ตอนที่ 2,117 : ตัวตนถูกเปิดเผย!
“ทักษะลับที่มีความสามารถถึงขั้นปลอมแปลงขนาดร่างกายจัดเรียงกระดูกเช่นนั้น…ล้วนมีแต่เซียนอมตะเท่านั้นที่กระทำได้”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสงบ ดับไฟแห่งความหวังที่ลุกโชนขึ้นมาของต้วนหลิงเทียนจนมอดลงอย่างไร้ปราณี
ความหมายของผู้เฒ่าหั่วก็ชัดเจนนัก…
แม้จะมีทักษะที่ว่าอยู่จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้จะร่ำเรียนได้
มีเพียงตัวตนขอบเขตเซียนอมตะ ที่ผ่านทัณฑ์สวรรค์และขึ้นสู่แดนสวรรค์ไปแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้ทักษะเช่นนั้นได้
“แบบนี้ก็ได้แต่หาวิธีอื่นเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ
ไม่รอช้า ต้วนหลิงเทียนเร่งออกไปหาซื้อชุดคลุมลมสีดำขนาดใหญ่มาสองสามตัว ยังเป็นชุดคลุมที่มีผ้าคลุมศรีษะอีกด้วย เรียกว่าสามารถปกปิดร่างกายได้มิดชิดนัก…
‘หากข้าใส่ชุดคลุมลมดำนี่ออกไปเดินร่อนข้างนอกพร้อมลูกเล่นอะไรนิดหน่อย เกรงว่ากระทั่งให้ท่านพ่อท่านแม่มาเองก็จดจำข้าไม้ได้ ยังนับประสาอะไรกับพวกมัน…’
มองไปยังชุดคลุมขนาดใหญ่ที่แลดูหลวมโคร่งต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจ
ขณะเดียวกันใจที่ขึงตึงของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
พอรู้ว่ายันต์กระจกเงาลูกที่ร่างเซี่ยจงเปิดใช้งานแล้ว แม้ผิวเผินจะแลดูไม่เป็นอะไร แต่ในใจก็รู้สึกกดดันไม่น้อย
แรงกดดันที่ว่า ก็มาจากบิดาเซี่ยจงที่เป็นถึง จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!
จ้าวราชสีห์ขนทองคือตัวตนที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!
หากตัวตนเช่นนั้นพบเจอเขาขึ้นมาล่ะก็ ให้ดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ความหมาย ตายหยังเขียดแน่!!
ด้วยเหตุนี้จนเมื่อเตรียมการรับมือได้พร้อมสรรพแล้ว ใจต้วนหลิงเทียนจึงพอได้ผ่อนคลายลง ‘ด้วยใบหน้าใหม่ทั้งชุดคลุมลมดำที่มีขนาดใหญ่แบบนี้…ต่อให้จ้าวราชสีห์ขนทองยืนอยู่ตรงหน้า มันก็ไม่แน่ว่าจะจำข้าได้!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกมั่นใจ
หลังจากที่สงบสติได้แล้ว ในใจพลันนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้อีกครั้ง
‘เชิญท่านลงไห’ ด้วยการล่อเซี่ยจงให้หลุดออกจากการติดตามของผู้อาวุโส กระทั่งใช้กระบี่นิลสวรรค์ฆ่ามันก่อนที่จะทันได้ใช้ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงอย่างฉิวเฉียด
ทำให้หลังจากเซี่ยจงตายตก ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงนั่นมาเป็นไพ่ตายอีกใบ เขายังได้ตราผนึกมารที่เคยอยู่กับเขามานานกลับคืน!
…
เรื่องราวทั้งหมดนั้นยังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนฝันไปอยู่บ้าง
“ในอดีตที่เซี่ยจงมันบุกมาตำหนักเมฆาคราม ข้าในสายตามันคงอ่อนแอแทบไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย…และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ…”
ในใจต้วนหลิงเทียนหวนนึกย้อนถึงเรื่องราวในวันวาน ฉากที่เซี่ยจงบดขยี้เขาทุกทานอย่างที่ไม่อาจทำอะไรมันได้เลยฉายวนซ้ำ ภาพจำยังชัดเจนนัก…ราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน!
ตอนนั้นเซี่ยจงร้ายกาจขนาดไหนน่ะหรือ?
ภายใต้การข่มขู่ของเซี่ยจง เขาก็ได้แต่ส่งมอบตราผนึกมารให้แต่โดยดี!
