ตอนที่ 2116

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,116 : จ้าวราชสีห์ขนทอง เซี่ยคังฉวิน!

 

ภายในแหวนพื้นที่ของเซี่ยจงนั้น เรียกว่ามีหินเซียนคุณภาพสูงกองไว้เป็นภูเขา! อีกทั้งยังมีสมบัติมากมายหลากหลายจัดวางเรียงรายเอาไว้จนตาลาย!

 

อย่างไรก็ตามสายตาของต้วนหลิงเทียนก็ถูกบางสิ่งที่ตั้งไว้บริเวณมุมหนึ่งดึงดูดความสนใจไปหมดสิ้น!

 

“ตะ…ตราผนึกมาร!!”

 

สิ่งที่ดึงดูดสายตาของต้วนหลิงเทียน…เป็นป้ายศิลามุมแหว่งคุ้นตา ที่ตั้งแน่นิ่งอย่างเงียบงันอยู่ในมุมหนึ่งภายในแหวนพื้นที่ของเซี่ยจง!!

 

ยอดศาสตราเซียนที่เขาอยากได้คืนจนกระทั่งเก็บเอาไปฝันอยู่บ่อยๆ…ตราผนึกมาร!

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้เห็นตราผนึกมารอยู่ในนี้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็บังเกิดความยินดีถึงที่สุด

 

เขาหลงคิดว่าหลังเซี่ยจงชิงตราผนึกมารของเขาไป ไม่พ้นมันต้องเอาไปมอบให้บิดาอย่างจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬเก็บไว้เสียอีก

 

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ…ว่าข้าจะได้ตราผนึกมารกลับคืนมางงๆแบบนี้…”

 

ต้วนหลิงเทียนหยิบตราผนึกมารออกมาลูบๆคลำๆด้วยความคิดถึง ในใจบังเกิดความตื่นเต้นไม่น้อย ยากจะสงบลงได้อยู่นาน…

 

ตราผนึกมารที่หายไปได้หวนกลับมาอีกครั้ง!

 

ไหนเลยเขาจะไม่ตื่นเต้นได้!

 

หลังจากผ่านไปพักหนึ่งต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัวก็เก็บตราผนึกมารกลับไป

 

“หากเผ่าพันธุ์ปีศาจมันบุกรุกเข้ามาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆ…ตราผนึกมารนี่จะกลายเป็นฝันร้ายของพวกมัน!”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ขณะลอบกล่าวในใจ

 

หลังได้รับทราบถึงเรื่องราวของแดนเนรเทศและเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทั้งได้รับรู้ว่าตอนนี้มีโอกาสที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกรุกเข้ามาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกคิดถึงตราผนึกมารที่ถูกช่วงชิงไปขึ้นมาจับใจ

 

เห็นว่ายามตราผนึกมารได้พบพานกับปีศาจนั้น พลังอานุภาพของมันจะร้ายกาจดุดันยิ่งกว่ายามพบพานผู้ฝึกมารเสียอีก…

 

‘แต่ขอให้ทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาไปเองเถอะ…อย่าให้เผ่าพันธุ์ปีศาจมันบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆเลย’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอีกครั้ง

 

เพราะถ้าเกิดเผ่าพันธุ์ปีศาจมันบุกเข้ามาภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริง นั่นหมายความว่าตอนนี้ภูมิภาคเบื้องล่างคงไม่ต่างอะไรกับขุมนรก!

 

และนั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็นแม้แต่นิดเดียว

 

เขาหวังเพียงให้ครอบครัวและสหายของเขาได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุขเท่านั้น

 

“ได้เวลาไปแล้ว…”

 

สูดอากาศเข้าอีกเฮือก ต้วนหลิงเทียนพลันหายจากอาการเหม่อ พลังเซียนสุริยันพลันเร่งเร้าโคจรขึ้นมาผนึกควบไว้ในฝ่ามือ ตบฟาดออกไปป่นซากร่างเซี่ยจงจนแหลกสลาย ค่อยเหินร่างจากไป

 

ระหว่างเหินออกไปร่างนักรบมังกร 9 กรงเล็บของต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆหวนสู่รูปลักษณ์มนุษย์ธรรมดา รูปโฉมยังเปลี่ยนไปอีกครั้ง และเป็นใบหน้าใหม่ที่ไม่เคยใช้ที่ไหนมาก่อน

