ตอนที่ 822 จอมยุทธ์ปีศาจปรากฏตัวอีกครั้ง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

ทุกคนเดินเข้ามาและหยุดลงตรงหน้าผนึกขวางกั้น

เมื่อเห็นสมรภูมิรบกว้างใหญ่จนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดตรงหน้า ทุกคนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา

พวกเขาอยู่ในดินแดนมหาเทพแห่งนี้มานานหลายร้อยปีและประสบพบเจอกับการต่อสู้มาแล้วมากมาย อย่างไรก็ตาม ซากศพของจอมยุทธ์จำนวนมากและซากอสูรมายานับไม่ถ้วนตรงหน้าก็สามารถทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงครามครั้งใหญ่เมื่อนับพันปีก่อน แรงกดดันที่มองไม่เห็นซึ่งถาโถมเข้ามาก็ทำให้สีหน้าของทุกคนตึงเครียดไม่ต่างกัน

“นี่คือสมรภูมิรบโบราณ…”

จ้าวตั๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังตกตะลึง

“ซากศพเหล่านี้ยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ยิ่งนัก ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าในตอนนั้นจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเพียงใด !”

เฉินเซี่ยวลั่วกล่าวและถอนหายใจกับตัวเอง แม้ผ่านเวลามานานนับพันปี ซากศพของทั้งมนุษย์และอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่เช่นเดิม หากมิใช่เพราะพลังอันน่าทึ่งของจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าที่ปิดผนึกพวกมันเอาไว้ เกรงว่าคงไม่มีทางที่จะรักษาสภาพเดิมเช่นนี้ไว้ได้

“ไม่…นี่มิใช่เป็นเพราะพลังของจอมยุทธ์ผู้นั้นแกร่งกล้าเกินไปหรอก ทว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับสมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ เพราะเหตุนั้น พวกจอมยุทธ์ปีศาจจึงสัมผัสถึงที่นี่ได้และต้องการที่จะใช้วิธีการพิเศษในการฟื้นคืนชีพวิญญาณที่ล้มตายอยู่ที่นี่”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ ผนึกของจอมยุทธ์แกร่งกล้าผู้นั้นทำได้เพียงสะกดพลังงานและขัดขวางมิให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปในสมรภูมิรบโบราณได้ ส่วนสาเหตุที่ซากศพทั้งหมดในสมรภูมิรบยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นั้นก็เป็นเพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับที่แห่งนี้ ในตอนนี้ฉินอวี้โม่ยังไม่มั่นใจว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นคืออะไร บางทีในวันหนึ่ง เมื่อนางได้เข้าไปในสมรภูมิรบโบราณนี้ นางก็อาจจะไขปริศนาที่สงสัยได้

“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราซ่อมแซมผนึกกันก่อนเถอะ”

จ้าวเหลียงแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบและพบจุดที่อ่อนแอที่สุดของผนึกตรงหน้า

ไม่แปลกใจเลยที่หลัง ๆ มานี้พวกจอมยุทธ์ปีศาจจะปรากฏตัวขึ้นบ่อยนัก แท้ที่จริงก็เป็นเพราะผนึกดั้งเดิมอ่อนแอลงไปมากนี่เอง

“มารยา”

ฉินอวี้โม่เอ่ยเรียกมารยาก่อนที่ทั้งสองจะร่วมมือกันจัดวางข่ายอาคมรวมวิญญาณอย่างรวดเร็ว

ข่ายอาคมรวมวิญญาณมิใช่ข่ายอาคมที่มีระดับสูงจนเกินไป ทว่ามันสามารถรวบรวมพลังมายาของทุกคนได้ชั่วคราวและให้กำเนิดพลังที่แกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น

สำหรับการประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ ข่ายอาคมรวมวิญญาณไม่มีประโยชน์เท่าใดนัก ทว่าในการสร้างม่านป้องกันหรือจัดวางผนึก มันก็มีประโยชน์น่าทึ่งอย่างที่สุด

ตัวอย่างเช่นผนึกตรงหน้าทุกคนในเวลานี้ จอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าเมื่อนับพันปีก่อนถือว่ามีพลังที่มหาศาลเกินไปและแทบไม่มีทางเลยที่ผู้ใดจะซ่อมแซมมันได้ด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม หากมีข่ายอาคมรวมวิญญาณเข้ามาช่วย พลังของทุกคนก็จะถูกเชื่อมโยงจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้และฉินอวี้โม่เพียงต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อควบคุมมัน และการซ่อมแซมผนึกก็จะสำเร็จลุล่วงในที่สุด

“ทุกคนปลดปล่อยพลังมายาของตนเองเข้าสู่ข่ายอาคมรวมวิญญาณได้เลย”

