าฟันที่คุกรุ่นขึ้นมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียน

 

“เจ้าที่แท้เป็นผู้ใด ไฉนถึงต้องล่อข้ามาที่นี่?”

 

เซี่ยจงกล่าวถามเสียงหนัก

 

ขณะเดียวกันมันก็ยังระแวงที่ทางโดยรอบไม่หาย แม้จะไม่พบเจออะไรก็ตาม สองตาล็อกแล็กมองไปมา ราวกับกลัวว่าอยู่ๆจะมีคนผุดโผล่จากความว่างแล้วลงมือลอบทำร้าย

 

สำหรับชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า เค้าโครงรูปร่างทั้งน้ำเสียงอีกฝ่ายช่างละม้ายคล้ายคุ้นสำหรับมันไม่น้อย ทว่าให้คิดเท่าไหร่ก็ติดอยู่ในใจ…

 

ไม่อาจนึกออก!

 

อย่างไรก็ตามมันมั่นใจมาก

 

ว่ามันไม่น่าจะเคยพบเจอชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มาก่อน! อย่างน้อยๆก็ไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่าย และที่สำคัญมันพบว่าใบหน้าอีกฝ่ายไร้ซึ่งร่องรอยการปลอมแปลงโฉมใดๆ!!

 

ด้วจเหตุนี้ใจมันถึงสับสนนัก

 

ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ที่แท้เป็นใครกันแน่?

 

แล้วล่อมันออกมาทำอะไร?

 

ไฉนถึงทำให้มันรู้สึกคุ้นเคยนัก?

 

“ข้าเป็นใคร?”

 

ได้ยินคำถามของเซี่ยจงต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะยิ่งมายิ่งดังลั่นราวกับคนบ้า ทำให้เซี่ยจงประสาทจะกิน!

 

“เจ้าหัวเราะอะไร?”

 

เสียงหัวเราะทั้งรอยยิ้มแสสยะของต้วนหลิงเทียนทำให้ใจเซี่ยจงของขึ้นไม่น้อย “ไอ้หนูเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้าคืออา…”

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร อาวุโสของลัทธิอารามทมิฬ? แถมเจ้ายังจะบอกข้าว่าเจ้าเป็นถึงลูกชายของ จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬใช่หรือไม่?”

 

ทว่าไม่รอให้เซี่ยจงกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาที่อีกฝ่ายคิดประกาศศักดิ์ดาออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน กล่าวจบค่อยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง “หากเจ้าคิดจะบอกเรื่องไร้สาระนี้กับข้า…เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องเสียเวลาพล่ามอะไรให้มาก! เพราะข้ารู้จักเจ้าดีหาไม่แล้วไฉนข้าต้องจงใจล่อเจ้าออกมาคนเดียวด้วย…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองเซี่ยจงด้วยสายตาลี้ลับ รอยยิ้มเหน็บแนมฉีกแสยะที่มุมปาก

 

“เจ้า…เจ้าที่แท้เป็นใครกันแน่!?”

 

หน้าเซี่ยจงยิ่งมายิ่งเปลี่ยนสีกลับกลาย เสียงยังเข้มขึ้นเรื่อยๆ

 

จังหวะนี้แม้มันจะไม่คิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงจะมีพลังมากพอคุกคามอะไรมันได้ ทว่าในใจกลับมีสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งร้องเตือนดังจ้า ยากอธิบายนัก

 

มันคิดว่าสังหรณ์อัปมงคลนี้ สมควรบังเกิดจากคนที่ซ่อนตัวและคอยสนับสนุนชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้

 

เช่นนั้นสำนึกเทวะของมันยังคงแผ่ขยายออกไปไม่หยุด พยายามตรวจหามือมืดให้พบให้จงได้

 

“เซี่ยจงเบิกตาของเจ้าดูให้ดีๆ ว่าข้าเป็นใคร…”

 

ทันใดนั้นน้ำเสียงต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปในฉับพลัน ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อใบหน้าก็เริ่มขยับเขยื้อน รูปโฉมแปรเปลี่ยนไปอย่างน่าตื่นตระหนก…พริบตาใบหน้าที่ปรากฏให้เซี่ยจงเห็นก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์!

