เล่มที่ 30 เล่มที่ 30 ตอนที่ 892 ทำไม่ได้จริงๆ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

แม้หลู่หยางอ๋องจะก่อกบฏ ทว่าตงหลิงหวงไม่ได้ทำโทษคนในจวนหลู่หยางอ๋องทั้งหมด เพราะนางเห็นแก่ตงหลิงจวิ้น นางตัดสินลงโทษเพียงหลู่หยางอ๋อง และผู้บัญชาการกองทัพที่ก่อกบฏร่วมกับหลู่หยางอ๋อง

จวนหลู่หยางอ๋องในวันนี้ มีตงหลิงจวิ้นเป็นผู้ดูแล

เนื่องจากพระชายาหลู่หยางอ๋องสิ้นพระชนม์ งานพิธีพระศพภายในจวนหลู่หยางอ๋องเพิ่งเสร็จสิ้น ผ้าขาวภายในจวนยังไม่ถูกปลดลงมา ดูแล้วอ้างว้างอย่างมาก

เมื่อได้ยินว่าตงหลิงหวงมาที่จวนหลู่หยางอ๋อง ตงหลิงจวิ้นจึงพาคนมาต้อนรับนางที่ประตูด้วยตนเอง

หลังจากเข้าไปในจวน ตงหลิงหวงก็ไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษเพื่อจุดธูปสองดอกให้พระชายาหลู่หยางอ๋อง จากนั้นจึงไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพูดคุยกับตงหลิงจวิ้น

“เหตุใดวันนี้ท่านพี่ถึงมาที่จวนอย่างกะทันหัน หรือท่านพี่มีเรื่องใดให้ช่วย? ”

แม้ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์ของหลู่หยางอ๋อง ทว่าระหว่างตงหลิงหวงกับตงหลิงจวิ้นยังสนิทสนมกันเช่นเดิม

ตงหลิงหวงจิบน้ำชา “วันนี้พอจะมีเวลาปลีกตัว ประการแรก มาเพื่อจุดธูปไหว้เสด็จป้า ประการที่สอง มาเพื่อจิบน้ำชากับเจ้า”

แม้ใบหน้าของตงหลิงจวิ้นจะดูซีดเซียวอย่างมาก ทว่าเมื่อเขาได้พบตงหลิงหวง ใบหน้าที่เศร้าหมองพลันมลายหายเป็นปลิดทิ้ง เขาแย้มยิ้มเล็กน้อยและนั่งลงบนเก้าอี้

“เช่นนั้น ท่านพี่ดื่มมากอีกหน่อย สิ่งที่จวนหลู่หยางอ๋องไม่ขาดก็คือใบชา”

“ตกลง! ”

ตงหลิงหวงตอบรับด้วยรอยยิ้มและดื่มอีกถ้วย

หลังจากดื่มชา ตงหลิงหวงก็เริ่มพูดเรื่องจริงจัง

“หลังจากนี้ต่อไป ข้าตั้งใจให้เจ้าจัดการเรื่องภายในจวนหลู่หยางอ๋องทั้งหมด รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่หลู่หยางอ๋องทำในราชสำนัก และตั้งใจให้เจ้ารับช่วงต่อ จวิ้นเอ๋อร์ พรุ่งนี้เช้า เจ้าไปรายงานตัวที่กรมขุนนางเถิด! ”

ตงหลิงจวิ้นตกตะลึง “ท่านพี่ ทำไม่ได้เด็ดขาด ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หากท่านพี่ให้ข้าเป็นขุนนาง ย่อมไม่อาจทำได้แน่นอน มันจะสร้างปัญหามากมายให้ท่านพี่ ยิ่งไปกว่านั้น… เรื่องในราชสำนัก ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อย! ”

“จะสร้างปัญหาอันใด ถึงเวลานั้นข้าจะให้รองเจ้ากรมอยู่กับเจ้า เจ้าก็เรียนรู้กับเขา”

ตงหลิงจวิ้นยังรู้สึกว่าไม่เหมาะสม

“ข้าทำไม่ได้ ท่านพี่ ข้าทำไม่ได้จริงๆ ท่านพี่ไม่เอาผิดจวนหลู่หยางอ๋องทั้งหมดเพราะเรื่องของเสด็จพ่อ นับเป็นพระคุณต่อจวนหลู่หยางอ๋องมากแล้ว เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้ท่านพี่มากพอแล้ว หากให้ข้าเป็นขุนนางในราชสำนักอีก ไม่รู้ว่ามีขุนนางสักกี่คนที่คัดค้าน ท่านพี่ จวิ้นเอ๋อร์ทำไม่ได้จริงๆ ข้าไปไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้”

