ตอนที่ 895: ความลับที่น่าตกตะลึง
เล่อป้าเทียนบินไปพร้อมกับเจี้ยนเฉินและซี่หวังในขณะที่เขาถือเหรียญเอาไว้ในมือของเขา และมุ่งตรงไปที่ปราสาทลอยฟ้า
ปราสาทนั้นใหญ่มาก มันมีกระโจมและสิ่งก่อสร้างนับพัน ในขณะที่มีดอกไม้และสมุนไพรแปลก ๆ นานาพันธุ์เติบโตอยู่รอบ ๆ มันส่งกลิ่นหอมออกมาฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งสถานที่ แค่ลมพัดมาเพียงวูบเดียวก็สามารถเติมความสดชื่นให้จิตใจและวิญญาณของผู้คนได้ ทำให้คนมีสมาธิและจดจ่อได้
เจี้ยนเฉินและซี่หวังผ่านห้องโถงไปหลายห้องพร้อมกับเล่อป้าเทียน ฉิงยี่หยวน โอวหยุน และโม่ซีรันไปพร้อม ๆ กับพวกเขา พวกเขามุ่งตรงเข้าไปที่ส่วนลึกที่สุดของปราสาท เขาผ่านกองทหารองค์รักษ์ที่อยู่ในเครื่องแบบเดียวกันที่เดินลาดตระเวนตามทางเดิน เจี้ยนเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของจอมยุทธจำนวนมากรอบ ๆ มีเซียนผู้คุมกฎอยู่รอบ ๆ ทุก ๆ ที่และยังมีเซียนราชาบางคนอีกด้วย พวกเขาฝึกฝนอยู่ในห้องโถงส่วนตัวของพวกเขา
เจี้ยนเฉินสนใจในพื้นหินอ่อนสีฟ้าและสีเขียวเป็นระยะระยะในขณะที่เขาเดินไปและเขามองไปที่สิ่งปลูกสร้างรอบ ๆ เป็นครั้งเป็นคราวเช่นกัน ความตกตะลึงอย่างมากฉายลึกอยู่ในแววตาของเขา
ผ่านทางพลังแห่งการมีอยู่ที่ยิ่งใหญ่ของเขา เขาสัมผัสได้ชัดเจนถึงพลังงานที่น่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในสิ่งปลูกสร้างและพื้นที่ทุกหนแห่ง พลังงานที่มหาศาลนี้ได้ขัดเกลาทุกทุกที่ทำให้สิ่งปลูกสร้างนั้นแข็งแรงมากหลังจากที่ผ่านเวลามายาวนาน เหมือนกับว่าถ้าเจี้ยนเฉินใช้กำลังเต็มแรง ก็ทำให้มันเป็นรอยเล็กน้อยได้แค่นั้น
ในตอนนี้เอง ชายชราผิวเหี่ยวย่นได้เดิมมาจากข้างหน้า เล่อป้าเทียนและทั้งสามคนป้องมือและทักทายอย่างรวดเร็วทันทีที่พวกเขาเห็นชายชรา “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสประจำศาลา”
ชายชรามองผ่านเจี้ยนเฉินและซี่หวัง ก่อนที่จะถามเล่อป้าเทียน “พวกนี้ใช่คนที่เจ้าศาลาต้องการที่จะให้นำกลับมาอย่างปลอดภัยหรือไม่ ? “
“ถูกต้อง พวกเขาเป็นคนที่เจ้าศาลากำลังตามหา” เล่อป้าเทียนตอบกลับ เขามองไปที่คนทั้งสองเป็นครั้งคราว และสงสัยว่าทำไมเจ้าศาลาจึงปฏิบัติต่อพวกนี้สำคัญยิ่งนัก
ชายชราจ้องไปที่ทั้งสองด้วยความสนใจก่อนที่จะถาม “ใครคือเจี้ยนเฉิน ? “
“ท่านผู้อาวุโสประจำศาลาที่เคารพ ข้าคือเจี้ยนเฉิน” เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่ชายชราหลังจากที่ก้าวออกมา เจี้ยนเฉินสุภาพมาก ถ้าชายชราตรงหน้าเขาไปอยู่ที่ทวีปเทียนหยวน เขาคงเป็นจอมยุทธที่น่ากลัวมากแน่ เขาคงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด แม้แต่ในทวีปก็ตาม
