หานลี่กลับยืนอยู่ด้านข้างชุดเกราะและอาวุธที่ชำรุดเหล่านั้น พลางก้มหน้าลงพิจารณาสองแวบ ฉับพลันนั้นก็ขมวดคิ้วมือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ

เสียง “สวบ” ดังขึ้น แผ่นใบมีดกระบี่ชำรุดสีสันแวววาวจมหายเข้าไปในมือของเขา

หานลี่เงยหน้าขึ้นกวาดตามองตรงหน้า

เห็นเพียงผิวของแผ่นใบมีดดูเหมือนจะแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบ มีเงากรงเล็บชัดเจนเงาหนึ่ง ฝังลึกอยู่บนแผ่น ราวกับว่าสลักขึ้นมาก็ไม่ปาน

หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อยออกแรงหนีบแผ่นใบมีดด้วยสองนิ้ว ชั่วขณะนั้นปลายนิ้วพลันมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจมหายเข้าไปในแผ่น

ผลคือเงาเล็บที่ดูไม่ต่างจากเงาเกรงเล็บปรากฏขึ้นบนแผ่นมีด

“อันใด สหายหานพบอันใดหรือไม่?” เซี่ยเหลียนเห็นฉากนี้ก็อดที่จะเอ่ยถามด้วยความสนอกสนใจไม่ได้

“เจ้าลองเองก็จะรู้” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ แล้วโยนแผ่นในมือออกไป

เซี่ยเหลียนหัวเราะเบาๆ มือเรียวยกขึ้นคว้าสิ่งนั้นเข้ามาอยู่ในมือ ก้มหน้าลงพิจารณาแวบหนึ่ง ผลคือพลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

“ทองคำขาวไท่อี่ คาดไม่ถึงว่าจะใช้ของสิ่งนี้หลอมอาวุธ”

“ทองคำขาวไท่อี่! นั่นคือของที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในแดนต่างๆ วัตถุดิบที่แข็งแกร่งกว่ามันไม่นับว่าไม่มี แต่ก็มีไม่มากนัก เจ้าของใบมีดเล่มนี้คาดไม่ถึงว่าจะได้ก้อนใหญ่ขนาดนี้ นับว่ามีวาสนาไม่น้อยเลย” บรรพชนลี่ว์สือได้ยินก็อดที่จะเอ่ยอย่างตกตะลึงไม่ได้

“หึ วาสนามากแค่ไหนแล้วมีประโยชน์อันใด ก็กลายเป็นอาหารของแมลงเหี้ยมเหล่านี้ไม่ใช่หรือ ทว่าสร้างรอยลึกบนตัวของอาวุธที่หลอมจากวัตถุดิบนี้ได้ กายเนื้อของสหายแข็งแกร่งแค่ไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว ไม่ทราบว่าเมื่อครู่พี่หานใช้พลังจริงๆ กี่ส่วน?” เซี่ยเหลียนส่งเสียงจุ๊ๆ ในเวลาเดียวกันหว่างนิ้วก็มีลำแสงสีขาวสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าบนแผ่นมีดจะเหลือรอยตื้นๆ เอาไว้สองสามรอย จากนั้นก็สั่นศีรษะพลางเอ่ยถาม

ส่วนลี่ว์สือเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง จากนั้นก็ทำได้เพียงหัวเราะอย่างขมขื่นเท่านั้น

“แน่นอนว่าข้าน้อยย่อมใช้แรงไปไม่น้อย มิเช่นนั้นจะสร้างรอยบนสิ่งนั้นได้อย่างไร ทว่าสหายทั้งสองเคยคิดหรือไม่ว่าแมลงเหี้ยมที่ทำให้ใบมีดที่สร้างจากทองคำขาวไท่อี้แหลกละเอียดได้ กายเนื้อของมันน่าจะแข็งแกร่งระดับไหน ถึงอย่างไรเสียแมลงหน้าคนที่เห็นก่อนหน้าก็ไม่อาจทำได้” หานลี่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พละกำลังของแมลงหน้าคนเหล่านั้นสู้พวกเราไม่ได้ ย่อมไม่อาจทำเรื่องนี้ได้ หรือว่ามารดาแมลงตัวนั้นลงมือด้วยตัวเอง” บรรพชนลี่ว์สือหน้าซีดขาวไปเล็กน้อย

