ตอนที่ 892: วัตถุเซียนถูกเปิดเผย
เจี้ยนเฉินและนูบิสหน้าซีดในขณะที่เลือดไหลเป็นทางออกมาจากมุมปากของพวกเขา พวกเขามองหน้ากันและกันด้วยท่าทางแปลก ๆ พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าพวกเขาจะเจอกับฉิงยี่หยวนอีกครั้งในเวลาที่เหมาะเจาะแบบนี้ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยิ้มอย่างขมขื่นในไม่ช้า เขายังคงจำได้แม่นว่าเขาขโมยชิ้นส่วนของแผนที่แผ่นดินทั้งแปดจากนางมาได้อย่างไร มันเป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับ เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจมากเนื่องจากเขากำลังรีบอยู่ ไม่เพียงเขาจะขโมยชิ้นส่วนของแผนที่มาเท่านั้น เขายังแม้แต่ขโมยชุดเอี้ยมของนางมาด้วย ชุดเอี้ยมนั้นยังอยู่ในแหวนมิติของเขาอยู่เลย
ซี่หวังหุบปากสนิทเมื่อเขาได้ยินว่าคนทั้งสองได้ไปทำให้ฉิงยี่หยวนของยอดจอมยุทธทั้งแปดของมนุษย์โกรธด้วยเช่นกัน เขานั้นยอมแพ้ให้กับเจี้ยนเฉินและนูบิสจริง ๆ สองคนนี้ไม่กลัวตายเลย ไม่เพียงแต่พวกเขาทั้งสองจะฆ่าคนของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์เท่านั้น พวกเขายังแม้แต่ขโมยของจากหนึ่งในแปดยอดจอมยุทธของมนุษย์อีก พวกเขาช่างบ้าบิ่นเสียจริง
ซี่หวังนั้นไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ เขาไม่กลัวสิ่งใดและอาละวาดไปทั่วอาณาจักรทะเลด้วยความแข็งแกร่งที่สุดยอดและความสามารถที่แสนแปลกของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาแค่นึกเสียใจที่เขาเทียบกับเจี้ยนเฉินและนูบิสไม่ได้เลย
อย่างน้อยเขาก็คงหลีกเลี่ยงที่จะไปทำให้ศาลาทั้งหลายโกรธและอย่างน้อยเขาก็คงไม่ขโมยของจากยอดจอมยุทธ์ทั้งแปดของมนุษย์
“ข้าอาจจะไม่ฉลาดทุกครั้งแต่ข้าก็ไม่ทำให้เละแบบนี้ถ้าเป็นข้า ทำไมข้าถึงทนการยั่วยุของน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้และตามพวกนี้มา ? แค่คิดว่าจะได้น้ำศักดิ์สิทธิ์มาในอีก 50 ปี ข้าก็ไม่มั่นใจแล้วว่าข้าจะอยู่ถึงตอนนั้นได้” ซี่หวังคิดและบ่นอย่างต่อเนื่องในใจ
เล่อป้าเทียน โอวหยุน โม่ซีรัน จ้องไปที่พวกเขาทั้งสองด้วยความอยากรู้ โม่ซีรันพูดอย่างสงสัยออกมา “ฉิงยี่หยวน ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าคนที่ขโมยชิ้นส่วนแผนที่แผ่นดินทั้งแปดจากเจ้าเป็นมนุษย์แล้วก็สัตว์อสูรอย่างนั้นหรือ ? พวกเขามีพลังแห่งการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ทะเล เจ้าจำคนผิดไปหรือเปล่า ? “
“ใช่ ฉิงยี่หยวน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนของเผ่าพันธุ์ทะเล ข้ามั่นใจว่าเจ้าจำคนผิด” เล่อป้าเทียนพูดอย่างสงสัย
ฉิงยี่หยวนสังเกตทั้งสองคนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่าพลังของพวกเขานั้นแตกต่างออกไปอย่างมาก แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกนั้นจะค่อนข้างคุ้นตา
คนผู้หนึ่งสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามปรารถณาแต่มันยากมากที่จะเปลี่ยนพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขา อย่าว่าแต่เปลี่ยนไปเป็นเผ่าพันธุ์ทะเลจากมนุษย์หรือสัตว์อสูรเลย
ฉิงยี่หยวนใจเย็นลงในที่สุดจากโทสะของนางเมื่อนางสังเกตเห็นอย่างนี้ สายตาของนางเป็นประกายเมื่อนางสำรวจไปที่ทั้งสองคนอย่างจริงจัง สีหน้าแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นในขณะที่นางคิด “ข้าจำพวกเขาผิดอย่างนั้นหรือ ? เจ้าหนูที่น่าเกลียดสองคนที่ขโมยชิ้นส่วนของแผนที่ต้องเป็นคนอื่นแน่ แต่ทำไมพวกเขาถึงดูคล้ายกันจัง ? “