 

เรียกว่าไม่ได้แลดูหล่อเหลาอะไรอีกต่อไป เป็นเพียงหน้าตาธรรมดาๆ ไร้ใดโดดเด่น

 

ถึงขั้นหากเดินปะปนไปในฝูงชนก็คงแยกไม่ออก

 

‘ตอนนี้เรื่องเซี่ยจงถูกฆ่าตาย จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาคงรู้แล้ว…ไม่พ้นมันต้องกำลังมานครแห่งบาปด้วยตัวเองแน่’

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่กังวล

 

เขามั่นใจเกี่ยวกับทักษะแปลงโฉมมาก กระทั่งต่อให้จ้าวราชสีห์จะมาอยู่ตรงหน้า ก็คงยากระบุตัวเขาที่ฆ่าเซี่ยจงได้

 

‘แต่…จ้าวราชสีห์ขนทองต้องรู้ตัวตนข้าจากภาพเรื่องราวก่อนหน้าเป็นแน่’

 

คิดถึงจุดนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะหยุดเต้น

 

ตอนแรกเซี่ยจงก็ชิงตราผนึกมารจากเขากลับไปทีนึงแล้ว มันต้องเล่าเรื่องราวให้บิดาฟังแน่ ทำให้อีกฝ่ายสมควรรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาและฐานะในภูมิภาคเบื้องล่าง…

 

เช่นนั้นเรื่องที่เขาเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ จ้าวราชสีห์ขนทองก็สมควรล่วงรู้!

 

และโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา จ้าวราชสีห์ขนทองก็คงเห็นผ่านกระจกเงาแม่เรียบร้อย!

 

‘หวังว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคของด้านบนจะใช้การไม่ได้ไปอีกสักพัก…ไม่งั้นจ้าวราชสีห์ขนทองนั่นได้เอาความแค้นที่มีต่อข้าไประบายกับครอบครัวข้าที่ตำหนักเมฆาครามแน่’

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอยากให้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างภูมิภาคใช้การไม่ได้ไปอีกสักพัก

 

หาไม่แล้วจ้าวราชสีห์ขนทองที่หาเขาไม่เจอ ต้องลงไปหาความจากภูมิภาคเบื้องล่างแน่

 

และนั่นไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนอยากเห็น

 

เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ไม่มีผิด..

 

ทันทีที่เซี่ยจงถูกเขาลวงไปฆ่าในที่เปลี่ยวร้างห่างจากนครแห่งบาปนับพันลี้ ลึกเข้าไปในเขตที่พักของลัทธิอารามทมิฬ พลันบังเกิดเสียงร้องดังสนั่นปานราชสีห์คำราม!

 

“จงเอ๋อ!!”

 

เสียงหวีดร้องที่ปานราชสีห์คำรามนี้ แฝงเร้นไปด้วยโทสะและความโศกศัลย์ถึงขีดสุด!

 

ปงงง!!

 

ลึกไปในเขตที่พักของลัทธิอารามทมิฬดังกล่าว พลันปรากฏพลังน่ากลัวขุมหนึ่งทุบฟาดทำลายผนังคฤหาสน์พังเป็นฝุ่นธุลี! ก่อนจะปรากฏร่างใหญ่โตหนึ่งเหินทะยานออกมา!!

 

เป็นชายชราสูงเกือบสองหมี่ หนวดเคราของมันดกหนาฟูฟ่องปานแผงคอของสิงโต

 

นอกจากนี้คิ้วของมันยังเข้มหนาแลดูทรงพลัง ตอบรับกับลูกตามหึมาน่าเกรงขาม ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความดุดันแกร่งกล้า

 

เพียงลอยร่างค้างในความว่างเปล่าเฉยๆไม่ทำอะไร กลิ่นอายทั่วร่างก็ให้ความรู้สึกดุร้ายน่ากลัว ปานจะแช่แข็งบรรยากาศโดยรอบ

 

ชายชราผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน 1 ใน 4 มหาธรรมราชาอันร้ายกาจของลัทธิอารามทมิฬ!