“พี่บอกว่าได้ก็ต้องได้ คิดมากไปเพื่ออันใด ไม่ว่าจะมีเสียงคัดค้านอย่างไร พี่จัดการเอง”

ตงหลิงหวงพูดจบก็เห็นว่าตงหลิงจวิ้นยังมีท่าทีเป็นกังวลและไม่เต็มใจ นางจึงพูดย้ำอีกว่า “พี่ต้องการสร้างกลุ่มคนของตนเองในราชสำนัก ในอนาคต หน่วยงานที่สำคัญจะมอบให้กับคนที่เชื่อถือได้ จวิ้นเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าไม่ยินดีช่วยพี่สาวคนนี้”

“ไม่ใช่ ท่านพี่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายถึง… ”

ตงหลิงจวิ้นยังไม่ทันพูดจบ ตงหลิงหวงก็ยกยิ้มตัดบท “เอาเถิด! ในเมื่อยินดีช่วยเหลือ! ก็ไปทำเถิด บุรุษสกุลตงหลิงของข้าไม่อ่อนด้อย ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ พี่สาวสนับสนุนเจ้าเอง! ”

“แต่… ”

“แต่อันใดอีก มีสิ่งใดสามารถขวางทางพี่สาวคนนี้ได้? หรือว่าเจ้ายังไม่เชื่อในความสามารถของพี่สาวคนนี้”

“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ ”

“หากไม่คิดเช่นนั้นก็ต้องไป เริ่มเรียนรู้ที่กรมขุนนางก่อน”

ตงหลิงหวงพูดเน้นย้ำเช่นนี้ ตงหลิงจวิ้นจึงปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการทำอันใดเพื่อช่วยเหลือตงหลิงหวงจากใจจริง เขาจึงตกปากรับคำ

“ตกลง ท่านพี่วางใจ จวิ้นเอ๋อร์จะพยายามให้ดีที่สุด ในอนาคตจะพยายามทำให้สำเร็จ และกลายเป็นมือขวาของท่านพี่ให้ได้”

อนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่สามารถรับรู้ได้ ทว่าเมื่อเห็นตงหลิงจวิ้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ตงหลิงหวงจึงโล่งใจมากทีเดียว นางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

จากนั้น ทั้งสองก็สนทนากันอีกครั้ง และหัวข้อพูดคุยก็มาถึงเรื่องของมู่หรงฉี

“ท่านพี่ เรื่องของฉีอ๋อง… มีความคืบหน้าบ้างหรือไม่? ”

ตงหลิงจวิ้นเชื่อในตัวตงหลิงหวงเสมอมา แม้เขาจะไม่รู้ว่ายังมีหนทางใดที่ทำให้คนฟื้นชีวิตอีกครั้ง ทว่าตงหลิงหวงพูดว่ามี ตงหลิงจวิ้นจึงเชื่อว่ามีเช่นกัน

ตงหลิงหวงส่ายศีรษะเล็กน้อย “ยังคงเหมือนเดิม ทว่าซูจิ่นซีมาถึงแล้ว อีกไม่กี่วัน นางจะพาเขาไปแคว้นเป่ยอี้ ในเมื่อจิ่วหรงบอกว่าแคว้นเป่ยอี้อาจมีวิธีช่วยเหลือ ข้าคิดว่าปัญหาคงมีไม่มาก”

“ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉีอ๋องดวงแข็ง จะต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นพระเชษฐาของพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ข้าได้ยินมาว่า พระชายาโยวอ๋องไม่เพียงเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์และวิชาพิษเท่านั้น ทว่านางยังเป็นศิษย์สายตรงของจิ่วหรง เจ้าสำนักแพทย์เทียนอี มีนางคอยช่วยเหลือ นางไม่มีทางปล่อยให้ฉีอ๋องตายไปเช่นนี้แน่! ”

ตงหลิงจวิ้นปลอบใจตงหลิงหวงจากใจจริง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยพลัง

ตงหลิงหวงเห็นแล้วก็หัวใจพองโตด้วยความอบอุ่น นางพยักหน้าและพูดว่า “อืม! ”

“ท่านพี่ น้ำชาเย็นแล้ว ข้าเพิ่งได้ชาขาวมาหนึ่งกล่อง ให้ข้าไปชงให้ท่านพี่ดีหรือไม่? ”

“ตกลง! ”