เรื่องที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย ล้วนฝังลึกอยู่ในใจมาโดยตลอด
“ตอนนั้นไม่เพียงแต่มันจะฆ่าอาวุโสกู่มี่กับองครักษ์เกราะทมิฬ มันยังขู่จะฆ่าคนทั้งตำหนักเมฆาครามยกเว้นครอบครัวข้า…”
วันนั้นตอนที่เขาได้ยินคำขู่ของเซี่ยจง เขารู้สึกโกรธแค้นถึงขีดสุด ยังแน่นอกจนหายใจไม่ออกด้วยโทสะ!
ยิ่งไปกว่านั้นยังสัมผัสได้ถึงความอับจนหนทาง ทำอะไรไม่ได้เลย
หากเซี่ยจงลงมือจริงๆ เขาก็ไม่มีอะไรจะหยุดมัน ทำให้สุดท้ายถึงมันจะจากไป แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ง่ายๆ จึงลอบปฏิญาณในใจว่าจะฆ่ามันให้จงได้ ยกเซียจงให้เป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันกับเขา!
“ตอนนี้หลังผ่านไปไม่ถึง 2 ปีข้าที่ขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบน ก็ได้ทำตามคำมั่นนั่นเรียบร้อยแล้ว…”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียนพลันเลื่อนลอยดั่งมีม่านหมอกปกคลุม ปากกล่าวด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน “อาวุโสกู่มี่…จากนี้ไปท่านพักผ่อนในปรภพให้สงบเถอะ”
“นอกจากนี้พี่น้ององครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลาย…แม้ข้ากับพวกท่านจะไม่สนิทสนมกัน แต่วันนี้นายน้อยไร้สามารถคนนั้นก็ล้างแค้นให้พวกท่านได้สำเร็จแล้ว…พวกท่านสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบแล้วเช่นกัน…”
กล่าวพึมพำจบแล้ว ใจต้วนหลิงเทียนพลันปลอดโปร่งและรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก
“เซี่ยจง…จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย เจ้าก็คงไม่คิดไม่ฝันเลยสินะว่าข้าจะฆ่าเจ้าได้ง่ายดายถึงขนาดนั้น…”
ไม่ทันรู้ตัวต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงฉากที่เขาสังหารเซี่ยจงขึ้นมาอีกครั้ง
วันนี้ในวินาทีที่เซี่ยจงย่ามใจและคิดว่าสามารถใช้ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงฆ่าเขาได้สำเร็จแล้วนั้น เขาพลันใช้ออกด้วยกระบี่นิลสวรรค์ฆ่ามันในชั่วพริบตา!
เรียกว่าแต่ต้นจนจบเซี่ยจงยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรด้วยซ้ำ ก็ตกตายด้วยกระบี่บินของเขาไปแล้ว!
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ทันได้ทรมาณให้เซี่ยจงมันรู้สึกสิ้นหวังก่อนตาย…”
เซี่ยจงถูกกระบี่นิลสวรรค์เหินทะยานทะลวงหน้าผากแบบนี้ออกจะรวบรัดไปอยู่บ้าง บางทีมันคงไม่ทันได้รู้สึกเจ็บปวดหรือหวาดกลัวอะไร…
เพราะสุดท้ายวินาทีนั้นเซี่ยจงก็มั่นใจในชัยชนะแล้ว มันกำลังจะใช้ยันต์เต๋าอันร้ายกาจนั่นออกมา
นึกย้อนถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกเกรียว…มารดามันช่างเฉียดฉิวนัก!
“ช่างเถอะ ไม่ว่าจะยังไงมันก็ตายไปแล้ว…เช่นนั้นความแค้นระหว่างมันกับข้าก็จบกันได้เสียที อย่างไรก็ตามมันที่ตายไปไม่เพียงจะคืนตราผนึกมารให้ข้า ยังให้ยันต์เต๋าร้ายกาจนั่นมาอีกแผ่น!”
ขณะกล่าวพึมพำถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนพลันพลิกฝ่ามือ เรียกยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงออกมา
ยันต์เต๋าปฐมอัสนีเซียนม่วงแลผิวเผินก็คล้ายยันต์เต๋าธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตามอัสนีสีม่วงที่แลบลั่นแปลบปลาบอยู่รอบตัวยันต์ก็ทำให้มันไม่ธรรมดาถึงที่สุด อีกทั้งตัวยันต์ยังแผ่กลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงออกมาเรื่อๆ ราวกับพร้อมจะปะทุพลังอำนาจทำลายทุกสิ่ง!!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังหยิบยันต์เต๋าอันเต็มด้วยสายฟ้าสีม่วงแลบลั่นมาชมดูนั้น…
ซู่มมม!!