ตาของชายชราลุกโชนในขณะที่เขามองขึ้นลงเพื่อสำรวจเจี้ยนเฉิน เขาพึมพำในใจ “นี่ไม่ใช่แค่ผู้คุมกฎที่ยังไม่โตเต็มวัยอย่างนั้นหรือ ? ทำไมเจ้าศาลาถึงได้ห่วงใยเขามากนัก ? ไม่เพียงแต่นางจะส่งจอมยุทธ 16 ดาวถึง 4 คนเพื่อไปช่วยเขาเป็นการส่วนตัวจากศาลาวิญญาณสวรรค์ แม้แต่แอตแลนติสที่ไม่เคยออกจากศาลาไปไหนนานมาก ๆ แล้วก็ยังไปที่พรมแดนด้วยตัวเองเพราะการมาถึงของเจ้า ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าศาลาจะเสียเวลาและกำลังมากมายไปเพื่อเจ้าทำไม”
“มากับข้า เจี้ยนเฉิน เจ้าศาลาต้องการที่จะพบเจ้าเป็นการส่วนตัว” ชายชราพูดกับเจี้ยนเฉินอย่างเฉยเมย หลังจากนั้นเขาก็หันหลังแล้วจากไป ด้วยฐานะที่สูงส่งของเขา เขาคงไม่ลดตัวมาเปลืองคำพูดกับเซียนผู้คุมกฎธรรมดา 2 คน
“เจี้ยนเฉิน เจ้าควรจะเข้าไปกับผู้อาวุโสประจำศาลา จำไว้ว่า เจ้าศาลาเป็นเซียนจักรพรรดิ เจ้าต้องนอบน้อมเมื่อพบนาง” เล่อป้าเทียนส่งข้อความทางจิตใจให้เจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะตามผู้อาวุโสประจำศาลาไปอย่างเงียบ ๆ คนที่ถูกทิ้งไว้มีเพียงซี่หวังและกลุ่มของเล่อป้าเทียน ที่ยืนมองเจี้ยนเฉินจากไปไกลอย่างเหม่อ ๆ
เจี้ยนเฉินตามผู้อาวุโสประจำศาลาไปที่ส่วนลึกของศาลาโดยไม่มีอะไรติดขัด หลังจากนั้น พวกเขาก็เข้าไปที่ห้องโถงที่ตกแต่งสวยงาม มีเซียนผู้คุมกฎ 2 คนยืนตัวตรงเดะอยู่ที่ทั้งสองข้างของทางเข้าในฐานะองครักษ์ พวกเขาดูเหมือนรูปปั้น
“พวกเขาใช้เซียนผู้คุมกฎในการเฝ้าประตู ช่างสิ้นเปลืองอะไรแบบนี้” เจี้ยนเฉินตกตะลึงในใจ ด้านนอกนั้น คนเหล่านี้เป็นจอมยุทธชั้นสูงที่สามารถเป็นเจ้าเมืองเล็ก ๆ ได้ทีเดียว
ห้องโถงขนาดใหญ่ค่อยข้างว่างเปล่า มีเพียงหญิงสาวที่งดงามอยู่ที่บัลลังก์ด้านบนเท่านั้น
ผู้อาวุโสประจำศาลาคำนับอย่างเคารพไปที่หญิงผู้นั้นและรายงาน “เจี้ยนเฉินได้มาถึงแล้ว”
“ผู้อาวุโสฮง เจ้าไปได้แล้ว” เสียงของหญิงนั่นนุ่มนวลมาก ทำให้น่าพอใจนักเมื่อได้ยิน
“ขอรับ ! ” ผู้อาวุโสประจำศาลาค่อย ๆ ถอยออกไป
“นี่คือเจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล หนึ่งในสามสุดยอดเซียนจักรพรรดิของอาณาจักรทะเลอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินมองไปที่หญิงนั่นอย่างสนใจ หญิงผู้นั้นสวมชุดสีฟ้าเข้ารูปเผยให้เห็นรูปร่างอันเพรียวบางของนาง ในขณะที่ผมสีฟ้าของนางลื่นไหลลงมาประบ่าอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องหวีเลย หน้าของนางพร่ามัวและมองไม่ชัดเหมือนว่ามีหมอกปกคลุมอยู่
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะอยู่ตรงหน้าเซียนจักรพรรดิ เจี้ยนเฉินก็ไม่รู้สึกถึงพลังแห่งการมีอยู่เฉพาะจากนางเลย นางเหมือนคนธรรมดา