เล่อป้าเทียนมองไปที่ฉิงยี่หยวนซึ่งไม่สบายใจและส่งข้อความทางจิตใจ “ฉิงยี่หยวน อย่าลืมเรื่องที่เจ้าศาลาบอกให้พวกเรามาทำ ข้าไม่สนว่าใครเป็นคนเอาชิ้นส่วนแผนที่ไป แต่คนทั้งสองนี้เป็นคนที่เจ้าศาลาต้องการให้เราตามหา พวกเราต้องพาพวกเขากลับไม่อย่างปลอดภัยไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”
ฉิงยี่หยวนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตาม นางมองไปทางสองคนนั้นเสมอ ๆ อย่างไม่ตั้งใจ พลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาแตกต่างออกไปแต่นางรู้สึกได้ว่าทั้งสองเป็นเจ้าหนูที่ขโมยชิ้นส่วนแผนที่ของนางไปในตอนแรก มันเป็นแค่การเปลี่ยนไปของพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาที่ทำให้นางไม่แน่ใจ นางกลัวว่านางนั้นจะจำคนผิด
“เล่อป้าเทียน ฉิงยี่หยวน โม่ซีรัน โอวหยุน พวกเจ้าทั้งสามคนมาเอาตัวทั้งสามคนนี้ไปหรือ ? ” ผู้อาวุโสคุมวินัยของศาลาวิญญาณสวรรค์ถาม
เล่อป้าเทียนกอดอกและพูดอย่างองอาจ “ใช่ พวกเรามาเอาตัวพวกเขาไป ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงจะเดาได้แล้วเมื่อเห็นนกอเวจี พวกนั้นเป็นคนที่เจ้าศาลาต้องการ พวกเรามาในคำสั่งของนางเพื่อเอาตัวคนพวกนี้ไป”
“เจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลงั้นหรือ ? พวกเขามีความตั้งใจเหมือนกันกับอีกสองศาลาที่จะมาตามหาพวกเราเหมือนกันงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิดอย่างเร็วเมื่อเขาได้ยินที่เล่อป้าเทียนพูดและเริ่มที่จะวิเคราะห์ “นั่นน่าจะไม่ใช่สักเท่าไร นกอเวจีดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่เหตุผลที่นกอเวจีหาพวกเราเจอก็เป็นเพราะไข่มุกจิตวิญญาณน้ำ ไข่มุกได้มาจากหญิงลึกลับที่ไม่รู้จักมาก่อนหน้านี้ และนางยังบอกอีกว่าถ้าพวกเราอยู่ในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษไม่ได้แล้ว ให้พวกเราไปที่ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นางพูดว่าพวกเราจะปลอดภัยที่นั่น หญิงลึกลับนั่นเกี่ยวข้องกับเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหรือเปล่านะ ? หรือนางจะเป็นเจ้าศาลา ? “
“ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็อธิบายเรื่องความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมของนางได้ เจ้าศาลาทั้งสามทั้งหมดเป็นเซียนจักรพรรดิ พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถขับไล่จอมยุทธจากทวีปเทพเจ้าสัตว์อสูรได้”
“เจี้ยนเฉิน เจ้าคิดว่าหญิงที่ให้ไข่มุกกับพวกเราก่อนหน้านี้เป็นเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลหรือเปล่า ? ” นูบิสถามเจี้ยนเฉินผ่านข้อความทางจิตใจ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไปในทิศทางเดียวกัน
เจี้ยนเฉินยังคงเงียบ เขาไม่ได้ตอบเพราะว่าเขาไม่มั่นใจ
สิ่งที่เล่อป้าเทียนพูดทำให้ท่าทางของแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะไปเตะตาเจ้าศาลาที่เคารพของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเช่นกัน ช่างน่าประหลาดใจจริงจริง อย่างไรก็เถอะ พวกนั้นเป็นศัตรูของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ดังนั้นพวกเราจึงต้องเอาตัวพวกเขาไป” แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์กล่าว แต่เมื่อแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถึงเจ้าศาลา เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทียอมถอยเลย ศาลาเทพเจ้าอสรพิษของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเช่นกัน
