ตอนที่ 821 วิธีการปิดผนึก

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ณ จวนเจ้าเมืองภายในเมืองเทียนหยวน ฉินอวี้โม่เชิญผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งหลายมาประชุมร่วมกันอย่างเร่งด่วน

เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความลับของสมรภูมิรบใต้ดิน ผู้ที่ถูกเรียกมาเข้าร่วมในการหารือครานี้จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“เสี่ยวอวี้โม่ มีเรื่องด่วนอะไรรึถึงได้เรียกพวกเรามาที่นี่ ?”

เฉินเซี่ยวลั่วเอ่ยถามเป็นคนแรก ในตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว การที่ฉินอวี้โม่เชิญทุกคนมาเขาร่วมประชุมในจวนเจ้าเมืองในเวลานี้จะต้องเป็นเพราะนางค้นพบเบาะแสใหม่อย่างแน่นอน

“เมื่อครู่พวกเราออกไปสำรวจนอกเมืองและค้นพบแล้วว่าสมรภูมิรบโบราณตั้งอยู่ที่ใด รอบ ๆ ที่แห่งนั้นก็ถูกสะกดไว้โดยผนึกที่ทรงพลังอย่างที่คิดไว้จริงๆ แม้มันจะยังถือว่าแข็งแกร่งมาก ทว่าพลังของผนึกนั้นก็สลายหายไปส่วนหนึ่งและอ่อนแอลงพอสมควร หากจอมยุทธ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดมาด้วยตัวเอง เกรงว่าผนึกนั่นอาจถูกทำลายไปได้ เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากหารือกับทุกท่านและหาทางเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึกดังกล่าวเพื่อที่มันจะไม่ถูกทำลายไปภายในเวลาอย่างน้อยสามปี”

ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือคำนวณเวลาและคาดการณ์ไว้ว่าพวกตนจะพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นจอมยุทธ์อันดับต้น ๆ ของดินแดนภายในสามปีเป็นอย่างมาก หากประจันหน้ากับจอมยุทธ์ปีศาจในตอนนั้น โอกาสเอาชนะก็มีมากพอสมควร ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนในสมรภูมิรบน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป หากได้รับการฟื้นคืนชีพตามแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจจริง ทั้งดินแดนมหาเทพจะต้องตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายอย่างแน่นอน และนั่นมิใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการให้มันเกิดขึ้น

“ข้าคิดว่าระดับพลังของจอมยุทธ์แกร่งกล้าผู้นั้นคงจะเหนือกว่าจินตนาการของพวกเราไปมากแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ เกรงว่าการซ่อมแซมมันจะยากเย็นพอสมควร”

ซ่างสี่ซานขมวดคิ้วมุ่น ทว่าสิ่งที่เขากล่าวออกไปนั้นเป็นความจริง

แม้แต่ในดินแดนมหาเทพ พวกเขาก็ยังไม่ถือเป็นจอมยุทธ์อันดับต้น ๆ ด้วยซ้ำและยังด้อยกว่าจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าที่สร้างผนึกเมื่อหลายพันปีก่อนเป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ การซ่อมแซมผนึกของผู้แกร่งกล้ามิใช่เรื่องง่ายเลย

“มันก็ไม่ยากจนเกินไปหรอก ข้าหารือกับอสูรมายาของข้าแล้วและเราสามารถจัดตั้งข่ายอาคมรวมวิญญาณขึ้นมาได้ ด้วยความช่วยเหลือของข่ายอาคมนี้ ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าและจะซ่อมแซมผนึกในส่วนที่อ่อนแอที่สุดได้”

ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์แกร่งกล้าผู้นั้นเหนือชั้นจนเกินไปและพวกนางไม่สามารถซ่อมแซมมันได้สำเร็จด้วยพลังของตนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ในศาสตร์ของการวางข่ายอาคม มันก็ยังมีข่ายอาคมรวมวิญญาณที่สามารถเพิ่มพลังของจอมยุทธ์คนหนึ่งได้อย่างมหาศาล ข่ายอาคมชนิดนี้สามารถรวบรวมพลังมายาของพวกเขาหลายคนเข้าด้วยกันได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะมีโอกาสซ่อมแซมผนึกได้ตามที่วางแผนไว้

“น้องอวี้โม่ ในเมื่อเจ้าคิดแผนการไว้แล้วก็เพียงแค่บอกพวกเรามาตรง ๆ เถอะ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เราจะทำตามที่เจ้าบอก ไม่ว่าเจ้าจะขอให้เราทำอะไร เราก็จะไม่คัดค้าน”

โหรวฉิงตบไหล่ฉินอวี้โม่เบา ๆ และกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

