ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ภาวะตื่นตระหนกยังรักษาได้ง่าย ทว่าสารพิษในร่างกายไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกำจัดออก”
จุดนี้ตงหลิงหวงเข้าใจเช่นกัน ในประวัติศาสตร์มีฮ่องเต้จำนวนไม่น้อยที่สวรรคตเพราะเสวยยาวิเศษ ผู้ที่ทานยาวิเศษมีอาการแย่ลง ไม่เคยเห็นวิธีรักษาให้หายขาด
ทว่าอย่างไรเสีย คนผู้นั้นคือเสด็จพ่อของนาง! ตงหลิงหวงจะไม่โศกเศร้าได้อย่างไร?
“ไม่ง่าย? ทว่าก็ยังมีวิธีใช่หรือไม่? ” ตงหลิงหวงถามกลับด้วยความหวังริบหรี่
ซูจิ่นซีพยักหน้า “ข้าจะเขียนเทียบยาให้ใบหนึ่ง เพื่อปรับสมดุลร่างกายของฝ่าบาท ส่วนสารพิษในพระวรกายของพระองค์ ใช่ว่าจะหายขาดได้ภายในเวลาหนึ่งวันหรือสองวัน รีบร้อนไม่ได้ ขอเวลาข้าตรึกตรองอีกครั้ง รอจนข้าคิดหาวิธีได้แล้วค่อยลองดู”
ตอนนี้ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้
ตงหลิงหวงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงสั่งให้นางกำนัลหยิบพู่กันและกระดาษมา ซูจิ่นซีเขียนเทียบยาและยื่นให้หมอหลวงหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ หมอหลวงหยวนรีบนำเทียบยาไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อจัดยาสมุนไพรทันที
จากนั้น ซูจิ่นซีก็ไม่รอช้า นางเตรียมกลับไปที่ตำหนักฟางเฟย โดยที่ตงหลิงหวงเดินไปส่งนาง
ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากห้องบรรทมของฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน จู่ๆ ก็มีเสียง ‘จี้ด จี้ด จี้ด’ ดังอยู่เหนือศีรษะของพวกนาง
เสียงนี้ซูจิ่นซีคุ้นเคยอย่างมาก ทว่านางไม่ได้ยินเสียงนี้นานมากแล้ว นางไม่คิดว่าจะได้ยินมันที่นี่ ดวงตาของนางพลันทอประกาย ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังทิศทางของเสียงนั้น
เป็นจริงดั่งคาด ซูจิ่นซีเห็นหมูบินน้อยของอู๋จุนกำลังบินมาหานาง
ซูจิ่นซียื่นมือออกไป เจ้าหมูบินน้อยจึงกระพือปีกร่อนลงบนมือของนาง
ตงหลิงหวงไม่เคยเห็นกลไกที่มหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน นางมองหมูบินตัวน้อยด้วยความสงสัย
“พระชายา นี่คือ…? ”
“มันเป็นเครื่องมือสื่อสารของอู๋จุน เราเรียกมันว่าหมูบินน้อย”
ซูจิ่นซีพูดพลางเปิดกลไกของหมูบินน้อย
หมูบินน้อยกางปีกออก จากนั้นบนลำตัวก็ปรากฏหน้าจอ เผยให้เห็นใบหน้าพราวเสน่ห์ของอู๋จุน
ภาพบนหน้าจอเป็นยามกลางคืน ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว อู๋จุนในชุดสีแดงเพลิงยกมือรองหลังศีรษะนอนอยู่บนกิ่งไม้
“เฮ้… แม่นางพิษน้อย จุ๊บ จุ๊บ คิดถึงพี่จุนแล้วใช่หรือไม่? พี่จุนคิดถึงแม่นางพิษน้อยจริงๆ แค่ไม่กี่เดือน เหตุใดพี่จุนถึงรู้สึกว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกับเจ้าเป็นชาติที่แล้ว? อืม… เจ้าก็คิดถึงพี่จุนใช่หรือไม่? อย่าคิดถึงพี่จุนให้มาก คิดถึงทุกวัน เช้า เที่ยง เย็นก็พอแล้ว พี่จุนได้ไม้อมฤตมาตามสัญญาแล้ว เพิ่งจะออกจากชายแดนแคว้นไหวเจียง กำลังจะไปตามหาเจ้า!