“น่าจะไม่ใช่ จากอิทธิฤทธิ์อันเกรียงไกรของมารดาแมลงตัวนั้น จะลงมือต่อกรกับผู้พิทักษ์วงธรณีจิ๊บจ๊อยเหล่านั้นด้วยตัวเองได้อย่างไร” เซี่ยเหลียนปฏิเสธอย่างไม่ต้องขบคิด

“เช่นนั้นในวังธรณี นอกจากแมลงหน้าคนเมื่อครู่ คาดไม่ถึงว่าจะยังมีแมลงเหี้ยมที่ร้ายกาจยิ่งกว่า” หานลี่เอ่ยพึมพำ

“เกรงว่าคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ” เซี่ยเหลียนเผยสีหน้าจนปัญญาออกมา

“สหายทั้งสองไม่ต้องกังวล ต่อให้มีแมลงชนิดนั้นจริงๆ จำนวนก็คงมีไม่มาก และสหายที่เข้ามาในวังธรณีครั้งก่อนก็มีถึงยี่สิบสามสิบคน คิดดูแล้วคงเพียงพอที่จะต่อกรกับแมลงเหี้ยมทั้งหมด” บรรพชนลี่ว์สือกลับดูเหมือนจะมองอันใดออก กลับเอ่ยปลอบใจออกมา

“อืม แมลงเหี้ยมชนิดที่สอง หายากจริงๆ มิเช่นนั้นเป่าฮวาและหยวนเหยี่ยนคงไม่อาจไม่ได้ข้อมูลแม้แต่นิดได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีแค่สองสามตัวเท่านั้น” เซี่ยเหลียนครุ่นนคิดแล้วเอ่ยอย่างเห็นด้วย

“ในเมื่อจำนวนไม่มาก เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว สหายทุกท่านพวกเราตรวจสอบเขตอาคมที่เสียหายก่อนเถิด” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง

จากนั้นเขาและนักพรตเซี่ยก็ชิงเดินเข้าไปในส่วนลึกของตำหนักก่อน

เซี่ยเหลียนและบรรพชนลี่ว์สือมองสบตากันแวบหนึ่งแล้วตามไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ภายในห้องโถงตรงใจกลางของตำหนัก หานลี่และพวกก็ล้อมเขตอาคมที่ถูกวางเอาไว้ในห้องโถง กำลังปรึกษาอันใดกันอยู่ด้วยเสียงแผ่วเบา

เขตอาคมยักษ์ดูซับซ้อนยิ่ง ด้านในมีลวดลายแน่นหนาไปหมด ดูลึกลับยิ่ง

ทว่าเห็นได้ชัดว่าเขตอาคมนี้ส่วนหนึ่งถูกคนแก้ไขไปเมื่อไม่นานมานี้ และมีส่วนหนึ่งถูกทำลายทิ้ง ทำให้มันเปลี่ยนไปทั้งหมด

“สหายเซี่ยเหลียน เจ้าไม่มั่นใจว่าจะซ่อมแซมเขตอาคมนี้ได้หรือ?” ลี่ว์สือขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ยถามเซี่ยเหลียน

“ข้านำภาพต้นฉบับของเขตอาคมออกมาด้วย แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ หากจะซ่อมแซมให้เป็นดังเดิม หากให้เวลาที่เพียงพอ ข้าย่อมทำได้ แต่เป่าฮวาให้เวลาพวกเราไม่มากนัก ดังนั้นข้าถึงได้คิดว่ายาก” เซี่ยเหลียนหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ยตอบ

“หากเป็นเช่นนั้นก็ยุ่งยากแล้ว ฝีมือด้านเขตอาคมของตาเฒ่าไม่สูงนัก เกรงว่าคงมีใจแต่ไร้กำลัง” บรรพชนลี่ว์สือถอนหายใจขณะเอ่ย