“ผู้เยาว์เจี้ยนเฉินขอคารวะท่านเจ้าศาลาที่เคารพ” เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่หญิงสาวในขณะที่เขาเลิกคิดฟุ้งซ่านอย่างรวดเร็ว
ตู้ม ! เสียงอื้ออึงดังมาจากด้านหลัง ประตูของห้องโถงถูกปิด มันตัดขาดพลังและวัตถุจากภายนอกออกไป มีเพียงแค่เจี้ยนเฉินและเจ้าศาลาเท่านั้นในห้องโถงใหญ่ตอนนี้
เจ้าศาลายืนขึ้นจากบัลลังก์ของนางและเดินไปที่เจี้ยนเฉินอย่างช้า ๆ ด้วยก้าวที่นุ่มนวล กลิ่นน้ำหอมที่มีเสน่ห์จาง ๆ ลอยเข้ามาเตะจมูกของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินยากที่จะรักษาใจให้สงบได้เมื่อเขาอยู่ใกล้กับเซียนจักรพรรดิ หัวใจของเขาเริ่มที่จะเต้นเร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างกังวล
“เจ้าคือคนที่ถูกเลือกจากนางผู้สูงส่ง” เจ้าศาลาพูดด้วยเสียงเบา ๆที่มีชีวิตชีวา นางดูเหมือนกำลังคุยกับเจี้ยนเฉินแต่ก็พึมพำกับตัวเองเป็นครั้งคราว
“ข้าสัมผัสไม่ได้ถึงพลังแห่งการมีอยู่ของผลึกอเวจีจากแหวนมิติของเจ้าเลย เจ้าเก็บมันไว้ที่ไหน ? ” เจ้าศาลาพูดก่อนที่เจี้ยนเฉินจะได้มีโอกาสตอบกลับอะไร
“ผลึกอเวจี ? ” เจี้ยนเฉินอึ้งแต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เขาถาม “ท่านเจ้าศาลาหมายถึงกุญแจที่เปล่งแสงสีฟ้าออกมาหรือเปล่า ? “
“ถูกต้อง” เจ้าศาลาเดินไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินและสำรวจเขาอย่างต่อเนื่อง นางพึมพำในใจ “นี่เป็นคนที่ถูกเลือกจากนางผู้สูงส่งงั้นหรือ ? เขามีพลังที่จะเข้าไปที่นั่นจริงหรือ ? “
“ผู้เยาว์มีข้อสงสัย อะไรคือผลึกอเวจีงั้นหรือ ? ข้าอยากรู้ว่าท่านเจ้าศาลาจะตอบคำถามให้ข้าได้หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม กุญแจที่ลึกลับนี้เป็นเหตุเพียงพอให้ศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าอสรพิษต่อสู้เพื่อมัน ซึ่งทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับที่มากและการใช้งานของกุญแจนี้
“นางผู้สูงส่งถึงจุดสุดท้ายของชีวิตในโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของนาง หลังจากนั้น นางก็ย้ายโถงศักดิ์สิทธิ์สูงสุดไปที่ส่วนลึกของทะเลแห่งความสิ้นหวัง นั่นคือที่ซึ่งมันลอยอยู่ในตอนนี้ ไม่มีใครหาพบได้ว่ามันอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม กุญแจนี่จะนำผู้คนไปหามันได้ ใครก็ตามที่ครอบครองกุญแจ พวกเขาก็จะสามารถหาทางไปโถงศักดิ์สิทธิ์ได้” เจ้าศาลาไม่ได้บิดบังอะไรและบอกความจริงกับเจี้ยนเฉิน
“เป็นอย่างนั้นเองหรอกหรือ ? ไม่แปลกใจเลยที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์ต่อสู้เพื่อมัน ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ต้องการที่จะเข้าไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่สืบทอดตำนานของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลงั้นหรือ” เจี้ยนเฉินพึมพำในขณะที่เขาเข้าใจบางอย่าง