นางและทุกคนในที่แห่งนี้มิใช่ผู้ใช้ข่ายอาคมและไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันมากนัก พวกนางเพียงมั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะไม่ทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อพวกตนและจะปฏิบัติตามแผนการของนางอย่างเต็มใจ

“ถูกต้อง พวกเราจะทำตามแผนการของเจ้า”

คนอื่น ๆ พยักศีรษะเช่นกันเพื่อยืนยันว่าทุกอย่างที่พวกเขาจะทำต่อไปขึ้นอยู่กับการจัดสรรเตรียมการของฉินอวี้โม่

“ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปกันเลยเถอะ”

ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธและยืนขึ้นทันทีก่อนหยิบคฤหาสน์เฟิงหัวคู่กายออกมา

จอมยุทธ์ปีศาจถูกบีบไล่ต้อนจนถอยกลับไปแล้วและคงจะไม่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงในตอนนี้ อีกอย่าง จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นคงไม่คิดว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะตามหาสมรภูมิรบโบราณได้พบอย่างรวดเร็วเช่นนี้และคงไม่อาจขัดขวางพวกนางได้ทัน

ยิ่งไปกว่านั้น ทางเข้าสมรภูมิรบก็ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนและคนเหล่าอาจจะยังตามหามันไม่พบเลยด้วยซ้ำ

ในตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้วและท้องฟ้าก็มืดสลัวเต็มที เชื่อว่าการซ่อมแซมผนึกในตอนนี้จะไม่เป็นที่สังเกตของผู้ใด

“เพื่อความปลอดภัย ทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์มิติของข้าก่อนเถอะ”

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันการถูกสังเกตเห็น ฉินอวี้โม่จึงเลือกที่จะส่งคนเหล่านี้เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวของตน

จ้าวเหลียงได้ออกไปตามคนจำนวนหนึ่งมาที่นี่และแสร้งทำเป็นว่าพวกเขากำลังหารือกันอยู่ในห้องหนังสือของจวนเจ้าเมือง ทว่าแท้จริงแล้วตัวเขาได้เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวแล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเหลียงและคนอื่น ๆ เข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อมองเห็นสิ่งที่มิใช่เป็นเพียงคฤหาสน์หลังเดียว หากแต่เป็นนครกว้างใหญ่ตรงหน้า พวกเขาทุกคนก็อดตกตะลึงไม่ได้

แม้พวกเขาจะมีประสบการณ์มากมายและใช้ชีวิตอยู่มาอย่างยาวนานหลายร้อยปี รวมถึงออกท่องไปทั่วดินแดนมหาเทพมาแล้ว ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นสิ่งที่ทั้งงดงามและน่าทึ่งเช่นคฤหาสน์เฟิงหัวมาก่อน

“เสี่ยวอวี้โม่ สำหรับคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ อย่าเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบเกี่ยวกับมันจะดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกจอมยุทธ์ปีศาจ พวกเขาจะทราบถึงการมีอยู่ของคฤหาสน์มิตินี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นมันจะนำพาปัญหาความวุ่นวายมาเป็นแน่”

จ้าวเหลียงกล่าวเตือนฉินอวี้โม่อย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่จอมยุทธ์ปีศาจเท่านั้น ทว่าคนจากสามสำนักและเก้านิกายก็จะให้ความสนใจกับฉินอวี้โม่มากเป็นพิเศษหากทราบถึงคฤหาสน์เฟิงหัวที่ทรงพลังนี้ ถึงอย่างไรสิ่งที่ยอดเยี่ยมน่าทึ่งอย่างคฤหาสน์มิติก็เป็นของหายากอย่างยิ่ง จนถึงปัจจุบันนี้ ในดินแดนมหาเทพก็มีมิติที่สองเพียงหยิบมือเท่านั้น แม้แต่จอมยุทธ์ระดับสูงของสามสำนักและเก้านิกาย เขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดครอบครองมิติที่สองเช่นนี้

“พวกเราสาบานได้ว่าจะไม่มีทางแพร่งพรายเรื่องคฤหาสน์เฟิงหัวต่อผู้ใดโดยเด็ดขาด”

ซ่างสี่ซานลอบมองไปที่โจวปิ่งฮุยก่อนกล่าวขึ้นเป็นคนแรก

“ชะ..ใช่ ใช่ ข้าก็ยินดีหลั่งเลือดสาบานเช่นกันและจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อผู้ใดโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าขอให้สวรรค์เบื้องบนลงทัณฑ์ข้า”

โจวปิ่งฮุยรีบกล่าวอย่างไม่ลังเลเช่นกัน ความสัมพันธ์ของเขาและฉินอวี้โม่อยู่ในระดับธรรมดา ๆ เพียงเท่านั้น เขาทราบดีว่ามีเพียงการหลั่งเลือดสาบานเท่านั้นที่จะแสดงความจริงใจได้อย่างชัดเจน