ร่างที่เหินตัดฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ ในที่สุดก็บรรลุถึงนครแห่งบาป และมันก็ไปพบกับฉู่ถานเชิงทันที
ฉู่ถานเชิงก็คือผู้อาวุโสที่อยู่กับเซี่ยจงวันนี้
นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำ กลุ่มอาวุโสที่มาตระเวนหาซื้อทรัพยากรในนครแห่งบาปกลับลัทธิอารามทมิฬอีกด้วย
“ทะ…ท่านมหาธรรมราชา!”
อยู่ๆก็ได้พบร่างมหาธรรมราชา เซี่ยคังฉวิน มาปรากฏตัวตรงหน้า พร้อมด้วยกลิ่นอายกันร้ายกาจน่าเกรงขาม สีหน้าฉู่ถานเชิงก็เปลี่ยนสีทันที สังหรณ์อัปมงคลในใจยังร้องดังจ้า
จ้าวราชสีห์ทองคำอยู่ๆดีๆไฉนออกจาลัทธิอารามทมิฬมาหามันถึงที่ได้แบบนี้?
หากจะบอกว่าจ้าวราชสีห์ทองคำมาเดินเที่ยว ถึงเอามีดมาปาดคอมันให้ตายมันก็ไม่เชื่อ!
ผัวะ!!
เผชิญหน้ากับการคารวะทักทายด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพของฉู่ถานเชิง เซี่ยคังฉวินเลือกตอบด้วยการตบหน้าอีกฝ่ายจนสะบัด!
หลังถูกตบเข้าอย่างจังจนหน้าสั่น ใบหน้าแถบหนึ่งของฉู่ถานเชิงก็ปูดบวมขึ้นมาทันที สีหน้าฉายอาการมึนงงไม่เข้าใจออกชัด
‘หรือ…จะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเซี่ยจงแล้วจริงๆ!?’
ฉู่ถานเชิงลอบสะท้านในใจ
เพราะจังหวะนี้มันสัมผัสได้ถึงโทสะอันเกรี้ยวกราดจากร่างจ้าวราชสีห์ขนทองเบื้องหน้าได้ชัดเจน!
“ลูกชายของข้าถูกล่อออกไปฆ่านอกนครแห่งบาป โดยฝีมือของชายผู้นี้!”
ตอนนี้เองจ้าวราชสีห์ขนทองพลันสะบัดมือคราหนึ่ง เรียกกระดาษเปล่าออกมาพร้อมพู่กัน ก่อนที่มันจะเริ่มวาดภาพชายคนหนึ่งออกมา
“นี่คือ…”
มองไปยังภาพเหมือนเบื้องหน้า ฉู่ถานเชิงรู้สึกคุ้นตาอย่างไรไม่ทราบ ราวกับมันเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อน
“เจ้านี่ก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ที่จงเอ๋อเคยบุกลงไปช่วงชิงตราผนึกมารมาจากมัน เรียกว่าต้วนหลิงเทียน”
และวาจาต่อมาของจ้าวราชสีห์ขนทองก็เฉลยให้มันกระจ่างใจทันที
นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน!
มันจำได้แล้ว!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ คือผู้ที่โชคดีได้รับยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารมาครอบครอง…อย่างไรก็ตามต่อมาตราผนึกมารนั่น ก็ถูกเซี่ยจง ชนชั้นอาวุโสของลัทธิอารามทมิฬของมันบุกลงไปแย่งชิง
“ที่แท้เป็นมัน”
ในที่สุดฉู่ถานเชิงก็ทราบแล้วว่าไฉนมันถึงคุ้นๆหน้าอีกฝ่ายนัก ที่แท้เพราะมันเคยเห็นภาพเหมือนของชายหนุ่มผู้นี้ที่เคยเป็นที่กล่าวถึงทั้งในภูมิภาคเบื้องล่างและภูมิภาคเบื้องบนเรื่องตราผนึกมารในกาลก่อน
“นอกจากเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามของภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว มันยังมีอีกตัวตนหนึ่ง…อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ที่ชิงอันดับที่ 2 ไปได้เมื่อไม่นานมานี้ของลัทธิบูชาไฟ! เป็นมัน!!”