 

ตัวตนที่บรรลุขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!

 

เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้นเรียกว่าเปลี่ยนท้าทายสวรรค์ หากไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆจนมีอันเป็นไป ก็สามารถมีอายุขัยอยู่ได้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

 

และจ้าวราชสีห์ขนทองเป็นเพียงสมญานามของมันเท่านั้น

 

จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชามีชื่อที่แท้จริงว่า…

 

เซี่ยคังฉวิน!

 

“จงเอ๋อ…จงเอ๋อ…”

 

ตอนนี้ร่างของมันกำลังสั่นเทิ้มไปทั่วกาย สองตาจับจ้องมองไปยังเศษซากแหลกละเอียดบนฝ่ามือ

 

และเศษซากแหลกละเอียดที่ว่า ก็คืออดีตลูกแก้ววิญญาณ!

 

เป็นลูกแก้ววิญญาณที่เก็บส่วนหนึ่งของวิญญาณบุตรชายมันเอาไว้!

 

เมื่อแตกสลายก็บอกให้รู้ชัด ว่าลูกชายของมันตกตายไปแล้ว!

 

ทันใดนั้นมือมันสะบัดคราหนึ่ง ปรากฏยันต์ผุดจากความว่างเข้ามือ มันไม่รอช้าเร่งทำลายยันต์ดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานทันที ไม่ใช่ใดอื่นเป็นยันต์กระจกเงาแม่ นั่นเอง

 

ยันต์กระจกเงาแม่แผ่นนี้ ก็คือคู่ของยันต์กระจกเงาลูกของเซี่ยจง

 

และทันทีที่บดขยี้ยันต์ในมือ ฉากเรื่องราวหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของเซี่ยคังฉวิน

 

เป็นภาพของลูกชายมัน ที่กำลังมองจ้องชายหนุ่มในชุดม่วง…

 

และในฉากเรื่องราว มันก็ได้แลเห็นเหตุการณ์ที่กล้ามเนื้อใบหน้าของชายหนุ่มชุดม่วงขยับเขยื้อนอย่างพิสดาร จนทำให้รูปโฉมเปลี่ยนไปทันตาเห็น

 

หลังจากนั้นด้วยการอ่านปากของชายหนุ่มชุดม่วงรวมถึงปากของเซี่ยจงลูกชายมัน ก็ทำให้มันรับทราบได้ไม่ยากว่าทั้งคู่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน…

 

“มัน…มันเป็นคนที่บุตรชายข้าชิงตราผนึกมารมา คนที่อยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างนั่น”

 

จังหวะนี้เซี่ยจงไม่เพียงแต่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มันยังรับทราบตัวตนของชายหนุ่มชุดม่วงในฉากอีกด้วย

 

นายน้อยตำหนักเมฆาครามอันเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ของภูมิภาคเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียน!

 

และตราผนึกมารของลูกชายมัน ก็ช่วงชิงมาจากต้วนหลิงเทียนผู้นี้เอง!

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

“อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟ?”

 

ครู่ต่อมาสีหน้าเซี่ยคังฉวินก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนที่ลูกชายของมันเคยช่วงชิงตราผนึกมารมากับต้วนหลิงเทียนอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ…

 

ทั้งคู่กลับเป็นคนๆเดียวกัน!

 

เรื่องนี้สุดที่มันจะจินตนาการได้ออกจริงๆ!

 

ครู่ต่อมาฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

เซี่ยคังฉวินเห็นชัดเจน ว่ากระทั่งบุตรชายของมันหยิบยันต์ปฐมอัสนีเซียนม่วงออกมาเตรียมใช้งานแล้ว แต่กลับตกตายไปเสียก่อน!

 

เรียกว่าพริบตาสังหารก็ทำให้สีหน้าของเซี่ยคังฉวินเปลี่ยนไปใหญ่หลวง อากาศโดยรอบคล้ายจะถูกแช่แข็งไปแล้วจริงๆ

 

ครู่ต่อมาจิตสังหารอำมหิตก็เอ่อล้นออกมาท่วมร่างเซี่ยคังฉวิน

 

ลึกลงไปในแววตายังมีเพลิงโทสะลุกโชนปานจะแผดเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!