“หากเป็นภาพต้นฉบับของเขตอาคม ข้าน้อยก็พอจะช่วยได้ สหายเป่าฮวาแค่ให้พวกเรากระตุ้นเขตอาคมนี้เท่านั้น ไม่ได้ให้ซ่อมแซมให้เป็นดังเดิม ข้าขอดูภาพต้นฉบับก่อน ดูว่าจะมีวิธีไม่ต้องฟื้นฟูเขตอาคมให้เป็นดังเดิม แต่กระตุ้นเขตอาคมชั่วคราวได้หรือไม่” หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า

“พี่หานเคยศึกษาเกี่ยวกับเขตอาคม! หากเป็นดังที่สหายพูดจริงๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นไหนๆ” เซี่ยเหลียนได้ยินก็เอ่ยด้วยความยินดี

หญิงสาวผู้นี้พลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แล้วโยนแผ่นหยกแวววาวไป

หานลี่คว้าเอาไว้ แทรกจิตสัมผัสเข้าไปด้านใน ด้านในมีลวดลายที่สลับซับซ้อนยิ่งดังคาด หลังจากเพ่งมองเล็กน้อย ก็น่าจะเป็นลวดลายของเขตอาคมดังคาด

เวลาต่อจากนั้นหานลี่และเซี่ยเหลียนก็เริ่มศึกษาวิธีการซ่อมแซมเขตอาคม

ส่วนบรรพชนลี่ว์สือและนักพรตเซี่ยก็เดินออกมาจากตำหนัก แล้วทำการดูลาดราวอยู่ภายนอก

จากความรู้ด้านเขตอาคมของหานลี่ ประกอบกับมีภาพต้นฉบับของเขตอาคม ดังนั้นระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวันก็คิดวิธีซ่อมแซมออก

เซี่ยเหลียนฟังคำพูดของหานลี่จบก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดสองสามรอบ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีปัญหา ทันใดนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับเผยสีหน้ายินดีออกมา

หญิงสาวผู้นี้หยิบวัตถุดิบออกมาจากกำไลเก็บของ ลงมือพร้อมกับหานลี่ เริ่มแซ่มแซมเขตอาคมยักษ์ในห้องโถง

ขั้นตอนการซ่อมแซม หานลี่และพวกทั้งสองล้วนระมัดระวังยิ่ง ท่าทางกระตือรือร้นยิ่ง

ถึงอย่างไรเสียหากการซ่อมแซมมีความผิดพลาด ก็อาจจะกระทบกับเขตอาคมวังธรณีทั้งเขต และอาจจะไปปลุกมารดาแมลงที่อยู่ในส่วนลึกให้ตื่นขึ้น

ผลคือทั้งสองยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องโถงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดถึงได้ซ่อมแซมเขตอาคมทั้งเขตเสร็จ

เมื่อเซี่ยเหลียนร่ายอาคมสายหนึ่งไปที่เขตอาคมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ชั่วขณะนั้นทั้งห้องโถงก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น เริ่มมีลำแสงสีขาวอบอุ่นปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นลึกลับเป็นอย่างยิ่งพลันแผ่ออกมาจากภายในห้องโถง และจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

“เยี่ยมมาก ไม่มีปัญหา แผนงานของพี่หานราบรื่นมาก” เซี่ยเหลียนรออยู่ชั่วครู่ เห็นว่าไม่มีความผิดปกติปรากฏขึ้น ถึงได้ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยกับหานลี่ด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อไม่มีปัญหา ยามนี้พวกเราก็แค่รอข่าวจากเป่าฮวา จากนั้นก็เปิดเขตอาคมใต้ดิน ไม่รู้ว่าสหายคนอื่นจะทำภารกิจสำเร็จทันเวลาหรือไม่!” หานลี่พิจารณาเขตอาคมในห้องโถง ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาขณะเอ่ย

“ตามแผนของเป่าฮวา อย่างช้าที่สุดน่าจะส่งข่าวมาครึ่งวันหลังจากนี้ ช่วงเวลานี้พวกเราก็พักผ่อนก่อนเถิด อีกไม่นานไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสงครามดุเดือดระดับไหน” ”

เซี่ยเหลียนพยักหน้ายกมือขึ้นปล่อยยันต์วิเศษออกไป รายงานนักพรตเซี่ยและบรรพชนลี่ว์สือที่อยู่ด้านนอกคำนึง แล้วเดินมานั่งสมาธิที่มุมห้องโถง

หานลี่ย่อมไม่มีความเห็นอื่น และนั่งสมาธิอยู่ที่เดิม

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สายรุ้งสองสายสีเขียวและเงินก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วแยกกันปรากฏตัวที่สองมุมของห้องโถง แล้วนั่งสมาธิลงบนพื้นเช่นกัน

สี่คนหลับตานั่งสมาธิอยู่ในห้องโถงราวกับไม้แกะสลักก็ไม่ปาน

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว สี่ห้าชั่วยามก็ผ่านไปในพริบตา

ฉับพลันนั้นหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น

ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว เซี่ยเหลียน บรรพชนลี่ว์สือและพวกก็ลืมตาขึ้นด้วยความตกตะลึงพร้อมกัน

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

พื้นดินสั่นเทาอย่างไม่มีเค้าลางเลยสักนิด จากนั้นทั้งห้องโถงก็สั่นเทาอย่างรุนแรง พื้นดินในเขตอาคมเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงสีขาวออกมาจากใจกลาง เปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปในเพดานห้องโถงอย่างไร้ร่องรอย

และในยามนี้โลกของวังธรณีก็เริ่มสั่นไหว ในเวลาเดียวกันในเขตลึกลับของวังธรณี เสาหินสูงใหญ่รูปทรงโบราณก็ทยอยกันผุดขึ้นมาจากพื้นดินเต็มไปหมด คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นป่าหินยักษ์ที่แปลกประหลาดยิ่ง

มองจากด้านบนป่าหินเหล่านี้ก่อตัวกันกลายเป็นเขตอาคมสี่เหลี่ยมแปลกประหลาด

ใจกลางของเขตอาคมมีเสาสำริดที่ไม่เหมือนกับเสาหินธรรมดาๆ แปดต้น

เสาหินแปดต้นไม่เพียงจะมีลวดลาย ผิวยังสลักลวดลายโบราณนิรนามเอาไว้ ตรงยอดมีม่านลำแสงทรงลูกบอลเปล่งแสงวาววับ

ท่ามกลางลำแสงมีโคมไฟโบราณสีแดงโลหิตวางอยู่

ตะเกียงโบราณเหล่านี้นอกจากลูกไฟสีเหลืองอ่อนที่เปล่งแสงเรืองๆ ตะเกียงที่เหลืออีกเจ็ดดวงกลับเย็นเยียบ ไม่รู้ว่าดับไปนานกี่ปีแล้ว

สิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือใจกลางของเสาสำริดแปดต้นมีแท่นบวงสรวงสีแดงโลหิตสูงสิบจั้งเศษ ด้านบนมีบาตรพระสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก ผิวมีไอสีดำหมุนวน ให้ความรู้สึกมืดทึมน่ากลัว

ในบาตรกลับมีเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมา!

“เป็นไปได้อย่างไร! พวกเรายังไม่ได้กระตุ้นเขตอาคมชัดๆ เหตุใดเขตอาคมถึงกระตุ้นตัวมันเอง!” เซี่ยเหลียนหน้าซีดขาวร้องอุทานเสียงหลงออกมา

บรรพชนลี่ว์สือมีสีหน้าตกตะลึงยิ่งกว่า

หานลี่เองก็มีสีหน้าดูไม่ได้

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากแผนการของเป่าฮวา

“ไป เกิดเรื่องแล้ว พวกเราไม่ต้องรอข่าวแล้ว รีบไปรวมตัวกับคนอื่น” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามรอบ แล้วตัดสินใจเอ่ยทันที

จากนั้นก็กวักมือเรียกนักพรตเซี่ย ผิวเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งออกไป

นักพรตเซี่ยเองก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนีโดยไม่ปริปาก กลายเป็นสายรุ้งสีเงินไล่ตามมาติดๆ