เซี่ยคังฉวินกล่าวสืบต่อ น้ำเสียของมันเยียบเย็นปานจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง
“ฟืด…”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของเวี่ยคังฉวิน ฉู่ถานเชิงตกตะลึงไปไม่น้อย! อดไม่ไดที่จะสูดลมหายใจเข้ากล่าวถามออกด้ววยความไม่อยากจะเชื่อว่า “ใต้เท้า…ท่านแน่ใจหรือ ข้าเองก็เคยเห็นภาพเหมือนของต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟมาแล้ว…แต่เหมือนหน้าตาของคนผู้นั้นจะต่างจากเจ้าหนุ่มคนนี้…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่นั้น ไม่เพียงแต่เขาจะโด่งดังในลัทธิบูชาไฟ เขายังโด่งดังไปถึงลัทธิอารามทมิฬด้วย อันที่จริงในขุมพลังระดับสูงล้วนรู้จักเขากันไม่น้อย
ฉู้ถานเชิงเองก็เคยได้เห็นภาพเหมือนต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของลัทธิบูชาไฟโดยบังเอิญมาครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้มันจึงอดถามออกมาเช่นนั้นเสียไม่ได้
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้รู้ทักษะวิชาแปลงโฉมอันร้ายกาจนัก ใช้การควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าโดยตรงโดยมิอาศัยพลังงานภายนอกอันใด ทำให้กระทั่งสำนึกเทวยังมิอาจตรวจสอบได้…”
ได้ยินคำถามของฉู่ถานเชิง เซี่ยคังฉวินกล่าวตอบไปเสียงเย็น
ถึงแม้จะเป็นแค่การเห็นเรื่องราวจากยันต์กระจกเงาแม่ แต่มันก็เห็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าต้วนหลิงเทียนชัดเจน
และด้วยความที่มันเป็นถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ตัวตนที่เรียกวายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันย่อมมองออกว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของต้วนหลิงเทียนนั้น มันเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นธรรมชาตินัก ไม่ได้ใช้พลังปรับเปลี่ยนคงสภาพไว้อย่างปกติ…
“มีทักษะแปลงโฉมเลิศล้ำเช่นนี้อยู่ด้วย!?”
ฉู่ถานเชิงตกใจไม่น้อย
หลังจากดึงสติกลับมาได้มันก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “กระทั่งคนของลัทธิบูชาไฟเองข้าเกรงว่าคงมิอาจฝันถึง…ว่าต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของพวกมัน จะเป็นคนๆเดียวกันกับนายน้อยผู้โชคดีในภูมิภาคเบื้องล่างที่ได้ตราผนึกมารมาครองจากภูมิภาคเบื้องล่าง”
“เอาล่ะเจ้าไปทำสำเนารูปเหมือนนี้แล้วแจกจ่ายไปให้คนของเราที่อยู่ในนครแห่งบาปโดยเร็วที่สุด…หากมีเบาะแสอันใดเกี่ยวกับมันรีบแจ้งให้ข้าทราบทันที! ต่อให้หน้าไม่เหมือนแต่เค้าโครงรูปร่างทั้งส่วนสูงใกล้เคียงกันก็ไม่เว้น!!”
“อีกทั้งเจ้าผู้นี้ความสามารถไม่ธรรมดา อย่าได้เสี่ยงให้ใครปะทะกับมันโดยพลการ เพียงแจ้งให้ข้าทราบโดยเร็วที่สุดก็พอ!”
เซี่ยคังฉวินกล่าวสั่งเสียงเย็น ก่อนที่จะเตรียมออกไปตามหาคนเช่นกัน
“ทราบแล้วใต้เท้า”
ฉู่เถานเชิงพยักหน้ารับตอบคำก่อนที่ร่างเซี่ยคังฉวินจะวูบหายไป จากนั้นมันก็เอารูปเหมือนไปหาอาวุโสคนอื่นๆของลัทธิอารามทมิฬที่มากว้านซื้อของที่นครแห่งบาป
ตอนนี้แม้ในใจมันจะยังเต็มไปด้วยความสงสัย แต่มันก็ไม่กล้าถามอะไรเซี่ยคังฉวินเพิมเติม
“นครแห่งบาป…ข้าเกรงว่าวันนี้คงมิอาจสงบอยู่ได้สืบไป”
หลังเหินร่างไปหาคน ฉู่ถานเชิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวรำพันเบาๆ
เพราะจากคำสั่งของจ้าวราชสีห์ขนทอง มันยังฟังความได้ชัด
ผู้ใดก็แล้วแต่ที่ดูละม้ายคล้ายเหมือนคนในรูปวาด น่ากลัวว่าจะไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของจ้าวราชสีห์ขนทองไปได้!