แม่นางพิษน้อย ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด พี่จุนจะไปหาเจ้าได้ที่ใด? ”
อู๋จุนพูดจบก็เปิดถุงในมือ จากนั้นก็หยิบสิ่งที่คล้ายรากไม้ออกมาจากถุงและแกว่งไปมาบนหน้าจอ
แม้จะตรวจสอบด้วยระบบถอนพิษไม่ได้ ทว่าตามสัญชาตญาณของหมอพิษ ซูจิ่นซีสามารถสัมผัสรับรู้ได้ว่าสารพิษในมือของอู๋จุนนั้นร้ายแรงมาก
อย่างไรก็ตาม อู๋จุนเป็นปรมาจารย์ด้านสมุนไพรเช่นกัน ซูจิ่นซีจึงวางใจให้เขาลงมือ ดังนั้นรอยยิ้มพึงพอใจจึงปรากฏที่มุมปากของนาง
จากนั้น ภาพหน้าจอของหมูบินน้อยก็มีเสียงที่คมชัดราวกับระฆังทอง ทว่าเป็นน้ำเสียงโกรธจัด
“ถังเป่าอวี้ ที่แท้เจ้าอยู่นี่เอง! เจ้ามันพวกเนรคุณ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนอยู่ที่แคว้นไหวเจียง ข้าเกือบตายเพื่อเจ้า? เจ้า… เจ้าคิดจะสลัดข้าทิ้งทันทีที่ออกจากชายแดนแคว้นไหวเจียง ข้าเกลียดเจ้า!
ย้าก… เจ้ายังคิดจะหนีอีก! ข้าอยากจะดูสิ สุดหล้าฟ้าเขียว เจ้าจะหนีข้าไปถึงไหน หนีไปที่ใด ข้าจะตามไปที่นั่น”
เมื่อเสียงของถังเสวี่ยดังขึ้น สีหน้าของอู๋จุนก็เปลี่ยนไปทันที
“บ้าจริง… สุนัขบ้ากัดไม่ปล่อย นางตัวแสบ ทำไมตามทันเร็วจัง”
เขาพูดพลางเก็บไม้อมฤตกลับไปในถุง และพูดด้วยท่าทีร้อนรน “แม่นางพิษน้อย จุ๊บ จุ๊บ พี่จุนพูดเท่านี้ก่อน! พี่จุนหนีคนก่อน อย่าลืมบอกข้าด้วยว่าเจ้าอยู่ที่ใด พี่จุนจะไปหาพวกเจ้าทันที”
หลังจากเสียงหายไป หน้าจอก็กลายเป็นสีดำ รอบบริเวณพลันเงียบลง
แม้ความสัมพันธ์ภายนอกระหว่างอู๋จุนกับถังเสวี่ยจะดูเหมือนเมื่อก่อน ทว่าสีหน้าของอู๋จุนเมื่อเขาได้ยินเสียงของถังเสวี่ยในตอนท้าย… เหตุใดซูจิ่นซีจึงรับรู้ถึงแววตาสำนึกผิดเล็กน้อย?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าอู๋จุนทำผิดต่อถังเสวี่ย ขณะที่พวกเขาอยู่ที่แคว้นไหวเจียง?
ทว่าความคิดดังกล่าวเพียงผ่านเข้ามาในสมองของซูจิ่นซีเท่านั้น นางไม่ได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดนัก อย่างไรเสีย มันก็เป็นเรื่องระหว่างอู๋จุนกับถังเสวี่ย
จากนั้น ซูจิ่นซีจึงหมุนกลไกเจ้าหมูบินน้อยอีกครั้ง และบันทึกเสียงของตนเองลงไป
“อู๋จุน ขอบคุณมากที่ช่วยข้าหาไม้อมฤตสำเร็จ ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ! ข้าได้ยินเสียงของถังเสวี่ย นางบอกว่านางเกือบตายในแคว้นไหวเจียง พวกเจ้าพบเรื่องอันตรายร้ายแรงอันใด? พวกเจ้าสบายดีหรือไม่? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?