“ไม่ พวกเขาไม่ได้ต้องการสืบทอดตำนานของนางผู้สูงส่งเมื่อพวกเขาไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ นางผู้สูงส่งอาจจะถึงจุดสุดท้ายของชีวิตของนาง แต่สิ่งที่นางสูญเสียไปคือร่างของนาง วิญญาณของนางนั้นยังอยู่ ซึ่งนางยังอยู่ที่โถงศักดิ์สิทธิ์เสมอ ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์ต่อสู้แย่งกุญแจกันเพื่อที่จะเข้าไปที่นั่นและเอาวิญญาณของนางผู้สูงส่งมา พวกเขาต้องการที่เผาผลาญและไปให้ถึงระดับในการฝึกฝนหลายปีของนาง” เขาศาลาเปิดเผยเรื่องจริงที่น่าตกตะลึงและทำให้เจี้ยนเฉินอึ้ง
“อะไรนะ ! ? ศาลาทั้งสองต้องการที่จะเผาผลาญวิญญาณของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล” เจี้ยนเฉินร้องออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อเป็นที่สุด เทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นเทพเจ้าของเผ่าพันธุ์ทะเล นางเป็นจอมยุทธที่น่าเคารพแต่คนอื่นก็ยังต้องการที่จะทำแบบนั้นกับนาง
“เฮ้อ นางผู้สูงส่งนั้นได้หายไปนานแล้ว หลังจากหลายปีมานี้ ความน่าเกรงขามของนางไม่พอที่จะโน้มน้าวจอมยุทธของอาณาจักรทะเลได้อีกต่อไปแล้ว ในหลายปีมานี้ เจ้าศาลาของทั้งสองศาลาได้พยายามที่จะหาหลายวิธีที่จะหาโถงศักดิ์สิทธิ์นั่นให้พบ เพื่อที่จะพยายามเผาผลาญวิญญาณของนางและไปให้ถึงระดับการฝึกฝนในขั้นสูงให้ได้”
“แต่ผลึกอเวจีนั้นสามารถหาพบได้ในส่วนลึกของทะเลแห่งความสิ้นหวังเท่านั้น ทะเลแห่งความสิ้นหวังนั้นไม่มีขอบเขตและมันดูเหมือนกันไปหมด ดังนั้นมันจึงง่ายมากที่จะหลงทาง อีกทั้ง มันยังมีอันตรายอีกมาก แม้แต่เซียนจักรพรรดิยังเสี่ยงชีวิตถ้าเข้าไปที่นั่น ดังนั้นจึงไม่มีใครที่หาโถงศักดิ์สิทธิ์พบหลังจากหลายปีในทะเลแห่งความสิ้นหวัง อย่างไรก็ตาม ผลึกที่อยู่กับเจ้านั้นได้ทำลายความสงบสุขของอาณาจักรทะเล”
เจี้ยนเฉินค่อย ๆ เรียนรู้ข้อมูลในขณะที่เขาคิดเงียบ ๆ สิ่งที่เขาได้ยินมาจากเจ้าศาลานั้นได้เปลี่ยนทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของอาณาจักรทะเล
ครั้งหนึ่งเขารู้มาจากเทียนเจี้ยนว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั้นยังไม่ตาย ในเวลานั้น เขายังเชื่อว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังคงมีความแข็งแกร่งที่สมบูรณ์และเป็นการมีอยู่ที่ทรงพลังที่สุดในโลกซึ่งเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิขึ้นไป แต่ความจริงนั้นเหนือกว่าความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง เทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังไม่ตายแต่นางสูญเสียร่างกายไป นางมีอยู่ในรูปแบบวิญญาณและสามารถซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น นางไปไหนไม่ได้และกำลังเชิญหน้ากับภัยจากเจ้าศาลาของทั้งศาลาวิญญาณสวรรค์และศาลาเทพเจ้าอสรพิษที่จะเผาผลาญวิญญาณของนาง