 

อีกทั้งใบหน้าดังกล่าวยังเป็นโฉมหน้าที่แท้จริงอีกด้วย!

 

เมื่อเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน ลูกตาของเซี่ยจงหดเล็กลงทันใด หน้าตาฉายชัดถึงความตกใจไม่อยากจะเชื่อ ปากอ้าพะงาบๆไร้สำเนียง คล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออกอยู่นาน

 

เวลายังคล้ายจะหยุดนิ่งลง

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา มันก็ย่อมจดจำต้วนหลิงเทียนได้ทันที

 

เพราะในตอนนั้นมันฉกชิงของล้ำค่ามาจากมืออีกฝ่าย…ตราผนึกมาร! 1 ใน 10ยอดศาสตราเซียนของทำเนียบศาสตราเซียนที่เลิศล้ำที่สุด!

 

หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ มันคงฆ่าอีกฝ่ายให้ตายไปแล้ว!

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่มันไม่ฆ่าอีกฝ่ายทิ้งไม่ใช่เพราะแค่เรื่องที่อีกฝ่ายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บเท่านั้น

 

ยังเป็นเพราะวันนั้นที่ตำหนักเมฆาคราม สำนึกเทวะของมันได้แผ่ออกไปตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างละเอียดแล้วพบว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็แค่สีเหลืองเท่านั้น

 

ในสายตาของมัน กับอีแค่คนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง ต่อให้ในภูมิภาคเบื้องล่างจะร้ายกาจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่นับเป็นตัวอะไรในสายตามัน

 

มันรู้สึกว่าการฆ่าต้วนหลิงเทียนนั้นไร้จำเป็น อีกทั้งอย่างไรอีกฝ่ายก็สืบทอดมรดกของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ มันกลัวว่าการลงมือของมันอาจจะชักนำเภทภัยอะไรมาสู่มันในภายหลัง จึงเลือกจะไม่ฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้ง

 

“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน! ได้…ได้อย่างไร!? เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

 

ในที่สุดเซี่ยจงก็ฟื้นจากอาการสติหลุด

 

หลังได้สติกลับคืนมันก็อดไม่ได้ที่จะสูดมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจถึงที่สุด คำเหนือคาดคล้ายจะเขียนแปะไว้กลางหน้าผาก แววตาทอประกายเหลวไหลไม่อยากจะเชื่อ

 

มันไม่เคยคิด กระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึง…

 

ว่าหลังใช้เวทย์พลังสนับสนุนแล้ว ชายหนุ่มในชุดม่วงที่ล่อมันมาหรือก็คือต้วนหลิงเทียนที่มันพบเจอในตำหนักเมฆาครามของภูมิภาคเบื้องล่างนั้น จะมีพลังกล้าแข็งได้ถึงขนาดนี้!

 

เพราะในสายตามันเมื่อกาลก่อน

 

ต้วนหลิงเทียนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง กระทั่งบรรลุให้ถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดยังยาก และชั่วชีวิตคงไม่มีทางบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาได้ หากไม่พบพานวาสนาอันใด

 

และถึงจะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนนภาได้จากความบังเอิญและวาสนา แต่ก็คงยากจะก้าวหน้าใดๆได้แล้ว

 

ในสายตาของมันที่เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ต่อให้ภายภาคหน้าต้วนหลิงเทียนจะเติบโตขึ้นมาแค่ไหน ก็ยังคงเป็นได้แค่ มดปลวก ในสายตาของมันดังเดิม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเป็นภัยคุกคามอะไรได้ ยังไม่คู่ควรกล่าวถึงต่อหน้ามันด้วยซ้ำ!