ตอนนี้ เยี่ยโยวเหยากับข้าอยู่ที่วังหลวงแคว้นตงเฉิน อวิ๋นจิ่นจะตามมาเร็วๆ นี้ รอเพียงไม้อมฤตของเจ้า เมื่อเจ้ามาถึง พวกเราจะไปแคว้นเป่ยอี้ทันที”
ซูจิ่นซีพูดจบก็อุ้มหมูบินน้อยไว้ในมือและยกมือขึ้น หมูบินน้อยกระพือปีกบินออกไปพร้อมกับส่งเสียงดัง จี๊ด
ตงหลิงหวงที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองดูซูจิ่นซีใช้งานหมูบินน้อย และมองหมูบินน้อยที่บันทึกข้อความของซูจิ่นซีบินไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของนางทวีความลึกซึ้ง
“น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ไม่คาดคิดว่าในอาณาจักรเทียนเหอจะมีสิ่งของมหัศจรรย์ที่สามารถสื่อสารได้ คิดดูแล้วจะต้องเป็นสำนักถังเหมินเท่านั้นที่สามารถทำสิ่งของเหล่านี้ได้ สมแล้วที่เป็นสำนักอันดับหนึ่งในใต้หล้า”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“ตอนที่ข้าเห็นเจ้าหมูบินน้อยครั้งแรก ข้าก็รู้สึกประหลาดใจและอ้าปากค้างเหมือนเจ้าเมื่อครู่” อู๋จุนไม่เพียงมีพรสวรรค์ด้านสมุนไพรและการแพทย์เท่านั้น เขายังมีความสามารถด้านอาวุธและกลไกอีกด้วย
ตงหลิงหวงพยักหน้าเห็นด้วย
ดูเหมือนซูจิ่นซีจะนึกอันใดบางอย่างได้ ดวงตาของนางพลันทอประกาย
“เมื่อครู่ที่อู๋จุนใช้เจ้าหมูบินน้อยสื่อสาร ทำให้ข้าคิดบางอย่างได้ พวกเขาไปแคว้นไหวเจียง ซึ่งแคว้นไหวเจียงมีแมลงแปลกประหลาดหายากจำนวนมาก เดิมทีวิชาพิษก็ไม่แบ่งแยก มันเป็นทั้งยาพิษและสมุนไพร แม้อู๋จุนจะไปที่นั่นเพื่อสิ่งอื่น แต่เขาชื่นชอบการสะสมสมุนไพรหลากหลายประเภท เขาต้องเก็บแมลงพิษทุกชนิดในแคว้นไหวเจียงกลับมาอย่างแน่นอน
หลังจากที่อู๋จุนกลับมา ข้าจะหารือกับเขาดูว่ามีแมลงพิษชนิดใดบ้างที่สามารถเข้าไปในพระวรกายของฝ่าบาทและละลายสารพิษในนั้นได้ เป็นวิธีใช้พิษต่อสู้กับพิษโดยไม่ทำอันตรายต่อพระวรกายของฝ่าบาท”
ทันทีที่ซูจิ่นซีพูดจบ ดวงตาที่ดำมืดสิ้นหวังของตงหลิงหวงก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
“วิธีของพระชายาโยวอ๋องเป็นวิธีที่ดีจริงๆ หากท่านพบแมลงมีพิษชนิดนี้จริงก็ลองดูได้
ข้ายังคิดว่า… คิดว่าพระอาการของเสด็จพ่อจะช่วยไม่ได้แล้ว
ขอบคุณพระชายายิ่งนัก ทักษะทางการแพทย์และวิชาพิษของท่านช่างร้ายกาจสมชื่อจริงๆ สมแล้วที่เป็นศิษย์สายตรงเพียงผู้เดียวของคุณชายจิ่ว”
ตงหลิงหวงแสดงความขอบคุณซูจิ่นซีจากก้นบึ้งของหัวใจ และชื่นชมยกย่องนางอย่างจริงใจ
ซูจิ่นซีไม่เคยรู้วิธีจัดการกับคำเยินยอเช่นนี้มาก่อน นางจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ
“สถานการณ์จะเป็นเช่นไร ยังไม่ชัดเจน ทุกอย่างต้องรอจนว่าอู๋จุนมาถึง! ”
“ตกลง! ”
จากนั้น ซูจิ่นซีก็ไม่เสียเวลาอีก และกลับไปที่ตำหนักฟางเฟย
ตงหลิงหวงรอจนกว่าหมอหลวงหยวนต้มยาที่ซูจิ่นซีจัดให้ฮ่องเต้แคว้นตงเฉิน จากนั้นจึงจัดแจงให้พระองค์เสวยจนหมด ก่อนจะไปที่เรือนของพระชายาหลู่หยางอ๋อง