ตงหลิงจวิ้นเดินไปชงชา

ตงหลิงจวิ้นชงชาขาว ใบชาตูมอวบ น้ำชามีสีเหลืองทองอร่าม รสชาติสดกลมกล่อม เพราะเป็นเพียงชาขาว ตงหลิงหวงจึงไม่กล้าดื่มมากเกินไป นางดื่มไปเพียงถ้วยเดียวเท่านั้น

หลังจากดื่มชา ตงหลิงหวงจึงเดินทางกลับวังเพราะดึกมากแล้ว ตงหลิงจวิ้นยังมอบชาให้ตงหลิงหวงกลับไปด้วยสองกล่อง

“ท่านพี่ ชาสองกล่องนี้เป็นชาที่ท่านพี่เพิ่งดื่มไปเมื่อครู่ กล่องหนึ่งเป็นชาขาวเข็มเงิน อีกกล่องเป็นชาขาวก้งเหมย ท่านพี่นำกลับไปชงดื่ม ทว่าชาขาวมีฤทธิ์เย็น ท่านพี่ไม่ควรดื่มมากเกินไป”

ไม่ว่าจะเป็นชาก้งเหมยหรือชาเข็มเงิน ทั้งหมดล้วนเป็นชาขาวชั้นเลิศ โดยเฉพาะชาเข็มเงินซึ่งมีรูปร่างตรงเหมือนเข็ม เป็นรูปทรงที่งดงามที่สุดชนิดหนึ่งในบรรดาใบชา

ตงหลิงหวงชอบดื่มชาเช่นกัน นางจึงไม่ปฏิเสธ

ตงหลิงจวิ้นเดินมาส่งตงหลิงหวงถึงหน้าประตู หลังก้าวออกจากประตูไปสองก้าว ตงหลิงหวงก็นึกอันใดได้บางอย่าง นางจึงหยุดเดินและหันหลังกลับมา

“จวิ้นเอ๋อร์ พี่ขอโทษ”

ตงหลิงจวิ้นแย้มยิ้ม “ท่านพี่ ระหว่างท่านพี่กับข้าไม่มีอันใดต้องกล่าวคำขอโทษ พวกเราสกุลตงหลิงต้องปฏิบัติต่อประชาชนในแคว้นตงเฉินให้ดี การกล่าวคำขอโทษ พวกเราควรมอบให้ประชาชนแคว้นตงเฉิน”

หลู่หยางอ๋องกระทำการร้ายแรง ตามกฎหมายแคว้นตงเฉิน จะต้องประหารชีวิตทั้งตระกูล ทว่าตงหลิงหวงเคยให้สัญญากับตงหลิงจวิ้นไว้ว่า นางจะไว้ชีวิตหลู่หยางอ๋อง ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ผลสุดท้าย ตงหลิงหวงก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก นางไม่ได้สังหารหลู่หยางอ๋อง เพียงตัดสินจำคุกตลอดชีวิต นับเป็นขีดจำกัดที่ตงหลิงหวงสามารถกระทำได้แล้ว ตงหลิงจวิ้นเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี

ตงหลิงหวงรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่ตงหลิงจวิ้นเข้าใจ

ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง แววตาของเด็กชายสะอาดและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง แววตาของตงหลิงหวงปรากฏความสงบและผูกพันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“จวิ้นเอ๋อร์ หากมีเวลา เจ้าไปเยี่ยมเขาก็ได้! เขาคงมีเรื่องมากมายจะคุยกับเจ้า ไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือเสด็จพ่อของเจ้า”

ไม่รอให้ตงหลิงจวิ้นตอบกลับ ตงหลิงหวงก็หันหลังกลับและเดินจากไป

ตงหลิงจวิ้นยืนอยู่ที่เดิม หวนนึกถึงคำพูดของตงหลิงหวง

ตั้งแต่หลู่หยางอ๋องถูกจับ ตงหลิงจวิ้นไม่ได้ไปพบหน้าเขาเลยสักครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป ทว่าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไร

เมื่อนึกถึงความตายของคนจำนวนมาก เมื่อคิดถึงเสด็จแม่ของเขาที่ตายด้วยน้ำมือของเสด็จพ่อ และเมื่อคิดถึงเรื่องที่เสด็จพ่อเคยคิดจะสังหารเขา เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไรเมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง…

เมื่อซูจิ่นซีออกมาจากห้องบรรทมของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน นางก็กลับไปที่ตำหนักฟางเฟย

ทันทีที่นางเข้าไปในตำหนักฟางเฟย บางอย่างก็เกิดขึ้น ทำให้นางคิดไม่ตกอย่างมาก