เนื่องจากความผิดที่เคยก่อไว้ในอดีต ในเวลานี้เขาจึงพร้อมที่จะยอมประนีประนอมและอ่อนข้อต่อทุกอย่าง และยิ่งได้อยู่ใกล้กับฉินอวี้โม่มากเพียงใด เขาก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสตรีผู้นี้มากถึงเพียงนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น หานโม่ฉือที่อยู่ข้างกายนางก็ทำให้โจวปิ่งฮุยรู้สึกหวาดกลัวเป็นที่สุด ทุกคราที่บังเอิญสบตากัน ผู้นำตระกูลโจวก็มักจะรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาและอดปรารถนาที่จะเข้าไปคุกเข่าเพื่อแสดงความจำนนไม่ได้

จากนั้นทุกคนก็หลั่งเลือดสาบานทีละคนเช่นกันและให้คำมั่นว่าจะไม่กล่าวถึงคฤหาสน์เฟิงหัวต่อผู้ใด

“อันที่จริงทุกท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอก ในเมื่อข้าพาเข้ามาในนี้ นั่นก็หมายความว่าข้าเชื่อใจทุกท่านมากแล้ว”

แม้ฉินอวี้โม่จะรู้สึกว่าการหลั่งเลือดสาบานเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่นางก็ไม่คัดค้านเช่นกัน นางทราบดีว่ามีเพียงการหลั่งเลือดสาบานเท่านั้นที่ทำให้มั่นใจว่าทุกคนจะทำตามวาจาได้จริง ยิ่งไปกว่านั้น แม้โจวปิ่งฮุยจะวางตัวดีและไม่ทำสิ่งที่น่ากังวลตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ มันก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป การหลั่งเลือดสาบานเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ทุกคนคลายกังวลได้มากขึ้น

“การที่จอมยุทธ์อวี้โม่ไว้ใจพวกเราเช่นนี้ถือเป็นเกียรติอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การหลั่งเลือดสาบานก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น คฤหาสน์เฟิงหัวนี้เป็นสิ่งที่ล้ำค่าและสำคัญมากเกินไป หากพวกคนชั่วทราบเกี่ยวกับมัน เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายกับจอมยุทธ์อวี้โม่ได้ การระมัดระวังและเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าย่อมดีที่สุด”

โจวปิ่งฮุยคลี่ยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

ดินแดนมหาเทพแตกต่างจากดินแดนเทพมายามากนัก ทุกอย่างที่นี่ซับซ้อนมากเกินไป หากได้ทราบเกี่ยวกับมิติที่สองที่เป็นคฤหาสน์กว้างใหญ่เท่าเมืองทั้งเมืองเช่นนี้จะต้องมีใครบางคนที่คิดจะฉกฉวยเอามันไปอย่างแน่นอน และความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นก็ยังเหนือกว่าระดับที่ฉินอวี้โม่จะรับมือได้ในตอนนี้…

ขณะทุกคนพูดคุยกันอยู่ คฤหาสน์เฟิงหัวก็มาถึงทะเลสาบไร้นามที่ส่งกลิ่นเหม็นแล้ว

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและขับเคลื่อนคฤหาสน์คู่กายลงในทะเลสาบทันทีก่อนมาถึงข้างหน้าทางเดินลาดชัน

“หากมิใช่เพราะเจ้าพามา พวกเราคงคิดไม่ถึงเลยว่าทางเข้าของสมรภูมิรบใต้ดินจะอยู่ในทะเลสาบเหม็น ๆ นี่”

โหรวฉิงอดกล่าวพร้อมถอนหายใจกับตัวเองไม่ได้ นางเคยเข้ามาใกล้ทะเลสาบผืนนี้ทว่ากลิ่นเหม็นเน่าของมันก็รุนแรงจนเกินจะทนไหว หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวลงมาสำรวจจนพบ นางก็ไม่มีทางกระโดดลงมาและค้นหาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

ไม่แปลกใจเลยที่จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นจะไม่พบทางเข้ามาเป็นระยะเวลานาน ตำแหน่งของมันถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน

ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ก็พยักศีรษะเห็นด้วยเช่นกัน สำหรับพวกเขา การต้องกระโดดลงมาในทะเลสาบผืนนี้ร้ายแรงยิ่งกว่าการกระโดดลงในภูเขาไฟคุกรุ่นเสียอีก ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะไม่เคยพบทางเข้านี้ทั้งที่อยู่ในเมืองเทียนหยวนมานาน

หลังเดินตามเส้นทางลาดชันลงไปเรื่อย ๆ ไม่นานนักทุกคนก็ปรากฏตัวตรงหน้าสมรภูมิรบโบราณที่ถูกปิดผนึกไว้