 

อย่างไรก็ตามมันไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องราวได้จริงๆ

 

ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 ปี ต้วนหลิงเทียนนายน้อยตำหนักเมฆาครามของภูมิภาคเบื้องล่างที่เป็นดั่งมดในสายตาของมันวันนั้น กลับเติบโตขึ้นถึงขั้นมีพลังฝีมือสูงพอจะไล่ตามมันได้ทัน!

 

“เซี่ยจง”

 

ต้วนหลิงเทียนเพิกเฉยความประหลาดใจของเซี่ยจง มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชากล่าวออกด้วยเสียงทุ้มไร้แยแส

 

“วันนั้นเจ้าไม่เพียงฆ่าผู้อาวุโสกู่มี่ทั้งเข่นฆ่าคนของตำหนักเมฆาครามข้า แต่หลังเอาตราผนึกมารของข้าไปแล้วเจ้ายังไม่คิดเลิกรา กลับข่มขู่ว่าจะฆ่าล้างตำหนักเมฆาครามของข้า…ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำไม่สำเร็จก็ตามที”

 

“แต่ตอนนั้นข้าได้สาบานเอาไว้ในใจ…หากข้าต้วนหลิงเทียนไม่อาจฆ่าเจ้าได้ข้าจะไม่ขออยู่เป็นคน!”

 

“วันนี้ถึงเวลาที่ข้าต้องกระทำตามคำสาบานนั่นแล้ว…”

 

ตอนแรกเสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนนั้นเย็นชาไร้แยแสถึงที่สุด หากทว่ายิ่งกล่าวก็ยิ่งสงบ สุดท้ายก็สงบลงอย่างประหลาด

 

ทว่าเจตนาฆ่าฟันที่แผ่ออกทั่วร่างยิ่งมาก็ยิ่งมีมาก

 

ลึกลงไปในแววตายังเผยประกายสังหารอำมหิต

 

“ฮ่าๆๆๆ..!!”

 

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน พร้อมยืนยันได้อย่างมั่นใจแล้วว่ารอบๆไม่มีใครซ่อนตัวอยู่ เซี่ยจงที่เคร่งเครียดอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

ต้วนหลิงเทียนเพียงมองมันที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างสงบ

 

ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะของเซี่ยจงก็หยุดลง มันมองไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูถูก “ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะไปพบพานวาสนาปากฏิหาริย์โดยบังเอิญอันใดมา จนทำให้เจ้าที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณต้อยต่ำกระเสือกกระสนดิ้นรนมาได้จนมีพลังขนาดนี้…”

 

“แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยเพียงพลังเท่านั้น มันมากพอจะทำอะไรข้าได้?”

 

ถึงแม้ความ ‘ก้าวหน้า’ ในเวลาไม่ถึง 2 ปีของต้วนหลิงเทียนจะทำให้เซี่ยจงประหลาดใจและเหลือเชื่อนัก

 

อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าเรื่องราวได้เกิดขึ้นไปแล้ว ต่อให้มันจะประหลาดใจและไม่อยากเชื่อเพียงไหนแต่มันก็เท่านั้น

 

สุดท้ายมันจึงสงบสติอารมณ์ลงได้

 

ในขณะเดียวกันมันก็พอคาดเดาเรื่องราวได้บางประการ

 

เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนกล้าโอหังต่อหน้ามันทั้งๆที่มีพลังเพียงเท่านี้ ไม่พ้นคิดอาศัยการแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแน่ๆ!

 

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน หากแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ แม้ยังยากจะเอาชนะมันได้ แต่หากจะสู้แลกตายกับมันยังพอมีหวัง

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หวาดกลัวเลย

 

มัน เซี่ยจง คนนี้ เป็นถึงบุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ อีกทั้งยังเป็นลูกชายเพียงคนเดียว

 

นอกจากพลังฝีมือเข้มแข็งส่วนตัวแล้ว หรือมันไม่มีตัวช่วยอื่นใด?

