ตอนที่ 1015 เขาอยู่ที่นี่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เมืองหนานอวี่ในตอนนี้ได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ศึกกำลังใกล้เข้ามาทุกที ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาได้นำกำลังบุกไปโจมตีเมืองซีเจว๋ จนตอนนี้ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาแม้แต่คนเดียว

เผชิญหน้ากับการจัดรูปแบบการสู้รบอันทรงพลังของเมืองซีเจว๋เช่นนี้ ในใจของเจ้าเมืองเมืองหนานอวี่ก็สั่นสะท้านขึ้น

“เมื่อไหร่ท่านเจ้าเมืองจะมานะ”

“ท่านเจ้าเมือง…”

“ขืนท่านเจ้าเมืองยังไม่มา พวกเราต้องตายเป็นแน่”

ยังไม่ทันได้เริ่มศึกรบ ศัตรูก็เริ่มประหม่าขึ้นแล้ว สิ่งนี้เป็นผลดีต่อฝ่ายของพวกเขามาก

ศึกการโจมตีเมืองในครั้งนี้ เย่เฉินเป็นผู้บัญชาการทั้งหมด ส่วนมู่เฉียนซีในตอนนี้นั่งกินผลไม้พลางเฝ้าดูศึกรบอยู่บนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาอย่างสบายใจ

กู้ไป๋อีคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายนางอย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่กลับมาจากเทือกเขาหนานอวิ๋น เขาก็กลายเป็นคนที่เงียบและเย็นชามากขึ้น

หากนางไม่รู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตผู้หนึ่ง นางต้องคิดว่าเขาเป็นรูปปั้นหิมะที่สามารถเคลื่อนไหวได้ที่คอยตามติดนางแน่นอน

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ การโจมตีเมืองด้านล้าง เจ้ามองเช่นไร?”

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เมืองหนานอวี่ไม่มีกำลังในการป้องกันใดใด ส่วนทางด้านเมืองเย่เซี่ย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังคน พลังความแข็งแกร่ง หรือจะเป็นตัวช่วยเสริมของกำลังการต่อสู้ล้วนแต่เหนือกว่าพวกเขาอย่างไม่อาจเทียบได้”

“ฆ่ามัน!” คุณชายใหญ่ที่หนีออกมาจากบ้านนั้นมีความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งในทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่แห่งนี้ และเขาก็เข้าร่วมศึกในครั้งนี้เช่นกัน

เสื้อผ้าอาภรณ์สีแดงดุจดั่งเปลวไฟได้โบกสะบัดพัดปลิวไสวตามสายลม ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่อาวุธวิญญาณระดับสูง อาวุธวิญญาณขั้นปฐพีแต่ละชนิดที่เขาเอาออกมานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ศัตรูต้องทุกข์ทรมานแล้ว

ตำหนักเซียวอวิ๋นเป็นถึงสำนักหลอมอาวุธอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้ ไม่มีทางขาดอาวุธวิญญาณแน่นอน

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “หากเจ้าหมอนั่นแห่งสำนักขวางโซ่วไม่มาแล้วล่ะก็ เมืองหนานอวี่แห่งนี้ พวกเราก็สามารถยึดได้อย่างง่ายดาย”

สำนักขวางโซ่วจะยอมปล่อยให้พวกเขายึดครองอาณาเขตที่พวกเขาหมายปองเอาไว้อย่างง่ายดายเช่นนั้นเหรอ ไม่มีทาง!

แกว๊ก!

บนท้องนภาของเมืองหนานอวี่ในตอนนี้มีเสียงร้องคำรามของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาดังก้องขึ้น

ลมพัดกระโชกมาอย่างรุนแรง ความหนาวเหน็บและจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณแห่งนี้

สีหน้าของเจ้าเมืองหนานอวี่เผยความดีใจออกมา “ท่านเจ้าสำนักมาแล้ว ในที่สุดท่านเจ้าสำนักก็มาแล้ว”

เหยี่ยวขนาดใหญ่สีดำจำนวนนับร้อยปรากฏขึ้นบนท้องนภา บนร่างของเหยี่ยวขนาดใหญ่เหล่านี้ล้วนแต่มีคนสวมชุดคลุมดำยืนอยู่

ไม่นานนักพวกเขาก็ได้เห็นมู่เฉียนซีที่อยู่บนท้องนภา พายุอันรุนแรงพัดกระโชกเข้ามา

กู้ไป๋อีพามู่เฉียนซีลงมาจากท้องนภาเพื่อหลบหลีกการโจมตีนี้

มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นมองคนเหล่านั้นและกล่าวว่า “ในที่สุดพวกเจ้าก็ออกมาจนได้”

เจ้าสำนักขวางโซ่วกล่าว “สาวน้อย พวกเจ้าฆ่าน้องสาวข้า ฆ่าลูกของข้า นึกไม่ถึงว่าจะกล้ามาโจมตีเมืองหนานอวี่ของสำนักขวางโซ่วข้าอีก รนหาที่ตายถึงที่ ดูท่า พวกเจ้าคงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจริง ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผู้ที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ คงจะเป็นพวกเจ้ามากกว่า!”