เจี้ยนเฉินสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะสงบจิตใจลงอย่างช้า ๆ เขาจ้องไปที่เจ้าศาลาอย่างกล้าหาญและถาม “ท่านเจ้าศาลา ท่านต้องการให้ผู้เยาว์มอบผลึกอเวจีให้กับท่านหรือไม่ ? “
เจ้าศาลาหยุดแล้วหันไปหาเจี้ยนเฉิน แม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าของนาง แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาอันแหลมคมของนางกำลังเพ่งมาที่เขา มันทำให้ตาของเขาเจ็บเหมือนโดยแทงด้วยเข็ม
“เจี้ยนเฉิน ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์อาจจะมีจุดประสงค์ร้ายกับนางผู้สูงส่ง แต่พวกเราศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลยังคงภักดีกับนาง เพื่อความปลอดภัยของนาง เจ้าต้องส่งมอบผลึกอเวจีมาและเก็บมันไว้ในความดูแลของข้าชั่วคราว” เจ้าศาลาพูดออกมา
เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น ดังนั้นเขาจึงส่งกุญแจลึกลับให้กับเจ้าศาลาไปโดยตรง
“เจี้ยนเฉิน เจ้าอาจจะไม่ใช่คนของเผ่าพันธุ์ทะเลแต่เจ้าถูกเลือกโดยนางผู้สูงส่ง อีกทั้งเจ้ายังได้รับปราณจากสมาชิกของตระกูลจักรพรรดิเพื่อปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของเจ้า อยู่ที่ศาลานี้ในอนาคตและทุ่มเทให้กับการฝึกฝน เพิ่มพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะให้เหรียญผู้อาวุโสประจำศาลากับเจ้า ต่อไป เจ้าจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับผู้อาวุโสประจำศาลาในศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล” เจ้าศาลาพูด
“ถ้าผู้เยาว์เป็นผู้อาวุโสประจำศาลาแล้ว ผู้เยาว์จะไม่สามารถเข้าไปยังเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษและศาลาวิญญาณสวรรค์ได้ใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม
“ถูกต้อง พวกเราทั้งสามศาลามีข้อตกลงกัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาต คนของศาลาไม่สามารถออกไปจากอาณาเขตของตนเองได้”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้เยาว์จะขอไม่รับเหรียญนั่น” เจี้ยนเฉินปฏิเสธตำแหน่งผู้อาวุโสประจำศาลาไปอย่างง่ายดาย เมื่อเทียบกับเกราะไหมบรรพกาลแล้ว ชื่อและฐานะของผู้อาวุโสประจำศาลานั้นเทียบไม่ติดเลย
เขาจะไปเอาเกราะไหมบรรพกาลคืนจากแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์สักวันในอนาคต