“หืม และก็ยังมีศาลาวิญญาณสวรรค์เช่นกัน พวกเขาฆ่าผู้อาวุโสทั้งสองของพวกเราไป ดังนั้นพวกเราต้องเอาตัวพวกนี้ไป ผู้อาวุโสประจำศาลาจะจัดการพวกเขา” ผู้อาวุโสคุมวินัยคำรามออกมา
โม่ซีรันเริ่มหัวเราะ “เมื่อพวกเราทั้งหมดต้องการที่จะพาพวกนี้ไปและไม่มีใครยอมใคร ทำไมเราไม่ถามความเห็นจากพวกเขาดูล่ะ ? พวกเราจะให้พวกนั้นเลือกว่าจะไปกับใคร”
“ไม่ ! “
“อย่าบังอาจ ! “
จอมยุทธของศาลาวิญญาณสวรรค์และเทพเจ้าอสรพิษปฏิเสธคำแนะนำของโม่ซีรันโดยไม่ต้องคิดให้มาก พวกเขารู้ดีว่าในกลุ่มทุกคนคิดเป็นปรปักษ์กับพวกเขาและคนทั้งสาม ดังนั้นพวกเขาคงไม่เลือกที่จะไปกับใครเลย
“ในเมื่อทุกคนไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของข้า เจ้ามีวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้หรือไม่ ? ” โม่ซีรันพูดต่อ
ผู้อาวุโสคุมวินัยและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทุกคนนิ่งเงียบ ในตอนนี้กำลังของสามฝ่ายได้มารวมกัน คงไม่มีทางอื่นที่จะแก้ปัญหาไปได้กีกว่าความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม มันคงยากสำหรับความขัดแย้งในตอนนี้ ในเมื่อพวกเขาต้องสู้กันหลายวันหลายคืนโดยไม่มีผลอะไรออกมา นี้เพราะว่าพวกเขาต้องคิดถึงฝ่ายอื่นตอนต่อสู้กับอีกฝ่าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถสู้อย่างเต็มกำลังได้
ในตอนนั้นเอง เล่อป้าเทียนปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาในพริบตา เขาห่อหุ้มพวกนั้นไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็นเพียงแค่การโบกมือ ก่อนที่จะพุ่งไปไกลด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
“เขาหนีไปกับพวกนั้น ! ไล่ตามไป ! “
“เล่อป้าเทียน, เจ้าอย่าบังอาจเอาพวกนั้นไปนะ ! “
แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามทั้งหมดเกรี้ยวโกรธและไล่ตามเล่อป้าเทียนไปพร้อมพร้อมกัน
ฉิงยี่หยวน โม่ซีรัน และโอวหยุนโจมตีออกไปพร้อม ๆ กัน พวกเขาใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อทำให้แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และผู้อาวุโสคุมวินัยทั้งสามยุ่งกับการรับมือมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ฝึกฝนอยู่ในระดับเดียวกันและมีความแข็งแกร่งที่เหมือนกัน จอมยุทธมนุษย์ทั้งสามไม่สามารถที่จะทำให้ทั้งเจ็ดคนที่เหลือยุ่งได้เนื่องจากความแตกต่างอย่างมากในเรื่องจำนวน พวกเขาทั้งสี่คนผ่านพวกจอมยุทธมนุษย์ไปและมุ่งหน้าไปทางเล่อป้าเทียน
เล่อป้าเทียนมุ่งไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลด้วยความเร็วเต็มที่พร้อมกับคนทั้งสาม การที่เขาต้องแบกคนทั้งสามไปด้วย ทำให้ความเร็วของเขาช้ากว่าคนที่ตามมาด้านหลัง ดังนั้นพวกที่ตามมาจึงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
เล่อป้าเทียนรู้ว่าเขาต้องโดนคนทั้งสี่ตามมาทันในไม่ช้าแน่ถ้าเขายังใช้ความเร็วเท่านี้ เขากัดฟันแล้วพูดกับคนทั้งสาม “ข้าจำเป็นต้องป้องกันพวกนั้น ดังนั้นข้าจะหนีไปกับพวกเจ้าไม่ได้ บินต่อไปเรื่อย ๆ ทางนี้และเจ้าจะเข้าไปสู่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น เจ้าก็จะปลอดภัย” หลังจากพูดจบ เขาก็ใส่กำลังทั้งหมดลงไปที่แขนของเขาและขว้างคนทั้งสามออกไปไกล หลังจากนั้น เขาก็หันไปทางจอมยุทธทั้งสี่ที่ตามมาพร้อมกับค้อนใหญ่ที่อยู่ในมือของเขา และพร้อมจะเข้าสู่การต่อสู้
ฉิงยี่หยวน โม่ซีรัน และโอวหยุนทิ้งคู่ต่อสู้ของเขาและบินเข้ามา พวกเขาร่วมมือกับเล่อป้าเทียนสี่คนในการต่อสู้กับคนทั้งเจ็ดในขณะที่พวกเขาร่นถอยไปด้วย
เจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังไม่ได้หยุดเลย หลังจากที่ถูกโดยออกมาโดยเล่อป้าเทียนแล้ว พวกเขาก็ทรงตัวได้และบินเข้าไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล พวกเขาเดินทางไปได้หลายหมื่นกิโลเมตรในเวลาแค่ไม่กี่วินาที
“พวกเราจะปล่อยให้พวกนั้นหนีไปไม่ได้” ผู้อาวุโสคุมวินัยและแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ร้องอกมา ในตอนนั้นเอง พวกเขาได้ร่วมมือกัน ในตอนแรกพวกเขากระแทกเล่อป้าเทียนและพวกอีกสามคนให้กระเด็นออกไปก่อน ก่อนที่จะส่งการโจมตีที่ทรงพลังไปที่คนทั้งสามที่กำลังหนีไปพร้อมกันในขณะที่คนทั้งสามอยู่ที่เส้นขอบฟ้า
มังกรอสรพิษ 4 ตัวและสัตว์อสูรที่ดุร้าย 3 ตัวพุ่งผ่านท้องฟ้าไป และบินไปที่ทั้งสามด้วยความเร็วสูงมาก พวกมันมุ่งเป้าไปที่คนทั้งสาม ดังนั้นพวกเขาจึงสลัดมันไม่หลุดไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนทิศทางไปมากขนาดไหน
“มันเป็นปัญหาแล้วตอนนี้” เล่อป้าเทียนแสดงท่าทีน่ากลัวออกมา การโจมตีที่ทรงพลังจากทั้งเจ็ดพุ่งไปด้วยความเร็วสูงมาก และเหนือกว่าความเร็วที่พวกเขาบินอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่มีพลังที่จะป้องกันการโจมตีได้แม้ว่าพวกเขาต้องการจะทำก็ตาม
คนทั้งสามอดไม่ได้ที่จะท่าทีน่ากลัวออกมาเมื่อเขาตระหนักว่าสัตว์อสูรที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานกำลังอยู่ด้านหลังของพวกเขา แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังไม่มั่นใจว่าเขานั้นสามารถรับการโจมตีที่ทรงพลังจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 ถึง 7 คนและมีชีวิตรอดได้หรือไม่
“พวกเราไม่สามารถรับการโจมตีนี้ได้ เราจะได้รับบาดเจ็ลสาหัสมากถึงพวกเราไม่ตาย พวกเราจะไร้ความสามารถที่จะหนีได้” เจี้ยนเฉินคิดอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ขบฟันแล้วแสงสีทองก็ถูกยิงออกมาจากหว่างคิ้วของเขา เขากำลังจะใช้วัตถุเซียน
เจี้ยนเฉินไม่มีสิทธิ์ที่จะซ่อนวัตถุเซียนไว้เป็นความลับได้ในเวลานี้ การโจมตีจากเซียนราชาทั้งเจ็ดนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 สองคน เจี้ยนเฉินเสี่ยงที่จะรับการโจมตีนี้ได้ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เจี้ยนเฉินไม่กล้าที่จะลองรับการโจมตีในครั้งนี้
“อย่าต่อต้าน” เจี้ยนเฉินส่งข้อความทางจิตใจไปให้ซี่หวังอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น คนทั้งสามก็หายไปในพริบตา พวกเขาถูกดูดเข้าไปในวัตถุเซียน
ในตอนที่พวกเขาหายไป การโจมตีทั้งเจ็ดก็มาถึงพอดี พวกมัวโจมตีเข้าไปที่วัตถุเซียนอย่างรุนแรงและทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น
แม้ว่าวัตถุเซียนจะไม่มีพลังในการโจมตี แต่พลังป้องกันมันก็ไม่สามารถที่จะดูแคลนได้ นอกเหนือไปจากเซียนจักรพรรดิแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้มันเป็นอันตรายได้
ไม่เพียงแต่การโจมตีทั้งเจ็ดจากพวกเขาจะทำอันตรายคนทั้งสามไม่ได้เท่านั้น หลังจากที่วัตถุเซียนรับการโจมตีไป แต่วัตถุเซียนยังใช้พลังนั้นเป็นแรงส่งให้บินออกไปด้วยความเร็วสูง
“นั่นมันสมบัติอะไรกันน่ะ ? ไม่เพียงแต่มันจะเก็บสิ่งมีชีวิตได้ มันยังทนการโจมตีจากพวกเราทั้งเจ็ดและไม่เป็นอะไรเลย” ผู้อาวุโสคุมวินัยร้องออกมาในขณะที่เขามองดูวัตถุเซียนสีทอง ตาของเขาเบิกกว้างขึ้น
แม้แต่แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่และกลุ่มของเล่อป้าเทียนยังแสดงท่าทางเหมือนกันออกมา นี่เป็นสมบัติที่เฉพาะตัวและหายากมากในโลก เมื่อมันสามารถเก็บสิ่งมีชีวิตไว้ข้างในและสามารถรับการโจมตีจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ห้าได้อย่างไร้รอยขีดข่วน