 

‘ต่อให้มันแปลงร่างเป็นนักรบ 9 มังกร อย่างดีก็ได้แค่สู้กับข้าได้สูสี…ถึงให้มันจะมีทีเด็ดไม้ตายอะไรอยู่อีกหรือข้าไม่มี? หรือไม่ข้าก็แค่ถอยแล้วใช้หยกสื่อสารเรียกผู้เฒ่าฉู่มาจัดการมันเท่านั้น’

 

‘ให้ไพ่ตายของมันร้ายกาจยังไง อาศัยพลังที่ทัดเทียมกัน มันก็ไม่มีทางฆ่าข้าได้หากข้าคิดจะหนี! เช่นนั้นเพียงถ่วงเวลาให้มากพอรอผู้เฒ่าฉู่มาก็จบเรื่อง ถึงตอนนั้นข้าค่อยส่งมันไปลงนรกด้วยมือข้า!’

 

เมื่อคิดในใจถึงจุดนี้ เซี่ยจงก็บังเกิดความมั่นใจ และไม่ได้หวาดกลัวอะไรต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

 

“ทำอะไรเจ้าได้หรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา ก่อนที่ร่างของเขาจะสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

ทันใดนั้นเองพลังเซียนสุริยันอันสุดไพศาลก็ทะลักออกมาจากแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียน พวกมันควบรวมแปรสภาพกลับกลายเป็นปีกเพลิงมหึมาคู่หนึ่ง ไอร้อนเปลวเพลิงลุกโชนพุ่งพล่านอย่างน่ากลัว!

 

อีกทั้งปีกยังมีรูปลักษณ์เสมือนปีกจริงๆนัก ด้วยเปลวเพลิงที่ลุดโชน พาลให้บรรยากาศโดยรอบร้อนขึ้นหลายองศา

 

ปีกอีกาทองคำ!

 

เวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก!

 

ยังเป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างขั้นสูง!

 

“จะ…เจ้าคือต้วนหลิงเทียน จากลัทธิบูชาไฟงั้นเรอะ!!”

 

ทันใดนั้นเซี่ยจงพลันร้องโพล่งออกมาดังลั่น

 

และหากตั้งใจฟังจะได้ยินชัดเจน

 

ว่าเสียงโพล่งอุทานของเซี่ยจงมันสั่นไม่น้อย

 

เมื่อเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าและเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก เซี่ยตงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธพิบูชาไฟที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาในเวลาอันสั้น!

 

ต้วนหลิงเทียน!

 

ต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟผู้นั้น สามารถเอาชนะ ปู้หง อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 จนแทนที่อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 แทน!

 

ยังได้รับอันดับที่ 421 ในรายนามยอดเซียนไปครองอีกด้วย!

 

ทันทีที่อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว แน่นอนว่าไม่พ้นความสามารถของต้วนหลิงเทียนจะถูกผู้คนหยิบมาตีแผ่กล่าวขาน กระทั่งเรื่องที่สามารถบรรลุเวทย์พลังชั้นสูงทั้ง 4 สาย ก็เป็นที่สร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!

 

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ชายชราอายุหลายพันปีคนหนึ่งจะเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 4 ชนิด

 

ทว่าในฐานะอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟผู้นี้ยังเป็นรุ่นเยาว์! ทว่าเพียงรุ่นเยาว์คนหนึ่งกลับเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงถึง 4 สาย!

 

เรื่องนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!

 

ด้วยเหตุนี้พลังความสามารถของเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 4 ของต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นที่เลื่องลือไม่น้อย ยังแพร่กระจายไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน เซี่ยจงที่อยู่ในลัทธิอารามทมิฬก็เคยได้ยินมาเช่นกัน

 

‘นั่นเป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างขั้นสูงของต้วนหลิงเทียนแห่งลัทธิบูชาไฟไม่ผิดแน่!’

 

เช่นนั้นเซี่ยจงจึงบอกอัตลักษณ์ต้วนหลิงเทียนได้ทันทีจากเวทย์พลังที่เขาใช้ออก นั่นเพราะเวทย์พลังนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเกินไป!!