กระบี่มังกรเพลิงเคลื่อนไหวตัดผ่านอากาศไป เหยี่ยวขนาดใหญ่นั้นว่องไวและเฉียบแหลมมาก หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว

“สาวน้อย วาจาเจ้าช่างกล้าหาญไม่เบาเลย!”

ตูม ปัง ปัง!

พวกเขาโจมตีลงมาจากกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า พวกเขาได้เปรียบในการต่อสู้มาก

อีกทั้งพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็แข็งแกร่งมากด้วย

ชั่วครู่หนึ่ง ทัพรบของเมืองเย่เซี่ยก็เกิดความวุ่นวายขึ้น

“บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าจะโจมตีจากกลางอากาศ!”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะรับมือกับพวกมันได้ยากมาก ทำได้แค่เพียงตั้งรับเท่านั้น!”

“……”

เจ้าสำนักแห่งสำนักขวางโซ่วกล่าว “ก็แค่พวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่ได้อยู่ในสายตาของเจ้าสำนักอย่างข้าอยู่แล้ว วันนี้พวกเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตาเฒ่า พวกเจ้าคิดว่าอยู่กลางอากาศแล้วพวกข้าจะทำอันใดพวกเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ หึ จะเจ๋งสักแค่ไหนกันเชียว พวกเจ้าโจมตีลงมานั่นแหละถูกต้องแล้ว”

“เซียวโม่ เอาของที่ข้าใช้ให้เจ้าหลอมออกมาใช้ได้เลย”

หลายวันที่ผ่านมานี้เซียวโม่ไม่ได้อยู่ว่างแต่อย่างใด แต่เขาได้รับคำขอจากมู่เฉียนซีให้หลอมอาวุธลับขึ้นมานั่นเอง

ถึงแม้ว่าไม่มีสิทธิ์ถูกบังคับให้ใช้กำลังทางสมอง แต่กลับให้ใช้พลังจิต เมื่อใช้พลังจิตไปจนหมดก็กินเม็ดยาวิญญาณฟื้นฟูพลังจิตกลับมาและหลอมอาวุธต่อไป สิ่งนี้ก็เพื่อที่จะหลอมอาวุธลับออกมาได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุดนั่นเอง

ทว่า เขาตั้งตารอดูความยิ่งใหญ่ของอาวุธที่เขาหลอมออกมาเป็นอย่างยิ่ง!

เซียวโม่กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ในที่สุดก็เอามาใช้งานในสนามรบได้สักที นี่คือปืนใหญ่ของข้า จะต้องยิงเหยี่ยวเหล่านั้นให้ร่วงลงมาได้แน่นอน”

เซียวโม่เอาแท่นปืนใหญ่แต่ละแท่นออกมา สิ่งนี้ไม่ใช่ปืนใหญ่ในสมัยปัจจุบัน เนื่องจากด้านในไม่ได้ใส่ดินระเบิด แต่เป็นยาพิษ

ยาพิษเหล่านี้สามารถทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกควบคุมด้วยพิษเหล่านั้นหลุดพ้นจากการควบคุมของสำนักขวางโซ่วได้

“นั่นคือสิ่งใดกัน?” คนของสำนักขวางโซ่วสังเกตเห็นปืนใหญ่นั้นแล้ว

เจ้าสำนักแห่งสำนักขวางโซ่วกล่าว “ก็แค่ของเล่นที่พวกเด็กเหล่านี้ทำขึ้นมาก็เท่านั้น ไม่มีอันใดต้องหวาดกลัว โจมตีพวกมันต่อไป!”

พวกเขาอยู่กลางอากาศได้เปรียบมาก โจมตีให้หมดแรงก่อน แล้วใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดฆ่าคนเหล่านี้

“ขอรับ!”