 

“กระบี่เล่มนั้นมันอันใดกันแน่…พลังอำนาจกลับอยู่เหนือกว่ากระบี่พันอาคมเซียนของมันไปมากโข! อีกทั้งความเร็วในการลงมือปานจะไร้ร่องรอยนั่น กระทั่งอำนาจของยันต์เต๋ากระจกเงาแม่ลูกยังยากจะจับ…สมควรเป็นยอดศาสตราเซียน กระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่!!”

 

หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เซี่ยคังฉวินก็พยายามย่อยข้อมูลจากเรื่องราวที่สองตาแลเห็น

 

ทุกฉาก…ทุกภาพหยั่งรากลึกลงไปในใจ ยากจะลบเลือน

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงมั่นใจถึงที่สุดว่ากระบี่สุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนใช้สังหารเวี่ยจงไม่ธรรมดา ทั้งยังไม่ธรรมดาถึงขีดสุด! และสมควรเป็น 1 ใน 2 กระบี่อันเป็นยอดศาสตราเซียน…กระบี่ไร้ลักษณ์!

 

“สมแล้วที่ถูกเรียกว่ากระบี่ไร้ลักษณ์…การลงมือฉับไวไร้ร่องรอย!”

 

ขณะกล่าวพึมพำจิตสังหารก็เอ่อล้นออกมาทั่วร่างเซี่ยคังฉวิน เพลิงโทสะในแววตาก็โหมกระหน่ำปานจะแผดเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!

 

“จงเอ๋ออย่าได้กังวล…พ่อจะไปตามล่าต้วนหลิงเทียนแล้วฆ่ามันล้างแค้นให้เจ้า!!”

 

ผู้คนใกล้ๆที่ได้ยินเสียงดังทั้งเสียงคำรามของเซี่ยคังฉวินเร่งรุดมาดูชมเรื่องราวทันที แต่ทว่าพอพวกมันมาถึงร่างเซี่ยคังฉวินก็เหินทะยานพุ่งขึ้นฟ้าหายลับไปด้วยความเร็วสูงพอดี…

 

หลังออกจากเขตลัทธิอารามทมิฬแล้ว เซี่ยคังฉวินก็มุ่งหน้าไปยังนครแห่งบาปทันทีด้วยความเร็วสูงสุด!

 

“ต้วนหลิงเทียนเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ฆ่าลูกชายข้า เจ้าต้องตาย!!”

 

ยิ่งมาโทสะแค้นในใจเซี่ยคังฉวินยิ่งเพิ่มพูน ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อย

 

ในใจของมัน

 

ต้วนหลิงเทียนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่างไม่มีวันได้ตายดีแน่!!

 

ณ นครแห่งบาป

 

ต้วนหลิงเทียนที่คาดเดาได้ว่าเซี่ยคังฉวินสมควรเร่งรุดมาหาเขาแน่ๆ ก็ได้เปลี่ยนโรงเตี๊ยมที่พักอีกครั้ง

 

“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านพอมีทักษะลับอะไรที่ใช้เปลี่ยนขนาดร่างกายได้บ้างไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนเมื่อได้ที่พักแล้วก็เร่งกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วทันที

 

ถึงแม้เขาจะเปลี่ยนแปลงรูปโฉมได้อย่างไร้ที่ติ

 

ทว่าขนาดร่างกายเขาไม่ได้เปลี่ยนตามไปด้วย!

 

หากจ้าวราชสีห์ขนทองเห็นฉากสังหารในห้วงเวลาสุดท้ายของเซี่ยจงผ่านยันต์เต๋ากระจกเงาแม่จริงๆ เกรงว่าคงรู้แล้วว่าเขามีทักษะแปลงโฉม และต้องเลือกจดจำขนาดร่างกายเขาเอาไว้อย่างชัดเจนแน่

 

เป็นธรรมดาว่าคนที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกับเขาก็คงมีอยู่ไม่น้อย

 

ทว่าเอาเข้าจริงน่ากลัวจ้าวราชสีห์คนทองคงฆ่าทิ้งไม่เลือก ดั่งคำว่า “ยอมฆ่าคนผิดร้อยคน แต่ไม่ปล่อยคนผิดหนึ่งคนให้หลุดรอด!”