ฉินอวี้โม่ชี้ไปที่ข่ายอาคมรวมวิญญาณตรงหน้าและกล่าวบอกทุกคนให้เตรียมตัวถ่ายโอนพลังมายาของตนเข้าไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ทราบดีว่าควรทำสิ่งใดและปลดปล่อยพลังมายาของตนเข้าไปในข่ายอาคมตรงหน้าอย่างไม่ลังเล

แสงสว่างส่องประกายและพลังมายาของทุกคนก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน จากนั้นพลังมายาอันน่าสะพรึงกลัวก็ถือกำเนิดขึ้นมา

ฉินอวี้โม่ขยับตัวเล็กน้อยและปรากฏตัวตรงหน้าข่ายอาคมรวมวิญญาณ ด้วยการขยับนิ้วมือเพียงเบา ๆ ร่องรอยของพลังก็เคลื่อนย้ายไปตามทิศทางที่นางชี้ออกไปและเข้าไปใกล้ผนึกของสมรภูมิรบโบราณตรงหน้า

*ฮึมมม…*

เสียงประหลาดดังขึ้นเมื่อพลังมายาที่รวมกันของทุกคนถูกต้านทานโดยผนึกของจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าและสะท้อนกลับไปในทันที

“ไม่ต้องตกใจไป…”

เนื่องจากคาดการณ์ถึงสถานการณ์นี้ไว้ก่อนแล้ว ฉินอวี้โม่จึงไม่ตื่นตระหนกหรือสะทกสะท้านใด ๆ นางเพียงกล่าวกับทุกคนในขณะที่มารยาร่ายม่านพลังขึ้นมาเพื่อห่อหุ้มพลังมายาของทุกคนไว้และทำให้มันล่องหนไป

จากนั้นฉินอวี้โม่ก็โบกมือไปข้างหน้าและควบคุมพลังของทุกคนเข้าไปครอบคลุมผนึกตรงหน้าอย่างช้า ๆ

พลังมายาที่รวมกันในข่ายอาคมรวมวิญญาณค่อย ๆ หลอมรวมเข้ากับพลังของผนึกทีละน้อยและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของมันอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็ส่องไปทั่วบริเวณและผนึกที่มองไม่เห็นในตอนแรกก็ปรากฏตรงหน้าทุกคนอย่างชัดเจน

ผนึกดังกล่าวครอบคลุมไปทั่วทั้งสมรภูมิรบกว้างใหญ่แห่งนี้ ราวกับเป็นม่านพลังที่ปกคลุมท้องฟ้าบดบังแผ่นดิน เมื่อได้เห็นผนึกอันแข็งแกร่งอย่างชัดเจนด้วยตาของตัวเอง ทุกคนก็อดทึ่งในความสามารถของจอมยุทธ์ผู้วางผนึกนี้ไม่ได้

*ฮึมมม… ฮึมมม…*

เสียงประหลาดดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่พลังมายาจากทั่วบริเวณและผนึกค่อย ๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน แสงสว่างจ้ายังคงส่องประกายไม่เปลี่ยนแปลงและผนึกที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ …

“ฮะฮ่า ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ข้าจะตามหาทางเข้าไม่พบ ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ที่นี่นี่เอง !

น้ำเสียงชั่วร้ายดังขึ้นในหูของทุกคนก่อนที่ร่างร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าฉินอวี้โม่พร้อมกับฝ่ามือวายุที่หมายจะเหวี่ยงเข้าโจมตีนางอย่างจัง

“คิดไว้ไม่มีผิด !”

ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่านางคาดเดาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าการซ่อมแซมผนึกอาจจะทำให้จอมยุทธ์ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ไหวตัวขึ้นมาได้ และการปรากฏตัวของบุรุษตรงหน้าก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่านางคิดถูกแล้ว

“นายหญิง ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง”

เสี่ยวเฮยและอสูรมายาอื่น ๆ รับรู้ถึงสถานการณ์ในโลกภายนอกและออกมาปรากฏตัวตรงหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว หลังจากสิ้นเสียงนั้น อสูรทั้งหมดก็รวมร่างกันกลายเป็นอสูรขนาดมหึมาอีกครั้งและปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่จอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นทันที

“ฉินอวี้โม่ ต้องยอมรับว่าความสามารถของเจ้าเหนือกว่าความคาดหมายของข้าไปมากจริง ๆ !”

จอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ก็คือคนเดียวกับที่ต่อสู้กับฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ ในครานั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับไปทว่าอาการทั้งหมดกลับหายสนิทภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน และตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาวะสูงสุดอีกครั้ง

เดิมทีเขาไม่เห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ทว่าหลังจากการประจันหน้าก่อนหน้านี้ เขาก็ต้องยอมรับในฝีมือของคนทั้งสองและมองทั้งสองเป็นศัตรูที่ทรงพลังพอสมควร มีเพียงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่านั้นที่ถือเป็นภัยคุกคามต่อเขา หากเปรียบเทียบกับนาง คนอื่น ๆ ในเมืองเทียนหยวนก็ล้วนอ่อนแอกว่ามากนัก

“หยุดพูดพล่ามไร้สาระเสียทีเถอะ คราก่อนพวกเราปล่อยให้เจ้าหนีไป ทว่าเจ้ากลับไม่เก็บซ่อนตัวและยังกล้าโผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นอีก วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า !”

เสี่ยวเฮยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนปล่อยการโจมตีตรงไปหาจอมยุทธ์ปีศาจอย่างรุนแรง

จอมยุทธ์ปีศาจก็เคยรับมือกับการรวมร่างของอสูรมายาจำนวนมากมาก่อนแล้วและตระหนักถึงพลังของพวกมันดี

“คู่ต่อสู้ของเจ้ามิใช่ข้าหรอก !”

เขากล่าวและหันกลับไปมองความว่างเปล่าด้านหลังตน จากนั้นร่างของอีกหลายคนก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและพุ่งตรงเข้าประจันหน้ากับเสี่ยวเฮยและอสูรตัวอื่น ๆ ทันที

ครานี้เขาไม่ได้มาเพียงลำพังอีกต่อไป จอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ที่กระจายตัวซุ่มอยู่ทั่วเมืองเทียนหยวนก็มาพร้อมกับเขาเช่นกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อขัดขวางมิให้ฉินอวี้โม่และเหล่าสหายซ่อมแซมผนึกได้สำเร็จ รวมถึงหาโอกาสทำลายผนึกและฟื้นคืนชีพให้กับซากศพทรงพลังในนั้น

จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นก็ทำหน้าที่รับมือกับอสูรมายาทั้งหลายในขณะที่จอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นก็พุ่งตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่อีกครั้ง

“ข้าจะถ่วงเวลาเขาไว้”

หานโม่ฉือกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนถอนพลังมายาของตนกลับมาและแยกตัวออกไปเพื่อประจันหน้ากับจอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้น

ตูมมม !

ทั้งสองปล่อยฝ่ามือวายุโจมตีใส่กันกลางอากาศก่อนจะแยกออกจากกัน หานโม่ฉือถอยหลังไปประมาณสิบก้าวก่อนทรงตัวได้ ในขณะที่คู่ต่อสู้ของเขาถอยไปเพียงสามก้าวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าผู้ใดแข็งแกร่งและผู้ใดอ่อนแอกว่ากัน

“หานโม่ฉือ เหตุใดเจ้าไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจล่ะ? ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ที่เจ้ามี เจ้าจะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของพวกเราได้ไม่ยาก เหตุใดจะต้องยอมตายไปพร้อมกับคนหัวแข็งไม่เจียมตัวพวกนี้ด้วยเล่า ?”

จอมยุทธ์ปีศาจได้กล่าวเชื้อเชิญหานโม่ฉือในขณะที่กำลังต่อสู้กัน

“ไม่ต้องห่วง ในหมู่จอมยุทธ์ปีศาจของเราก็มีสตรีงามอยู่ไม่น้อย แม้พวกนางจะไม่งามเท่ากับฉินอวี้โม่ ทว่าพวกนางก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าอาจจะได้ขึ้นเป็นผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจและมีโอกาสเสพสุขกับพลังอำนาจและสตรี”

เขายังคงกล่าวเชื้อเชิญต่อไปและเชื่อมั่นว่าบุรุษทั้งโลกก็คงเป็นเหมือนกัน พวกเขาไม่อาจต้านทานต่อความงามและพลังอำนาจที่ล่อตาล่อใจได้

“โง่เง่าสิ้นดี !”

หานโม่ฉือเพียงสบถสั้น ๆ อย่างเย็นชาและแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน

‘ความงามและพลังอำนาจ’ มิใช่สิ่งที่เขาแสวงหา นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา หานโม่ฉือต้องการเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นและตอนนี้เขาก็ได้มันมาแล้ว…

“รนหาที่ตายเสียแล้ว !”

เมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีสนใจในข้อเสนอของตน ซ้ำยังสบถวาจาดูหมิ่น จอมยุทธ์ปีศาจก็เดือดดาลทันที พลังในร่างของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งและตรงเข้าโจมตีหานโม่ฉืออย่างไม่ลังเล