ในขณะที่คนของสำนักขวางโซ่วที่อยู่กลางอากาศเหล่านั้นโจมตีพวกเขาอีกครั้ง เซียวโม่ก็ตะโกนขึ้นว่า “ปืนใหญ่ ยิง!”

ปัง ปัง ปัง!

บอลเหล็กสีดำแต่ละลูกถูกยิงออกไป สีหน้าของคนที่อยู่กลางอากาศเหล่านั้นก็พลันเปลี่ยนไปมาก

“รวดเร็วยิ่งนัก!”

“รีบหลบเร็วเข้า!”

“เร็ว!”

ตูม ปัง ปัง!

บอลสีดำระเบิดขึ้น เสียงกึกก้องดังสนั่นไปทั่ว จากนั้นควันสีดำก็ได้ปกคลุมพวกเขาเอาไว้

ค่อก ค่อก ค่อก!

“มีพิษ!”

“บัดซบ! โชคดีที่พิษนี้ไม่ถึงแก่ชีวิต!”

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นอย่างหยอกล้อ ใช่! มันไม่ใช่สิ่งที่จะคร่าชีวิต เพียงแต่ว่า…

แกว๊ก แกว๊ก แกว๊ก!

โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!

“……”

เดิมทีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนโอนอ่อนผ่อนตาม ทว่า ในตอนนี้กลับดุร้ายขึ้น

พวกมันจ้องพวกเขาเขม็งด้วยความอาฆาตแค้น และโจมตีคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่บนร่างของพวกมันอย่างบ้าคลั่ง

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

อ๊า!

“พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?”

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาเกิดความคลุ้มคลั่งขึ้น โจมตีเจ้านายของตนเอง จากนั้นคนจำนวนมากก็ร่วงลงมาจากกลางอากาศ

มู่เฉียนซีกล่าว “ฉวยโอกาสนี้เอาชีวิตพวกมัน ลงมือ!”

ในขณะที่คนของสำนักขวางโซ่วถูกสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โจมตีจนยับเยิน มู่เฉียนซีและพวกก็เริ่มเอาคืน

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ถูกโจมตีได้ ยังมีเหยี่ยวอีกนับสิบตัวที่ยังเป็นปกติและอยู่ในการควบคุมของพวกเขาอยู่

สีหน้าของเจ้าสำนักขวางโซ่วในตอนนี้เขียวคล้ำด้วยความโกรธแค้นจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “เจ้า นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้า…”

นี่เป็นถึงวิธีควบคุมสัตว์ด้วยพิษที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ นึกไม่ถึงว่านางจะแก้ได้แล้ว นางแก้ได้แล้ว…

ฟึ่บ! เสียงตัดผ่านอากาศดังขึ้น คมธนูอันแหลมคมแทงทะลุหัวใจของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าสำนักขวางโซ่ว

เขามองไปที่บุรุษชุดขาวผู้เย็นชาไร้ความปรานีที่ดึงคันธนูผู้นั้นด้วยความหวาดผวา ขะ เขา…

เหตุใดเขาถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาบุรุษผู้นี้มาก!

เนื่องจากเขากำลังตกตะลึงพรึงเพริดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ เมื่อคิดจะหลบหลีกนั้นมันก็สายไปเสียแล้ว

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ทว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขานั่งอยู่นั้นกลับถูกแทงทะลุหัวใจด้วยคมศรธนูเสียแล้ว

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ตายไปแล้ว เจ้าสำนักขวางโซ่วรีบกระโดดลงมาจากกลางอากาศ

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! คมธนูหลายดอกโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เขารีบหลบหลีกการโจมตีนั้น

เจ้าสำนักขวางโซ่วลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เขาไม่มีทางมาลงมือช่วยเมืองเล็ก ๆ ที่เป็นเพียงแค่กองกำลังระดับสองในทุ่งรกร้างนี้อย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

เขาต้องการจะขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูให้แน่ใจว่าตกลงแล้วบุรุษชุดขาวผู้นั้นใช่คนที่เขาคิดอยู่หรือไม่

หากว่าใช่แล้วล่ะก็…

เมื่อหลบหลีกการโจมตีของกู้ไป๋อีได้แล้ว เจ้าสำนักขวางโซ่วก็เคลื่อนไหวไปทางกู้ไป๋อี ทันใดนั้นเองรูม่านตาของเขาก็หดตัวลง รูปร่างหน้าตารูปงามอย่างไร้ที่ติราวกับรูปปั้นหิมะเช่นนี้ ลักษณะท่าทางที่ดูสง่าและสูงศักดิ์เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถเลียนแบบเขาได้แน่นอน

.

.